posttoday

ดีพร้อม ติดอาวุธ Hero Brand เติมความรู้ “เทรนด์ความงาม ปี 2025”

06 กรกฎาคม 2568

ความยั่งยืนและความโปร่งใส เป็นหนึ่งในแนวคิดสำคัญของอุตสาหกรรมความงามโลกปี 2025 ต่อเนื่องถึงอนาคต เพราะผู้บริโภคยุคใหม่ไม่เพียงต้องการ “ผลลัพธ์ที่ดี” แต่ยังต้องการผลิตภัณฑ์และแบรนด์ที่ “ดีต่อโลก” ด้วย

KEY

POINTS

  • 67% ของ Gen Z ในเอเชียให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนมากกว่าราคาถูก
  • ตลาด AI ในเครื่องสำอางจะเติบโตจาก 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2022 สู่ 13.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2030 
  • 72% ของผู้บริโภค Gen Z และ Millennials ใช้สกินแคร์เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพจิต

ปัจจุบันผู้บริโภคมีความต้องการที่เฉพาะเจาะจงและมีความหลากหลายมากขึ้น “เทรนด์” กลายเป็นหนึ่งเครื่องมือทรงพลังที่จะผลักดันธุรกิจให้ก้าวสู่เวทีสากล กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ร่วมกับสาขาเคมีผลิตภัณฑ์และธุรกิจเครื่องสำอาง ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เปิดประตูให้ Hero Brand พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัยและปรับตัวให้เข้ากับความต้องการใหม่ของตลาด ผ่าน “กิจกรรมการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand สาขาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทย” ในหัวข้อ Future of Beauty: Trends and Forecasts 2025

 

ดีพร้อม ติดอาวุธ Hero Brand เติมความรู้ “เทรนด์ความงาม ปี 2025”

 

นายเกียรติภูมิ แสงศร กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอร์สเมติค อินโนวาทีค แลบ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสูตรตำรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง กล่าวว่า อุตสาหกรรมความงามและการดูแลส่วนบุคคลทั่วโลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ จากการขับเคลื่อนของเทคโนโลยีความยั่งยืน และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะเรื่องความยั่งยืน ที่แบรนด์ต่าง ๆ ให้การยอมรับและเน้นทำผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งข้อมูลจากแหล่งวิจัยชั้นนำชี้ให้เห็นถึง 4 เทรนด์สำคัญในปี 2025 ดังนี้

 

1. ความยั่งยืนและความโปร่งใส (Sustainability & Transparency) 

หนึ่งในแกนหลักของอุตสาหกรรมความงามโลกปี 2025 และต่อเนื่องถึงอนาคต เพราะผู้บริโภคยุคใหม่ไม่เพียงต้องการ “ผลลัพธ์ที่ดี” แต่ยังต้องการให้ผลิตภัณฑ์และแบรนด์ “ดีต่อโลก” ด้วย เช่น ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตราย และใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ หรือรีไซเคิลได้ อีกทั้งต้องมีความโปร่งใสของส่วนผสม ซึ่งผู้บริโภคต้องการทราบถึงส่วนผสมและแหล่งที่มาของวัตถุดิบ เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยและจริยธรรมของผลิตภัณฑ์ สะท้อนจากผลสำรวจผู้บริโภคที่พบว่า 67% ของ Gen Z ในเอเชียให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนมากกว่าราคาถูก และ 78% ของผู้บริโภคในยุโรปและอเมริกาเหนือเลือกแบรนด์ที่มีความโปร่งใสเรื่องส่วนผสม รวมถึงแบรนด์ที่เน้นความโปร่งใสมียอดขายเติบโตเฉลี่ยปีละ 10-20%

 

2. เทคโนโลยีและการปรับแต่งเฉพาะบุคคล (Technology & Personalization) 

เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ความงามระดับโลกที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในปี 2025 และต่อเนื่องไปอีกหลายปี โดยคาดการณ์ว่าตลาด AI ในเครื่องสำอางจะเติบโตจาก 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2022 สู่ 13.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2030 

 

ซึ่งการใช้ AI และ AR ในการวิเคราะห์สภาพผิวและแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลกำลังได้รับความนิยม เพื่อมอบประสบการณ์เฉพาะบุคคลที่แม่นยำและตอบโจทย์ผู้บริโภคเฉพาะราย โดย AI ช่วยให้แบรนด์นำข้อมูลของผู้บริโภคไปปรับปรุงผลิตภัณฑ์และประสบการณ์การใช้งานให้ตรงกับความต้องการเฉพาะบุคคล รวมทั้งแก้ pain point เช่น วิเคราะห์จากภาพถ่าย หรือการสแกนใบหน้า เพื่อประเมินความชุ่มชื่น, จุดด่างดำ หรือริ้วรอย ในขณะที่การใช้ AR ให้ผู้ใช้ลองเมคอัพเสมือนจริงผ่านกล้องมือ ช่วยลดปัญหาการคืนสินค้าในอีคอมเมิร์ซ 

 

ดีพร้อม ติดอาวุธ Hero Brand เติมความรู้ “เทรนด์ความงาม ปี 2025”

 

3. ความเป็นอยู่ที่ดีและการดูแลตนเอง (Wellness & Self-Care) 

ปัจจุบันผู้บริโภคไม่ได้ต้องการเพียง “ผิวที่ดี” แต่ยังต้องการสุขภาพจิตดี การนอนหลับดี ความสมดุลของร่างกายและอารมณ์ ส่งผลให้เกิดนวัตกรรม “Well-Beauty Integration” ซึ่งเชื่อมโยง “สกิน แคร์ บวก สุขภาพ บวก จิตใจ” เข้าด้วยกัน 

 

Wellness & Self-Care จึงกำลังกลายเป็นหัวใจของอุตสาหกรรมความงามปี 2025 ไม่ว่าจะเป็นการบูรณาการสุขภาพและความงาม อาทิ สกินแคร์ที่ช่วยในการนอนหลับ ผลิตภัณฑ์ช่วยลดความเครียด และการดูแลตนเองแบบองค์รวม โดยผู้บริโภคมองหาผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแค่ดูแลผิวพรรณ แต่ยังส่งเสริมสุขภาพจิตและความเป็นผู้ที่ดูดีโดยรวม

 

ทั้งนี้ ข้อมูลเชิงพฤติกรรมผู้บริโภค ระบุว่า 72% ของผู้บริโภค Gen Z และ Millennials ใช้สกินแคร์เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพจิต และตลาดสินค้า Beauty + Wellness คาดว่าจะมีมูลค่ารวมกว่า 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

4. ความงามที่ครอบคลุมและหลากหลาย (Inclusivity & Diversity)

เทรนด์นี้กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของความงามทั่วโลกในปี 2025 โดยผู้บริโภคคาดหวังให้แบรนด์ “ยอมรับและเคารพตัวตนที่แตกต่าง” ทั้งในเรื่องสีผิว เพศ วัยศาสนา ความพิการ และอัตลักษณ์ทางเพศ (LGBTQ+) ผ่านผลิตภัณฑ์ การสื่อสาร และการตลาดอย่างจริงใจ ซึ่งปัจจุบันแบรนด์ต่าง ๆ กำลังขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อรองรับความหลากหลาย เพื่อให้ทุกคนรู้สึกเป็นที่ยอมรับ รวมถึงทำการตลาดที่ครอบคลุม ผ่านการใช้โมเดลและมีผู้อิทธิพลจากหลากหลายภูมิหลังในแคมเปญการตลาด เพื่อสะท้อนถึงความหลากหลายของผู้บริโภค

 

นายเกียรติภูมิ แสงศร กล่าวทิ้งท้ายว่า นอกจาก 4 เทรนด์หลักแล้ว พฤติกรรมผู้บริโภคยังเปลี่ยนมาซื้อสินค้าผ่านโซเชียลคอมเมิร์ซ โซเชียลมีเดีย หรือช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ มากขึ้น ทั้ง TikTok เฟซบุ๊ค ไอจี ซึ่งเป็นอีกเทรนด์ที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญ โดยหากมีการใช้แพลตฟอร์มออนล์ ร่วมกับ AI หรือ AR จะทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจง่ายขึ้น และช่วยลดต้นทุนให้เจ้าของแบรนด์จากการไม่ต้องมีหน้าร้าน นอกจากนี้ อินฟลูเอนเซอร์จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องใช้ดาราเบอร์หนึ่งอย่างเดียวในการประชาสัมพันธ์ 

 

ข่าวล่าสุด

ราชวิทยาลัยฯ 'ไม่แนะนำ' ผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ รักษาสายตายาวตามวัย