เมื่อการนอนกระทบ GDP และชีวิตแบบโปรดักทีฟ ปัญหาที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ!
ปัญหาการนอนกระทบกับการทำงานที่มีประสิทธิภาพทั่วโลก โดยกระทบกับ GDP สหรัฐอยู่ที่ร้อยละ 1.6 ทำให้ญี่ปุ่นสูญเสียกว่าพันล้านดอลลาร์ จากการขาดลา อุบัติเหตุและการสูญเสียชีวิต แพทย์จึงระบุหลัก 10 ข้อที่ทำให้การนอนมีประสิทธิภาพ และระยะเวลาการนอนที่เหมาะสมในแต่ละวัย
หลายคนไม่เห็นความสำคัญของการนอนหลับ แค่ปล่อยให้กลไกธรรมชาติพาเรานอนก็เพียงพอ หรือฝืนได้หน่อยก็ค่อยไปหลับชดเชยก็ย่อมได้ หรือบางคนแทบจะไม่อยากนอน เพราะอยากมีเวลาเยอะๆ ด้วยความที่ว่าจะได้ใช้ไปกับการทำงาน หาเงิน รับผิดชอบหน้าที่ โดยละเลยสิ่งที่ติดตัวเรามา นั่นคือ ‘การนอน’
แต่มีการวิจัยที่พบว่าประสิทธิภาพการทำงานแท้ที่จริงแล้วต้องเริ่มจากการนอนหลับที่เพียงพอ โดยผู้ที่นอนหลับ 7-8 ชั่วโมงจะทำให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพกว่าถึงร้อยละ 20 ส่วนคนที่นอนน้อยกว่า 5 ชั่วโมงจะมีประสิทธิภาพการทำงานลดลงที่ร้อยละ 29 เลยทีเดียว โดยการทดลองพบว่า การงีบหลับครึ่งชั่วโมงระหว่างทำงานสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ร้อยละ 1
การนอนส่งผลต่อ GDP
ในประเทศออสเตรเลียได้พบว่าปัญหาการนอนนั้นส่งผลต่อ GDP โดยมีนัยยะสำคัญ คือส่งผลโดยตรง ร้อยละ 1.5 ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่ต้องใช้จ่ายในการรักษาเรื่องปัญหาการนอนหลับ ส่วนร้อยละ 4.6 คือส่งผลต่อ GDP ทางอ้อม จากปัญหาเรื่องประสิทธิภาพการทำงาน
นอกจากนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกามีรายงานว่าร้อยละ 7 ของพนักงานในสหรัฐที่นอนหลับไม่พอมีอัตราการขาดงานโดยไม่ได้วางแผนมากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับพนักงานคนอื่นๆ และส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง โดยสหรัฐต้องสูญเสียราวๆ 44.6 พันล้านดอลลาร์ในแต่ละปี และหากนับความเสียหายทางเศรษฐกิจจากโรคที่เกิดจากความผิดปกติทางการนอนทำให้สหรัฐเสียหายอีก 411 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
ในขณะที่คนทำงานซึ่งอยู่บ้านไกลจากที่ทำงานมาก แม้จะได้นอนเพิ่มชั่วโมงหนึ่งต่อสัปดาห์แล้วแต่ก็ยังมีแนวโน้มขาดงานและมีประสิทธิผลน้อยลง ส่งผลให้เกิดผลเสียทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นกว่า 138 พันล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
และร้อยละ 49.7 ของพนักงานใน 97 บริษัทที่ตั้งอยู่ในเยอรมันนีรายงานว่ามีปัญหาในการล้มและนอนหลับในระดับปานกลาง ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพงานลดลง เกิดการลาป่วยและอุบัติเหตุ!
การนอนนั้นสำคัญไฉน?
แพทย์หญิงนงนุช ภัทรอนันตนพ ผู้ช่วยอธิบดีกรมอนามัย และผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ ได้ให้ข้อมูลว่า การนอนหลับที่สม่ำเสมอและเพียงพอเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการรักษาสุขภาพ ความสำคัญของการนอน คือ เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน ได้ซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ตลอดทุกช่วงวัยตั้งแต่ทารกในครรภ์มารดา เด็กปฐมวัย และเด็กวัยเรียน การนอนหลับมีบทบาทสำคัญกับการเจริญเติบโตพัฒนาการของร่างกายและสมอง ในวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่และวัยผู้สูงอายุมีผลต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน สุขภาพและโรคประจำตัว
ส่วนการนอนหลับไม่เพียงพอ หรือโรคของการนอนหลับเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ โรคประจำตัว ภาวะภูมิต้านทานต่ำ และเพิ่มความโอกาสเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน วิถีชีวิตที่เร่งรีบส่งผลให้ประชาชนมีพฤติกรรมการนอนที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้เกิดการเสื่อมถอยของร่างกาย ทั้งกล้ามเนื้อ กระดูก สมอง การรับรู้และการตอบสนองช้าลง อาจนำไปสู่ปัญหาการนอนไม่หลับเรื้อรังได้
รู้จัก Obstructive Sleep Apnea ความผิดปกติจากการนอน อันตรายต่อตนเองและคนรอบข้าง
สำหรับคนที่เป็นเพศชาย มีภาวะอ้วน ความดันโลหิตสูง หมดรอบประจำเดือน รอบคอกว้าง และลักษณะโครงสร้างผิดปกติ รวมไปถึงปัจจัยเสริมอื่นๆ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา การทานยานอนหลับ ภาวะภูมิแพ้หรือความผิดปกติในช่องจมูก เหล่านี้ เป็นส่วนทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น หรือ OSA
โดยลักษณะอาการนั้นจะเป็นการหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งจะส่งผลต่อความจำ สภาวะอารมณ์ รวมไปถึงความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังอื่นๆ ที่สำคัญคือมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หรือการทำงานที่ผิดพลาดได้ เพราะมักจะพักผ่อนไม่เพียงพอ จนทำให้ตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกที่อ่อนเพลีย ไม่สดชื่น อารมณ์หงุดหงิดตลอดเวลา หากเป็นนานๆ เข้าจะทำให้เกิดโรคอ้วน ภาวะแทรกซ้อนของหัวใจและหลอดเลือด ประสิทธิภาพการทำงานไม่ดี อันตรายจากการทำงานหรือขับขี่รถยนต์
หลายคนอาจจะอยากรู้ว่าหากอยู่ในกลุ่มเสี่ยงจะมีวิธีการสังเกตอย่างไร สามารถสังเกตได้ดังนี้
1. เสียงกรนที่ดังแม้กระทั่งปิดประตูยังได้ยิน
2. ลักษณะของการกรนแล้วหยุดเป็นพักๆ ตามด้วยเหมือนอาการสำลักขณะนอนหลับ หรือมีผู้สังเกตเห็นว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ
3. ภาวะง่วงนอนผิดปกติ เช่น ขณะทำงานหรือหลับในขณะขับรถ
4. ไม่มีสมาธิ ขี้ลืม
5. ปวดศีรษะหลังตื่นนอนตอนเช้า
6. ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน
7. ความรู้สึกทางเพศลดลง
เพราะฉะนั้นหากใครเป็นกลุ่มเสี่ยง และรู้สึกว่าตนเองเข้าข่ายดังกล่าว จึงควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป เพื่อนำคุณภาพการนอนกลับมา
แพทย์แนะวิธีช่วยให้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอและมีคุณภาพ
สำหรับบุคคลทั่วไป ที่อยากจะมีการนอนที่เพียงพอและมีประสิทธิภาพ จากข้อมูลของกรมอนามัยได้แนะนำวิธีการนอนหลับอย่างเพียงพอและมีคุณภาพ ดังนี้
- เข้านอนและตื่นนอนให้ตรงเวลาเป็นประจำ
- รับแสงแดดตอนเช้าอย่างน้อย 30 นาที
- ไม่ควรนอนในเวลากลางวัน หากงีบหลับ ไม่ควรเกิน 30 นาที
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงคาเฟอีนและอาหารมื้อดึก 4 ชั่วโมงก่อนนอน
- งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ 4 ชั่วโมงก่อนนอน
- นอนเตียงนอนที่สบาย
- ผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวล
- ควรใช้ห้องนอนเพื่อการนอนเท่านั้น ไม่ควรเล่นโทรศัพท์มือถือ
- หากไม่หลับภายใน 30 นาที ควรลุกไปทำกิจกรรมอื่นแล้วกลับมานอนใหม่
ส่วนระยะเวลาในการนอน สมาคมโรคจากการหลับแห่งประเทศไทย แนะนำระยะเวลาในการนอนที่เหมาะสมในแต่ละวัย ได้แก่ เด็กหัดเดินอายุ 1-2 ปี เฉลี่ยวันละ 12 ชั่วโมง เด็กอนุบาล อายุ 3- 5 ปี เฉลี่ยวันละ 11 ชั่วโมง เด็กวัยประถม อายุ 6-13 ปี เฉลี่ยวันละ 10 ชั่วโมง เด็กวัยมัธยมอายุ 14-17 ปี เฉลี่ยวันละ 9 ชั่วโมง วัยผู้ใหญ่ อายุ 18 ปีขึ้นไป และผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เฉลี่ยวันละ 7-8 ชั่วโมง