posttoday

‘EEC’ เปิดทางเจรจา ‘เอเชีย เอรา วัน’ ใช้สิทธิ์ แทน ‘BOI’

21 พฤษภาคม 2567

รถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน มูลค่ากว่า 2.24 แสนล้าน เตรียมได้ข้อสรุป EEC เผยเอกชนไม่ยื่นขอ BOI ก่อนถึงเดดไลน์ 22 พฤษภาคม 2567 คาดเริ่มสร้างปีนี้หลังโครงการล่าช้ากว่า 4 ปี

โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อมสามสนามบิน ระหว่างดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา มูลค่ากว่า 2.24 แสนล้านบาท บริเวณพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งมีบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด (CP) เป็นบริษัทเอกชนคู่สัญญากับรัฐ ใกล้ได้ข้อยุติกรณีการขอรับสิทธิประโยชน์ในการลงทุนก่อสร้างแล้ว

ความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา) ล่าสุดนายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)พูดถึงเรื่องนี้ว่า : ขณะนี้การหารือระหว่างภาครัฐและเอกชนได้แก่บริษัทเอเชียเอราวัณ บริษัทลูกในเครือซีพี ผู้รับสัมปทานในโครงการนี้มีความคืบหน้าไปมากและใกล้ที่จะได้ข้อสรุปร่วมกัน โดยในการขอรับสิทธิประโยชน์ในการก่อสร้างโครงการนี้ซึ่งเดิมมีกำหนดว่าบริษัทต้องไปขอยื่นขอส่งเสริมการลงทุนกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)
 

ทั้งนี้ตามกำหนดนั้นระบุว่าเอกชนผู้รับสัมปทานจะต้องไปยื่นขอบีโอไอภายในวันที่ 22 พ.ค.นี้ โดยภาคเอกชนจะไม่ได้ขอสิทธิประโยชน์จากบีโอไอแล้ว แต่จะมายื่นขอสิทธิประโยชน์จากอีอีซีซึ่งตรงนี้ก็ต้องมีการหารือกันในภาพใหญ่รวมกับการแก้ไขสัญญาซึ่งในส่วนนี้รวมทั้งการหารือเกี่ยวกับการออกหนังสือให้เอกชนเริ่มงาน (NTP : Notice to Proceed)  ซึ่งจะมีการหารือกันในเรื่องนี้ด้วยเพื่อให้มีการเริ่มการก่อสร้างได้ ซึ่งเป็นกรอบในการเจรจาที่มีอยู่

“กรอบที่จะดำเนินการนั้นมีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าต้องคุยกับให้จบ ในการเจรจาต่างๆ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้ทางอีอีซีก็ต้องคุยกับทางเอเชียเอราวัณ ก็คือเราต้องดูทั้งโปรเจ็กต์นี้ ซึ่งเหลือในรายละเอียดที่ต้องคุยในปีนี้ก็น่าจะเริ่มก่อสร้างโครงการได้ภายในปีนี้”

ทั้งนี้ยอมรับว่าโครงการนี้ล่าช้ากว่าแผนไปประมาณ 4 ปี โดยการมที่มาหารือกับอีอีซีเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ในการทำโครงการรถไฟไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบินก็ถือว่าไม่ได้ทำให้โครงการต้องล่าช้าออกไปอีก
 

แต่เพียงแค่ต้องมาหารือกันเรื่องของสิทธิประโยชน์ให้ชัดเจนว่าเอกชนต้องการอะไรแล้วอีอีซีเราสนับสนุนอะไรได้บ้าง เพราะอีอีซีเราสามารถเจรจาเรื่องของผลประโยชน์ได้ ซึ่งใช้ในรูปแบบของการต่อรองเพราะต้องมาดูภาพรวมของโครงการด้วย เพราะมีทั้งเรื่องของการก่อสร้างรถไฟ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งก็ต้องมาดูร่วมกันในภาพใหญ่

ส่วนประเด็นเรื่องของการลงทุนโครงการจากสถานีรถไฟหลักสี่ไปถึงบางซื่อถึงทับซ้อนกับทางรถไฟไทย-จีน เรื่องนี้ก็อยู่ในประเด็นที่คุยกันด้วย ซึ่งก็ยึดตามการหารือเดิมที่บอกว่าใช้ความเร็วระดับ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งโครงสร้างในส่วนนี้อาจจะไม่ต้องรองรับความเร็วของรถไฟความเร็วสูงในระดับ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้ว ทำให้สามารถเริ่มก่อสร้างได้เร็วขึ้น
 

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2