'เข็มเหล็ก' นวัตกรรมเสาเข็ม พลิกอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย

ประกาศแผนปี63 ชิงส่วนแบ่งตลาดฐานรากมูลค่า 1.5 แสนล้านบาทในอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย พร้อมเดินหน้าระดมทุนตลาดหลักทรัพย์ ปลายปีหน้า

นายประเสริฐ ธรรมมนุญกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เข็มเหล็ก จำกัด กล่าวว่า บริษัท ได้พัฒนานวัตกรรมโซลูชันงานบริการและวัสดุ "เสาเข็มเหล็ก" เพื่อรองรับงานฐานรากในอุตสาหกรรมงานก่อสร้าง เพื่อทำตลาดในกลุ่มธุรกิจต่อธุรกิจ(บีทูบี) และ ธุรกิจต่อผู้บริโภค (บีทูซี) ทั้งในประเทศและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โดย บริษัทมองเห็นโอกาสในอุตสาหกรรมงานก่อสร้างของประเทศไทยในปี 2562 มีมูลค่าอยู่ 10% หรือราว 1.5 ล้านล้านบาท ของจีดีพีประเทศไทย ส่วนงานฐานรากมีมูลค่าประมาณ 10 % หรือ 1.5 แสนล้านบาท ของมูลค่าการก่อสร้างของประเทศไทย แบ่งเป็นกลุ่ม Heavy Weight Foundation สัดส่วน 30% รองรับน้ำหนัก 1,000 ตันขึ้นไป และ กลุ่ม Light Weight Foundation สัดส่วน 70%

"ตลาดงานก่อสร้างฐานราก กลุ่ม ไลท์ เวทต์ ฟาวเดชัน มีมูลค่ากว่าแสนล้านบาทต่อปี ซึ่งยังมีอัตราการขยายตัวตามความต้องการของตลาดงานบริการวัสดุเสาเข็ม คาดมีมูลค่ากว่า 3หมื่นล้านบาท โดยเข็มเหล็กต้องการเข้าไปทดแทนตลาดบริการวัสดุก่อสร้างวัสดุเสาเข็มปูน และ เสาเข็มไม้ ในปัจจุบัน ซึ่งในปีหน้าแม้ว่าจะมีการปรับลดจีดีพีของประเทศ และอาจทำให้สัดส่วนอุตสากรรมงานก่อสร้างไทยปรับลดลง แต่ก็เชื่อว่าไม่กระทบกับงานบริการฐานรากก่อสร้าง" นายประเสริฐ กล่าว 

เนื่องจากในปัจจุบัน งานฐานราก "เข็มเหล็ก" ได้ถูกนำมาใช้ทดแทนฐานรากปูนแบบเดิมมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนงานฐานรากในการต่อเติมอาคารที่พักอาศัย หรือ อาคารขนาดเล็ก รวมถึงใช้ทดแทนเสาเข็มปูนในการก่อสร้างอาคารขนาดไม่เกิน 2 ชั้น นอกจากนี้ยังได้รับความนิยมนำมาใช้กับอาคารประเภทน็อคดาวน์ อีกด้วย

สำหรับค่าบริการ/ค่าใช้จ่ายงานฐานราก วัสดุเสาเข็มเหล็ก จะอยู่ในอัตราเดียวกับงานฐานรากเสาเข็มปูนในปัจจุบัน แต่มีจุดเด่น คือ การให้บริการในการติดตั้งที่รวดเร็วกว่าราว 5 เท่าตัว หรือใช้เวลาติดตั้งเสาเข็มเหล็ก ราว 1 นาทีต่อ 1 ต้น เมื่อเทียบกับการใช้เสาปูนในปัจจุบัน

นอกจากนี้ งานบริการวัสดุก่อสร้างฐานรากดังกล่าว ยังเข้ามาแก้ไขปัญหาการจ้างแรงงาน อีกด้วยงานฯเสาเข็มเหล็ก จะใช้แรงงานเพียง 3 คนเพื่อติดตั้งเท่านั้น โดยวัสดุบริษัทการันตีการออกแบบอายุการใช้งาน100 ปี เทียบเท่ากับวัสดุฐานรากปูน

นายประเสริฐ กล่าวว่าสำหรับแผนธุรกิจในปี 2563 บริษัทเตรียมนำบริษัทเข็มเหล็ก เข้าระดมทุน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (MAI) ในช่วงปลายปี วางเป้าหมายระดมทุนราว 240 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ทั้งด้านการผลิตขยายการติดตั้งเครื่องจักร และ การทำตลาดเพิ่มจำนวนตัวแทนขาย(เซลล์) ของบริษัท

พร้อมวางแผนขยายศูนย์บริการ (ฮับ) ให้ครอบคลุมในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออก และ ตะวันตก รวมไม่ต่ำกว่า 7-8 แห่งในปีหน้า จากปัจจุบันบริษัทมีสาขาให้บริการทั้งในกรุงเทพฯ และใน 8จังหวัดภาคเหนือ มีโรงงานสองแห่งในจังหวัดฉะเชิงเทราและจังหวัดระยอง

ขณะที่ในปีนี้ บริษัทคาดจะมียอดรับรู้รายได้อยู่ที่ 600 ล้านบาท จากในปี2561 มีผลประกอบการราว 500 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้มาจาก 1.งานติดตั้งเสาเข็มเหล็ก ในกลุ่มธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ขนาด 1,500 เมกะวัตต์ 2.บริษัทได้รับสิทธื์ทำตลาด (ไลเซนส์)โซลาร์ฟาร์ม ขนาด 21 เมกะวัตต์ ส่วนที่ 3 งานด้าน EPC (Engineering Procurement Construction) และกลุ่มที่ 4 งานวัสดุเข็มเหล็ก