posttoday

ทุนญี่ปุ่นกว้านซื้อคอนโดสุขุมวิท

23 มิถุนายน 2556

ทุนญี่ปุ่นบุกไทยซื้อคอนโดยกล็อต ลงทุนรับไทยศูนย์กลางหลังเปิดเออีซี ชี้สุขุมวิทยังฮอตไม่เสื่อม

ทุนญี่ปุ่นบุกไทยซื้อคอนโดยกล็อต ลงทุนรับไทยศูนย์กลางหลังเปิดเออีซี ชี้สุขุมวิทยังฮอตไม่เสื่อม

นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีแนวโน้มว่าชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะการซื้อคอนโดมิเนียมในโครงการต่างๆ แบบยกล็อต เพื่อนำมาปล่อยเช่าให้ชาวญี่ปุ่นด้วยกัน ในลักษณะจัดตั้งเป็นนิติบุคคล เพราะความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ของชาวญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น จากการที่มีนักลงทุนชาวญี่ปุ่นทั้งรายย่อยและรายใหญ่เข้ามาลงทุนในไทยต่อเนื่อง แม้ว่าประเด็นเรื่องปรับขึ้นค่าแรงงาน 300 บาทต่อวัน จะทำให้การลงทุนใหม่ๆ ของชาวญี่ปุ่นขยับไปที่อินโดนีเซียบ้าง แต่ไทยก็ยังเป็นฐานใหญ่ของญี่ปุ่นอยู่

นอกจากนี้ ปัจจัยเรื่องการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ยังมีผลให้นักลงทุนชาวญี่ปุ่นสนใจใช้ไทยเป็นฐานติดต่อการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะไทยมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมกว่าประเทศเหล่านั้น

“ก่อนหน้านี้จะพูดกันถึงชาวจีน รัสเซียมาซื้อคอนโดแบบยกล็อต ซึ่งหากดูกันจริงๆ แล้ว ชาวญี่ปุ่นมีภาพที่ชัดเจนกว่า โดยเฉพาะปีนี้ที่มีการโตมากขึ้น โดยปัจจุบันความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยในใจกลางสุขุมวิทมากกว่า 70-80% เป็นชาวญี่ปุ่น” นายภูมิภักดิ์ กล่าว

ขณะที่ทำเลที่ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ให้ความสนใจยังคงอยู่บริเวณสุขุมวิท ซอย 24 ซอย 55 (ซอยทองหล่อ) และปัจจุบันขยับไปบริเวณพระโขนงบ้าง โดยลักษณะห้องที่นิยมก็แบ่งเป็น 1 ห้องนอน สำหรับชาวญี่ปุ่นที่โสด และ 2 ห้องนอน ขนาดประมาณ 70 ตารางเมตร (ตร.ม.) สำหรับครอบครัว ส่วนการซื้อชาวญี่ปุ่นจะสนใจห้องชุด ราคาประมาณ 3-15 ล้านบาท

สำหรับความเคลื่อนไหวดังกล่าวสอดคล้องกับผลสำรวจของบริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) ที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ ที่ระบุว่า ปัจจุบันเจ้าของที่ดินใจกลางสุขุมวิทนิยมนำที่ดินมาพัฒนาเป็นอพาร์ตเมนต์ปล่อยเช่าให้ชาวญี่ปุ่น เพราะเห็นว่าความต้องการสูงขึ้นมาก อัตราค่าเช่าห้องขนาด 55-66 ตร.ม. อยู่ที่ 3.8-4.5 หมื่นบาทต่อเดือน ขนาด 2 ห้องนอน พื้นที่ 120-125 ตร.ม. ค่าเช่า 6.8-7.8 หมื่นบาทต่อเดือน และขนาด 3 ห้องนอน พื้นที่ 170 ตร.ม. ค่าเช่า 9-9.4 หมื่นบาทต่อเดือน

ทั้งนี้ จากการสำรวจของแผนกวิจัย ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ณ สิ้นปี 2555 พบว่า มีอพาร์ตเมนต์เกรดเอและบีในย่านสุขุมวิท ช่วงระหว่างซอย 1-65 และซอย 2-44 ประมาณ 8,500 ยูนิต และในปี 2556 นี้จะมีอพาร์ตเมนต์ใหม่เพิ่มเข้ามาประมาณ 250 ยูนิต และมีอัตราการเข้าพักอาศัยเฉลี่ยย่านนี้สูงถึง 91.4%

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไทยจะมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวัน แต่อัตราค่าแรงของแรงงานวิชาชีพยังถูกกว่าประเทศญี่ปุ่นมาก ทำให้นักลงทุนชาวญี่ปุ่นสนใจมาตั้งฐานในไทยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด กลุ่มธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายกลาง รายเล็กได้ย้ายฐานผลิตมาในไทยมากขึ้น

นอกจากนี้ กลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่น ได้แก่ บริษัท มิตซุย ฟุโดซัง เรสซิเด็นเชียล ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่นได้เริ่มขยายการลงทุนเข้ามาในไทย โดยร่วมลงทุนกับบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ตั้งบริษัทใหม่ โดยเม็ดเงินลงทุนเบื้องต้น 1,800 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในแนวรถไฟฟ้า โดยจะนำเอานวัตกรรมการออกแบบและก่อสร้างของญี่ปุ่นมาใช้