posttoday

นวัตกรรมความยั่งยืน เศรษฐกิจดิจิทัล และชุดความคิด คือฝันเรื่องเดียวกัน

23 ธันวาคม 2565

อะไรคือ ชุดความคิด หรือ Mindset ที่มีปัญหาของประเทศไทยที่ถูกนำมาตอกย้ำ บนเวที Next Step Thailand 2023 ด้วยความหวังถึงอนาคตที่ดีกว่า แต่คำถามคือ Mindset ของรัฐบาลและนักการเมืองยุคนี้จะนำประเทศข้ามผ่านโลกยุคหลังโควิดไปได้ด้วยอะไร ด้วยเครื่องมือ หรือกติกาแบบไหนกัน

นวัตกรรมความยั่งยืน เศรษฐกิจดิจิทัล และชุดความคิด คือฝันเรื่องเดียวกัน

ภายในงานสัมนา Next Step Thailand 2023 ทิศทางแห่งอนาคตของเครือเนชั่น นำโดย สปริงนิวส์ เนชั่นทีวี และโพสต์ทูเดย์ที่ห้องแกรนด์ บอลลูม โรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ มีวิทยากรทั้งจากภาคเอกชนและนักการเมืองมาร่วมแสดงแนวคิดแห่งอนาคตกันมากมายหลายท่าน ในหัวข้อ INNOVATION OF SUSTAINABILITY เพื่อประเทศไทยยั่งยืนทั้ง 2 ช่วง

ชุดความคิด หรือ Mindset ที่มีปัญหาของประเทศไทย ถูกนำมาตอกย้ำ ด้วยความหวังถึงการเปลี่ยนแปลงสู่อนาคตที่ดีกว่า แต่คำถามคือ Mindset ของรัฐบาลหรือผู้นำในยุคนี้ที่ถูกมองว่าคือ “ตัวถ่วง” หรือ “จระเข้ขวางคลอง” ของคนรุ่นใหม่ จะนำประเทศข้ามผ่านโลกยุคหลังโควิดไปได้ด้วยอะไร ด้วยเครื่องมือ หรือกติกาแบบไหน 

นวัตกรรมความยั่งยืน เศรษฐกิจดิจิทัล และชุดความคิด คือฝันเรื่องเดียวกัน

ด้านกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวในการเซสชั่นแสดงวิสัยทัศน์ 7 นาทีของหัวหน้าพรรคการเมือง 5 พรรคที่มาร่วมเวทีว่า 

“สิ่งสำคัญที่สุดในการสร้าง GrowthTech ในการที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นก็คือ การเปลี่ยนชุดความคิด หรือ Mindset โดยเฉพาะของภาครัฐ ภาคราชการ และนักการเมือง”

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า "ไทยจะมียูนิคอร์นได้ ต้องมีนักการเมืองที่สู้กับช้างอุ้ยอ้ายและเสือนอนกินก่อน"

หรือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ที่จิ้มต่อว่า "รัฐคือตัวถ่วงด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย" และ "กฎหมายและรัฐราชการคือจระเข้ขวางคลอง"

ถ้าแปลความระหว่างบรรทัดอาจหมายถึง ก่อนจะว่าไปถึงโลกยุคดิจิทัลช่วยจัดการกับชุดความคิดเก่าๆ ที่เป็นอุปสรรคของการพัฒนาเสียก่อน

แต่คำถามสำคัญคือ เราจะเปลี่ยนชุดความคิด หรือ mindset ของคนยุคหนึ่งได้อย่างไร?

ในขณะที่ความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีนวัตกรรมปัจจุบันเป็นไปอย่างก้าวกระโดด คนรุ่นใหม่แสดงอาการส่ายหัวกับชุดความคิดเก่าที่ดูราวกับขังตัวอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติมายาวนาน

นวัตกรรมความยั่งยืน เศรษฐกิจดิจิทัล และชุดความคิด คือฝันเรื่องเดียวกัน

ส่วนคนรุ่น Baby Boom ส่ายหัวให้กับสิ่งใหม่ๆ ที่เข้ามาแทนที่อย่างไม่อาจเข้าใจ 

ความเหลื่อมล้ำทางความคิด การศึกษา ปรัชญาของคนอีกรุ่นหนึ่งกับคนอีกรุ่นหนึ่งถูกนำมาตีแผ่และแสดงออกในพื้นที่สาธารณะอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ยังไม่นับว่า ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่ทำให้ชนชั้นนำมีชุดความคิดแตกต่างจากชนชั้นอื่นๆ ในมุมมองที่กว้างขวาง มิติภาพปัญหาของประเทศไทยในสายตาของคนแต่ละชั้น แต่ละรุ่น ไม่มีทางที่จะเหมือนกันหรือเป็นไปในทิศทางเดียวกันได้เลย มันไม่ใช่แค่สงครามทางความคิดระหว่างชนชั้นหรือขั้วทางการเมืองอีกต่อไป แต่คือสงครามของชุดความคิดคนละชุด ของคนต่างวัย ต่างประสบการณ์ต่างหาก

และบางทีสิ่งที่น่ากลัวและถ่วงความเจริญอาจไม่ใช่ ชุดความคิดของคนรุ่นก่อนเสมอไปก็เป็นได้ หากคือ ชุดความคิดของคนรุ่นใหม่ที่ยังไม่เจริญเติบโต ถูกทำให้แคระแกร็นอยู่ใต้ขอบฟ้าในโลกกรีนเฮาส์ ฝันว่าโลกสวยอยู่ในความฝันนิรันดรก็เป็นได้

คนรุ่นหนึ่งมองว่า ชุดความคิดเก่าแก่ที่ทับถมกันมาอย่างยาวนาน ฉุดดึงการก้าวไปข้างหน้าในทุกทางทุกมิติ แม้คนรุ่นใหม่จะพยายามผลักดัน ขับดัน หรือต่อสู้กันอย่างไร ก็ยังยากที่ผู้นำในรัฐบาลที่มีอายุเฉลี่ยรวมกันเกือบ 70 ปีจะนำพาประเทศขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ด้วยกติกาโลกใหม่ ไม่ว่าคุณจะใช้นิยามใดอธิบายกาลเวลาในภายภาคหน้า 

นวัตกรรมความยั่งยืน เศรษฐกิจดิจิทัล และชุดความคิด คือฝันเรื่องเดียวกัน

แม้แต่หัวหน้าพรรคสายเลือดใหม่ของพรรคการเมืองที่อนุรักษ์นิยมที่สุดอย่างคุณจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังบอกว่า

“สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ประเทศไทยต้องเตรียมความพร้อมที่จะรองรับกติกาโลก เพราะกติกาดิจิทัลอีโคโนมี (Digital Economy) กำลังมา ประเทศไทยต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้”

คำถามคือ แล้วกติกาในประเทศของเราพร้อมรับมือกับกติกาโลกใหม่แล้วหรือยัง?

นอกจากคำพูดสวยหรู ว่าด้วยการนำพาประเทศไปสู่อนาคตข้างหน้าผ่านวิสัยทัศน์แล้ว เรากำลังพูดถึงวันข้างหน้า ก้าวต่อไปของประเทศไทย คนรุ่นใหม่ เศรษฐกิจดิจิทัล Digital Transformation Digital Disruption 5G 6G ไม่ว่าคุณจะเรียกมันว่ายุคอะไร ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนถูกตั้งคำถาม ถูกตรวจสอบและถูกบันทึกไว้แล้วในวันนี้

นี่คือยุคที่คุณจะดิ้นไม่หลุดหากคุณทำความผิด จะเป็นเหมือนกับที่คุณกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวไว้จริงไหมว่า

“อาวุธที่ดีที่สุดที่จะต่อสู้กับคอรัปชั่นก็คือ Digital Technology” และ “Digital Footprint หรือ รอยเท้าดิจิทัล (สิ่งที่เราบันทึกไว้ในระบบดิจิทัล) มีทั้งความโปร่งใส มีทั้งหลักฐาน ไม่ว่าจะทำยังไงก็ดิ้นไม่หลุด”

แนวคิดดิจิทัล นำพาเราฝันไกลสู่ Digital Government ที่จะเข้ามาจัดการกับกลโกงรูปแบบต่างๆ ได้ ต่อไป AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์จะทำหน้าที่ประมวลผลและตรวจสอบถูกผิด ดี ชั่วแทนมนุษย์ ด้วยหลักฐาน ด้วยเหตุผล ด้วยปัญญาเฉกเช่นมนุษย์

นวัตกรรมความยั่งยืน เศรษฐกิจดิจิทัล และชุดความคิด คือฝันเรื่องเดียวกัน

แล้วเราจะยืนอยู่ตรงไหนในวันที่กติกาหรือระเบียบโลกเปลี่ยนไปอีกครั้ง

อย่างที่เรารู้กันว่า ความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในปัจจุบันนั้นไม่ใช่การแข่งขันกันเพื่อเป็นมหาอำนาจทางการค้าอีกแล้ว (เหมือนกับในตอนที่สหรัฐฯ ใช้กลยุทธ์ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในการกำหนดระเบียบโลกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2) หากแต่เป็นการแข่งขันเพื่อแย่งชิงความเป็นมหาอำนาจทางเทคโนโลยี และลึกลงไปยิ่งกว่านั้นก็คือ การแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งชาติมหาอำนาจสูงสุด จนสามารถเป็นผู้กำหนดระเบียบโลกได้นั่นเอง 

เป็นความจริงที่ว่า ใครที่พัฒนาและครอบครองเทคโนโลยีได้ก่อน ก็มักได้เปรียบกว่า และสามารถใช้กลยุทธ์นี้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจได้

และเรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับประเด็นความมั่นคงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง นั่นเพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับความมั่นคงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยีโครงข่าย 5G และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพราะจะปลดล็อกให้สามารถควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลผ่านโครงข่าย 5G จากทั้งโลกได้

นวัตกรรมความยั่งยืน เศรษฐกิจดิจิทัล และชุดความคิด คือฝันเรื่องเดียวกัน

จึงไม่แปลกหากจะบอกว่า เราสามารถใช้เทคโนโลยีปราบการคอรัปชั่นได้ แต่ที่ยังปราบไม่ได้เพราะมันยังโกงกันไม่หยุด เหมือนที่คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างติดตลก

แต่ก่อนที่จะไปถึงกติกาโลกใหม่ที่ว่านั้น กลับมาก่อน เพราะหากเราสามารถจัดการหรือเปลี่ยนแปลง “ชุดความคิด” ได้อย่างจริงจังอย่างที่ฝันไว้ เชื่อว่า เราจะมี “กติกาประเทศใหม่” ที่ตอบสนองกติกาโลกได้อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าคุณจะฝันถึงโลกที่ยั่งยืน คุณภาพชีวิตที่ดี สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย หรือ หนึ่งตำบล หนึ่งคนดิจิทัล 

ภาพฝันเหล่านี้ กำลังก่อร่างสร้างตัวเองผ่านวาทะกรรม คือภาพฝันถึงโลกในยุคต่อไป โลกที่คนรุ่นต่อไปเฝ้ารอ ว่ามันจะเกิดขึ้นได้ในประเทศไทยใช่ไหม 

และคำถามข้อสุดท้ายสำหรับประเทศไทยก็คือ Mindset ชุดไหนที่พวกเราและนักการเมืองในยุคนี้ต้องเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน แล้วเราจะเปลี่ยนมันได้อย่างไร ด้วยอะไร?


Kanthorn A.