posttoday

'ปิยบุตร'โวยไม่ควรถูกฟ้องคดียุยงปลุกปั่นปมจัดClubhouseเมื่อปี64

09 มกราคม 2567

ตำรวจนางเลิ้งคุมตัวปิยบุตร แสงกนกกุลพร้อมสำนวนฟ้องข้อหาผิดม.116-พรบ.คอมฯ อัยการนัดฟังคำสั่งครั้งแรก8ก.พ.67 เจ้าตัวโวยไม่ควรถูกฟ้องตั้งแต่แรก

เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ อาคารกรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง
พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง นัดส่งตัวพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีตอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในความผิดฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 เเละความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ฯให้พนักงานอัยการพิจารณาสำนวนเพื่อมีคำสั่ง กรณีนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้าแจ้งความดำเนินคดีกรณีจัดรายการใน Clubhouse เมื่อวันที่ 3มี.ค. 2564

นายปิยบุตรให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าพบพนักงานอัยการว่า กรณีการจัดรายการช่วงมี.ค.64 นายณฐพรได้อ่านฟังข้อความหรือไม่ ตนไม่ทราบก็ไปแจ้งความพนักงานสอบสวน 17 เม.ย.2566 ตอนนี้ผ่านมา9เดือนสุดท้ายพนักงานสอบสวนมีความเห็นทำสำนวนมาส่งให้อัยการซึ่งการสอบสวนก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญเเละตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่สันนิษฐานว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่ได้มีการควบคุมตัวใดๆทั้งสิ้น และให้สิทธิ์ในการต่อสู้คดีเต็มที่ 

แต่สิ่งที่ผมจะตั้งข้อสังเกตไว้มาตลอดก็คือตกลงเหลือประเทศไทยเราในกระบวนการยุติธรรมอาญาวิธีพิจารณาความอาญา เราจะเดินหน้ากันแบบไหนตกลงแล้วจะให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจหน้าที่เป็นเหมือนคนส่งหมาย ส่งสำนวนมาให้อัยการโดยที่ไม่มีดุลพินิจอะไรเลย ซึ่งชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าพนักงานสอบสวนก็คงต้องสอบสวนให้เต็มที่ 

ตอนตนไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สน. นางเลิ้งขอสมมุติว่าถ้าท่านมาเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ถ้าเราคิดแบบทำเป็นโจทย์ข้อสอบตนเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยไม่เข้าองค์ประกอบความผิดเเละจะไม่ต้องมารับทราบข้อกล่าวหาไม่ต้องมานั่งถูกทำสำนวนส่งอัยการด้วยซ้ำแต่ที่ผ่านมาเพราะเป็นคดีที่เกี่ยวพันกับความมั่นคง ดุลพินิจของพนักงานสอบสวนมันหายไปเลยและตามน้ำกันไปหมด ต้องลองดูว่าที่ผ่านมามีจำนวนมากที่ศาลยกฟ้อง พนักงานสอบสวนต้องมีดุลพินิจ ซึ่งยืนยันว่าถ้าเรื่องไหนไม่เข้าองค์ประกอบก็ควรจะไม่ต้องรับตั้งแต่แรกจะได้ไม่ต้องทำสำนวนส่งมาที่อัยการ

ฝ่ายบริหารรัฐบาลชุดนี้ที่นำโดยพรรคเพื่อไทยได้ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนตอนช่วงหาเสียงโดยแกนนำของพรรคเพื่อไทยพูดไว้ว่า ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือ 116 เเละกฎหมายที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพมันไม่ต้องไปแก้ไขหรือยกเลิก แค่จัดการแก้ปัญหากระบวนการยุติธรรมก็เพียงพอแล้วใช้มาตราการบริหารทำกระบวนการยุติธรรมให้มันยุติธรรมก็พอแล้ว วันนี้รัฐบาลเข้ามาปฎิบัติหน้าที่แทบจะไม่เห็นพูดเรื่องนี้เลย  ทั้งที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ง่ายมาก เเค่สั่งให้พนักงานสอบสวนปฏิบัติหน้าที่อย่างมาตรฐานเท่าเทียมกันไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นคดี112 หรือ116 หรือคดีการเมือง

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของตนคนเดียวเป็นเรื่องของคนอีกมากมายที่เสียเวลาแบบนี้ เเละมันเปิดทางให้อาชีพใหม่มันเกิดก็คืออาชีพนักร้อง ซึ่งหน้าเดิมๆทั้งนั้น ขอฝากสื่อมวลชนไปสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรี

“ไปถามทนายผู้พิพากษาอัยการที่ไหนก็ได้ถามนอกรอบก็ได้ว่าเคสตรงนี้มันเข้า 116 ตรงไหนมันยุยงปลุกปั่นไหมเป็นคนบอกด้วยซ้ำว่าให้ทำและรณรงค์ให้ใจเย็นทั้งสองฝ่ายและกลายเป็นว่าผมปลุกปั่น ส่วนเรื่องขอความเป็นธรรมต่ออัยการเดี๋ยวต้องลองคุยกับทนายความดูว่าจะดำเนินการขั้นตอนอย่างไร แต่เราคิดดูประชาชนจำนวนมากอย่างเช่นประชาชนตาดำๆนิสิตนักศึกษาโดนและมีภาระเต็มไปหมดเเล้วบอกว่าจะปรองดอง บอกว่าจะก้าวข้ามความขัดแย้งเเต่เรื่องแบบนี้มันยังมีอยู่เต็มไปหมดมันจะจบไปได้ยังไง” นายปิยบุตรระบุ

ทั้งนี้ พนักงานอัยการสำนักงานอัยการกรุงเทพใต้ได้นัดนายปิยบุตร ฟังคำสั่งครั้งเเรกในวันที่ 8 ก.พ.2567 ช่วงเช้า