สมศักดิ์ประชุมแพทยสภาจุดเปราะบางแห่งอำนาจกับจริยธรรมวิชาชีพ
“สมศักดิ์” ประกาศร่วมประชุมแพทยสภา 12 มิ.ย. ชี้แจงกรณีวีโต้โทษ 3 หมอ ปมทักษิณ – จุดเปราะบางระหว่างอำนาจรัฐกับจริยธรรมวิชาชีพ
ภาพรวมสถานการณ์
วันที่ 12 มิถุนายนนี้ คณะกรรมการแพทยสภาจะประชุมพิจารณาอีกครั้งในกรณีที่มีมติลงโทษแพทย์ 3 ราย ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดูแลอดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร ขณะพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
กรณีนี้กลายเป็นประเด็นร้อน หลังจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะ “นายกสภาพิเศษ” ใช้ สิทธิ์ “วีโต้” มติแพทยสภา พร้อมประกาศเข้าร่วมประชุมในฐานะผู้มีสิทธิร่วมประชุมตามกฎหมาย เพื่อ ชี้แจงเหตุผลประกอบการพิจารณาใหม่
กฎหมายรองรับสิทธิ “เข้าประชุม – วีโต้”
มาตรา 24 แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525
ให้นายกสภาพิเศษ (รมว.สาธารณสุข) เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการแพทยสภาได้
แต่ไม่มีสิทธิออกเสียงลงมติ
มาตรา 25 ให้อำนาจรัฐมนตรีในการ “ส่งเรื่องกลับ” หากเห็นว่ามติของแพทยสภาไม่เหมาะสม พร้อมระบุเหตุผลให้ชัดเจน
จุดเปราะบาง: วิชาชีพ vs อำนาจรัฐ
แม้การกระทำของนายสมศักดิ์จะอยู่ในกรอบกฎหมาย
แต่การ แทรกตัวของฝ่ายบริหารเข้าไปในเวทีตัดสินจรรยาบรรณของวิชาชีพแพทย์ อาจถูกมองว่า บั่นทอนความเป็นอิสระขององค์กรวิชาชีพ
ผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรมวิชาชีพแสดงความเป็นห่วงว่า หากฝ่ายการเมืองสามารถมีบทบาทเกินขอบเขต แม้โดยชอบด้วยกฎหมาย อาจทำให้แพทยสภาถูกมองว่าขาดความเป็นกลางในการตัดสินเรื่องจรรยาบรรณ
ประเด็นการเมืองแฝง: ชื่อ “ทักษิณ” ยังเป็นแรงสั่นสะเทือน
กรณีนี้ผูกโยงกับบุคคลทางการเมืองระดับสูงอย่างนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีคดีความค้างอยู่ในกระบวนการยุติธรรม และการที่แพทย์ให้พักรักษานอกเรือนจำ เคยถูกวิจารณ์ว่า “อภิสิทธิ์เหนือผู้ต้องขังทั่วไป”
การที่รัฐมนตรีสาธารณสุขเข้าไปมีบทบาทต่อผลการพิจารณาของแพทยสภา จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกตีความว่า เกี่ยวข้องกับความพยายามปกป้องนักการเมือง
เสียงประชาชน: นิด้าโพลสะท้อนความไม่เชื่อมั่น
นิด้าโพลเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน พบว่า
54% ไม่เชื่อมั่นการทำหน้าที่ของแพทยสภา
ขณะที่หน่วยงานอื่นๆ ได้รับความเห็นในเชิงบวกมากกว่า
นายสมศักดิ์ชี้ว่า ตัวเลขนี้ควรถูกนำมาพิจารณาอย่างจริงจัง พร้อมย้ำว่า ตนเข้าร่วมประชุมเพื่อสร้างความเข้าใจ ไม่ใช่เผชิญหน้า
บทสรุป: ทางสองแพร่งของแพทยสภา
กรณีนี้กำลังเป็น “บททดสอบความเป็นอิสระ” ของแพทยสภา
ว่าจะสามารถรักษาหลักจริยธรรมวิชาชีพภายใต้แรงกดดันจากฝ่ายบริหารได้หรือไม่
12 มิถุนายนนี้ ไม่ใช่แค่วันประชุมของบอร์ดแพทยสภา
แต่เป็นวันตัดสิน “ทิศทางความน่าเชื่อถือ” ขององค์กรวิชาชีพแพทย์ไทยท่ามกลางแรงกระเพื่อมทางการเมือง