ยกเครื่องเพื่อไทย เดิมพันคนรุ่นใหม่ ปักหมุดเศรษฐกิจดิจิทัล
ความพ่ายแพ้ปี 2566 บังคับเพื่อไทยรื้อโครงสร้างทั้งระบบ จากพรรคที่ยึดตัวบุคคล สู่สถาบันการเมือง เปิดทางคนรุ่นใหม่และยุทธศาสตร์เศรษฐกิจดิจิทัล
KEY
POINTS
- พรรคเพื่อไทยปรับโครงสร้างครั้งใหญ่หลังพ่ายแพ้การเลือกตั้ง โดยเปลี่ยนระบบการสื่อสารและตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นสถาบันการเมือง
- พรรคเดิมพันกับคนรุ่นใหม่ผ่านการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี "ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์" เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงและเชื่อมโยงฐานเสียงเดิมเข้ากับคนรุ่นใหม่
- พรรคปักหมุดทิศทางใหม่โดยมุ่งเน้นนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นหลัก ทั้งการใช้ AI ในโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างรัฐบาลดิจิทัล และการยกระดับความมั่นคงทางไซเบอร์
พ่ายเลือกตั้งคือสัญญาณเตือน ยกเครื่องทั้งพรรค
การเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 คือจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ของ พรรคเพื่อไทย เมื่อพรรคที่เคยครองบทบาทแกนนำทางการเมืองต้องถอยมาเป็นอันดับสอง กระแสวิจารณ์หลังวันเลือกตั้งไม่ได้หยุดแค่ผลคะแนน แต่ลุกลามไปถึงคำถามเชิงโครงสร้าง ว่าพรรคยังตอบโจทย์สังคมไทยยุคใหม่ได้หรือไม่
แรงกดดันจากการคาดการณ์ว่า ที่นั่งอาจ “ต่ำร้อย” ในการเลือกตั้งครั้งถัดไป กลายเป็นตัวเร่งให้พรรคต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ นั่นคือการ “ยกเครื่อง” ทั้งโครงสร้าง วิธีคิด และวิธีทำงาน เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในสนามการเมืองที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ยุทธศาสตร์ใหม่นี้ไม่ใช่การปรับภาพลักษณ์ระยะสั้น หากแต่เป็นความพยายามเปลี่ยนพรรคจากการเมืองที่ผูกกับตัวบุคคล ไปสู่การเป็น “สถาบันการเมือง” ที่มีระบบ มีนโยบาย และมีผู้นำหลายรุ่นรองรับอนาคต
รื้อโครงสร้างภายใน สร้างระบบพรรคแท้จริง
หัวใจของการเปลี่ยนแปลงเริ่มจากการยอมรับข้อผิดพลาด แกนนำพรรคอย่าง จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ยอมรับตรงไปตรงมาว่า ความพ่ายแพ้ส่วนหนึ่งมาจากการบริหารกระแสและการสื่อสารช่วงท้ายที่ล้มเหลว แม้นโยบายรัฐบาลตลอดสองปีจะเดินหน้า แต่กลับไม่สามารถสื่อสารให้ประชาชนรับรู้ได้อย่างมีพลัง
พรรคจึงเริ่มต้นจากการยกเครื่องระบบสื่อสาร เปลี่ยนจากการตั้งรับเป็นเชิงรุก ใช้เครื่องมือดิจิทัลและ Social Listening ติดตามอารมณ์สังคมแบบเรียลไทม์ เพื่อกลับมาชิงบทบาทการกำหนดวาระสาธารณะ ซึ่งเป็นสมรภูมิสำคัญของการเมืองยุคใหม่
พร้อมกันนี้ เพื่อไทยได้ขยับโครงสร้างภายในให้เป็นระบบมากขึ้น ผ่านการตั้ง “คณะกรรมการยุทธศาสตร์” อย่างเป็นทางการ โดยมี จาตุรนต์ ฉายแสง เป็นประธาน กลไกนี้ถูกมองว่าเป็นหมุดหมายสำคัญในการลดข้อครหาการครอบงำจากบุคคลหรือเครือข่ายเดิม และยืนยันว่าการตัดสินใจของพรรคขับเคลื่อนผ่านโครงสร้าง ไม่ใช่สายสัมพันธ์นอกระบบ
นโยบายจากประชาชน สู่เศรษฐกิจดิจิทัล
อีกแกนหนึ่งของการยกเครื่อง คือการเปลี่ยนวิธีทำนโยบาย จากแนวคิดบนลงล่าง สู่กระบวนการ “Outside In” พรรคเริ่มจากการวิเคราะห์ปัญหาเชิงโครงสร้าง ก่อนเปิดพื้นที่ให้กลุ่มเป้าหมายจริงอย่างเกษตรกร ผู้ประกอบการ SME และแรงงาน เข้ามามีส่วนร่วม ผ่านเวิร์กช็อปและการรับฟังเชิงลึก เพื่อนำข้อมูลกลับมาหล่อหลอมเป็นนโยบายขั้นสุดท้าย
กระบวนการใหม่นี้ตกผลึกชัดเจนในการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คือ "ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์" ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่ผสานสายเลือดการเมืองดั้งเดิมเข้ากับวิสัยทัศน์อนาคต การเลือกเขาส่งสัญญาณสองชั้น คือความเปลี่ยนแปลง และความต่อเนื่อง ไปพร้อมกัน
วิสัยทัศน์หลักถูกวางบนฐานเศรษฐกิจดิจิทัล ตั้งแต่การใช้ AI บริหารโครงสร้างพื้นฐาน การผลักดัน Digital Government เพื่อความโปร่งใส การยกระดับความมั่นคงไซเบอร์ ไปจนถึงการ “ปลดหนี้ทั้งระบบ” เพื่อปลดล็อกศักยภาพเศรษฐกิจไทยในระยะยาว นี่คือการขยับหมากครั้งใหญ่ เพื่อพาเพื่อไทยออกจากภาพจำเดิม สู่พรรคการเมืองแห่งอนาคต
บทสรุป เดิมพันสูงบนเส้นทางใหม่
การยกเครื่องพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ คือการเดิมพันทางการเมืองที่มีความเสี่ยงสูง แต่ผลตอบแทนก็สูงไม่แพ้กัน หากพรรคสามารถเชื่อมอดีตกับอนาคต เชื่อมฐานเสียงเดิมกับคนรุ่นใหม่ได้จริง เพื่อไทยอาจกลับมาเป็นแกนหลักของการเมืองไทยในทศวรรษหน้า
คำถามสุดท้ายจึงไม่ใช่ว่า พรรค “เปลี่ยนหรือไม่” แต่คือการเปลี่ยนครั้งนี้ จะลึกพอที่จะทำให้สังคมเชื่อหรือไม่ ว่านี่คือเพื่อไทยยุคใหม่อย่างแท้จริง


