posttoday

วิเคราะห์ไทยผ่านแถลงการณ์ฉบับ2 ยืนกรานใช้ JBC เคลียร์ปมชายแดน

05 มิถุนายน 2568

เปิดบทวิเคราะห์ แถลงการณ์รัฐบาลไทยฉบับ2 ปมชายแดนกัพูชา ไม่ใช่แค่เอกสารราชการ คือสัญญาณการเมืองว่าไทยจะยืนหยัดปกป้องอธิปไตยผ่าน JBC เลี่ยงศึกบนเวทีโลก

บทนำ: จุดเดือดใหม่ชายแดนไทย–กัมพูชา

 รัฐบาลไทยออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 แสดงจุดยืนชัดเจนว่า “ไม่ยอมรับเขตอำนาจของ ICJ” และยังคงยืนยันการแก้ปัญหาผ่านกรอบคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) หลังเกิดเหตุการณ์ปะทะทางวาทกรรมระหว่างสองประเทศ เมื่อฝ่ายกัมพูชาส่งสัญญาณเตรียมนำเรื่องพิพาทชายแดนขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)

1. จุดยืนไทย: ไม่รับ ICJ–ยึด JBC

รัฐบาลไทยระบุในแถลงการณ์ว่า ประเทศไทย “ไม่ยอมรับเขตอำนาจของ ICJ ตั้งแต่ พ.ศ. 2503” และยังคงยึดแนวทางเดิมในการแก้ปัญหาเขตแดนผ่าน “กลไกทวิภาคี” อย่างคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC) ซึ่งมีความร่วมมือยาวนานกว่า 26 ปี โดยย้ำว่าไม่ควรปล่อยให้ข้อขัดแย้งลุกลามสู่เวทีระหว่างประเทศที่อาจมีผลเสียต่อผลประโยชน์ของชาติ

2. พื้นที่ขัดแย้ง: จุดใหม่–ปมเก่า

พื้นที่ที่เป็นปัญหาครั้งนี้อยู่บริเวณ “ช่องอานม้า” ซึ่งกัมพูชาเริ่มดำเนินการก่อสร้างสะพานในจุดที่ฝ่ายไทยเห็นว่า “ยังไม่มีข้อตกลงเขตแดนอย่างเป็นทางการ” ครอบคลุมพื้นที่ใน จ.อุบลราชธานี (ฝั่งไทย) และจังหวัดพระวิหาร รวมถึงอุดรมีชัย (ฝั่งกัมพูชา) ซึ่งเคยมีความตึงเครียดในอดีต และเป็นบริเวณที่มีความเปราะบางทางประวัติศาสตร์และอธิปไตย
 

3. สารถึงประชาคมโลก: ย้ำสันติ–ไม่ยอมถอย

แม้จะปฏิเสธอำนาจของ ICJ แต่แถลงการณ์ก็ระบุว่าไทย “พร้อมเข้าร่วมประชุม JBC” ในวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ที่จะถึงนี้ เพื่อหาทางออกอย่างสันติ ไม่ให้สถานการณ์ลุกลามเป็นข้อขัดแย้งระดับชาติหรือกระทบต่อวิถีชีวิตประชาชนสองฝั่งแดน

4. วิเคราะห์การเมือง: เกมระหว่างประเทศ–เดิมพันภายใน

แถลงการณ์ฉบับนี้ไม่ได้มีความหมายเพียงในเชิงการทูตระหว่างประเทศ แต่ยังสะท้อนเกมอำนาจภายในประเทศอย่างชัดเจน

รัฐบาลแพทองธาร ต้องแสดงจุดยืนแข็งกร้าวต่อข้อพิพาทเขตแดน เพื่อรักษาความมั่นคงและคะแนนนิยม

ฝ่ายค้าน จับตาใกล้ชิดว่าจะมีความล้มเหลวในการประสานงานหรือไม่

ฝ่ายทหาร โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 2 มีบทบาทเป็นผู้รายงานสถานการณ์ และอาจกลายเป็นผู้มีบทบาทสูงขึ้นหากสถานการณ์ยืดเยื้อ

5. แนวโน้มในอนาคต: เดินบนเส้นบางระหว่าง “อธิปไตย” กับ “สันติภาพ”

การประชุม JBC กลางเดือนมิถุนายนจะเป็นจุดชี้ขาดว่า ไทย–กัมพูชา จะหาทางลงแบบประนีประนอมได้หรือไม่ หากไม่สำเร็จ แนวโน้มการยกระดับความขัดแย้ง หรือการฟ้องร้องในเวทีโลก อาจทำให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีต้องเผชิญแรงกระเพื่อมในระดับที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจชายแดนและเสถียรภาพรัฐบาล

 
แถลงการณ์รัฐบาลไทยครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงเอกสารราชการ แต่เป็น “การส่งสัญญาณทางการเมือง” ทั้งภายในและภายนอกประเทศว่า ไทยพร้อมปกป้องอธิปไตยด้วยความอดทน–แต่ไม่ถอย โดยใช้เวที JBC เป็นกลไกหลักเพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้าในเวทีนานาชาติ และรักษาผลประโยชน์ของชาติในระยะยาว
 

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"