posttoday

นายกฯ วอน แรงงานไทยในอิสราเอล รีบกลับประเทศ ก่อนมีปฏิบัติการภาคพื้นดิน

23 ตุลาคม 2566

นายกรัฐมนตรี วอนแรงงานไทยในอิสราเอล รีบกลับประเทศ ก่อนมีปฎิบัติการภาคพื้นดิน เผย คนไทยกว่า 8500 คนพร้อมเดินทางกลับ จวก นายจ้างเลื่อนเวลาจ่ายเงินเดือนเป็น 10พ.ย. ชี้ ทำไม่ถูก เตรียมโทรศัพท์ หาทูตไทยในเทลอาวีฟ ย้ำ พร้อมช่วยเหลือตัวประกันทุกช่องทางที่ทำได้

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินความไม่สงบในอิสราเอล-กาซา (RRC) ว่า ที่ประชุมได้สรุปสถานการณ์ในขณะนี้ว่า มีคนไทยแจ้งความประสงค์ที่จะเดินทางกลับมาแล้ว 8,500 คน และเดินทางกลับมาแล้วประมาณ 3,000 คน ซึ่งขีดความสามารถขณะนี้สามารถนำคนไทยกลับได้วันละ 800 คน และสามารถเพิ่มได้อีก เเต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ มีคนไทยเปลี่ยนใจไม่ยอมเดินทางกลับเป็นจำนวนมาก หากนายจ้างในอิสราเอลเลื่อนการจ่ายเงินเดือนออกไปเป็นวันที่ 10 พฤศจิกายน และมีการเพิ่มค่าจ้างเพื่อเป็นแรงจูงใจให้แรงงานไทยอยู่ต่อ 
 

นายเศรษฐากล่าวว่า จากการประชุมกันในวันนี้ รวมถึงความเห็นจากฝ่ายความมั่นคง การทหารและการต่างประเทศ เห็นตรงกันว่า แม้ว่า ข่าวเรื่องการยิงถล่มจะเบาบางลงไป แต่ความเข้มของสงครามไม่ได้ลดลง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อาจจะขยายวงกว้างออกไปยังประเทศใกล้เคียง เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เชื่อว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลงไปอีก มีข่าวว่า อีก 2-3 วันข้างหน้า จะมีปฎิบัติการภาคพื้นดินเกิดขึ้น ขอเตือนให้แรงงานไทยในอิสราเอลตัดสินใจเดินทางกลับไทย ฝากไปยังญาติพี่น้อง ขอให้บอกแรงงานที่อยู่ในอิสราเอลให้เดินทางกลับบ้าน หากมีปฏิบัติการภาคพื้นดินเกิดขึ้น จะยิ่งเดินทางมายังศูนย์อพยพลำบาก เรื่องนี้รัฐบาลเห็นตรงกันว่า จำเป็นที่จะต้องพูดสื่อสารกับแรงงาน และประชาชนทุกคนให้ทราบ

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ได้สั่งการ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้ดูแลแรงงานไทยที่เดินทางกลับมา โดยเพิ่มแรงจูงใจให้แรงงานตัดสินใจเดินทางกลับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้เสนอเพิ่มแนวทางในการช่วยเหลือแรงงานที่มีศักยภาพในการใช้เทคโนโลยีการเกษตรขั้นสูง เพื่อให้ทุกคนทราบว่าเมื่อกลับมาแล้วจะมีงานทำ จึงขอให้ทุกคนรีบตัดสินใจเดินทางกลับไทย 

ถามว่าเรื่องการช่วยเหลือตัวประกัน นายเศรษฐากล่าวว่า ดำเนินการในทุกช่องทางที่สามารถทำได้ แต่ที่ไม่ลงในรายละเอียดเพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง ได้ใช้ทุกช่องทาง การเดินทางไปต่างประเทศได้มีการประสานพูดคุยกับผู้นำ เกือบทุกประเทศที่สามารถทำได้ รวมถึงกษัตริย์ของประเทศโอมาน(รัฐสุลต่านโอมาน) บรูไน และ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทุกประเทศทราบดีว่า ไทยไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งหรือคู่กรณี แต่กลับมีการสูญเสียจำนวนมาก และถูกจับเป็นตัวประกันถึง 19 คน และขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมเราได้ทำงานกับทุกช่องทางเพื่อช่วยเหลือตัวประกัน และจะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทย เดินทางไปเจรจาประสานช่วยตัวประกัน เเต่ไม่ขอเปิดเผยว่าไปเจรจาพูดคุยกับใคร 

กรณีแรงงานที่เดินทางไปทำงานในอิสราเอลแบบผิดกฎหมายนั้น นายกฯ ย้ำว่า ขอให้แรงงานเหล่านี้อย่ากังวล ถ้าแจ้งว่าจะกลับก็กลับได้ สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย ไม่ต้องกังวลหรือกลัวการดำเนินการทางกฎหมาย ขอให้กลับมาก่อน เรื่องอื่นเป็นเรื่องรอง

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า ทุกคนทราบหมดว่ามีการจ่ายเงินรอบต่อไปให้กับแรงงานไทยที่อยู่ที่นั่นอีก วันที่ 10 พฤศจิกายน เวลาเราจ่ายเงินเราก็ต้องจ่ายเงินวันที่ 31 ตุลาคม มันชวนให้คิดหรือเปล่า ทำไมต้องเป็นวันที่ 10 พฤศจิกายน มันจะมีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหรือเปล่า เป็นเรื่องที่น่าคิดจริงๆ เราเองก็ไม่ทราบว่าทำไม แต่คิดไปมันเป็นแต่เรื่องไม่ดีทั้งนั้น

ในฐานะนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าพูดเรื่องนี้ก็เป็นประเด็น แต่ก็ต้องพูดว่า ถ้าเกิดอยู่ดีๆ วันที่ 10 พฤศจิกายนจะจ่ายเงิน แล้วถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นคุณจะได้ตังค์หรือเปล่า อยากให้พี่น้องแรงงานไทยที่อยู่ในอิสราเอลคิดให้ดีๆว่าแล้วจะคุ้มหรือเปล่า จะโทรหาทูตไทยในอิสราเอลด้วย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ และอย่าเอาเรื่องของเงินมาแลกกับชีวิตคนไทย

ส่วนการจัดเตรียมรถรถบัสเพื่ออพยพแรงงานไทยออกจากพื้นที่ต่างๆ ในอิสราเอลนั้น ยืนยันว่า ทางการไทยก็เตรียมแผนรองรับไว้อยู่แล้ว จึงอยากให้แรงงานไทยตัดสินใจให้แน่วแน่ว่าควรกลับ ที่ประชุมได้พูดคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดชัดเจนว่า ถ้าเกิดมีเรื่องปฏิบัติการภาคพื้นดินเมื่อไร ถนนถูกตัดขาด ไม่สามารถที่จะลำเลียงออกมาได้ จำนวนเงินเท่าใดก็ไม่คุ้ม ตรงนี้เป็นเรื่องที่เราต้องพูดกัน ตนไม่กลัวดราม่าหรือกระแสตีกลับเพราะว่าเป็นเรื่องที่ต้องพูดกัน 

“ความจริงก็คือความจริง ถ้าเกิดว่าผมไม่พูดวันนี้และมีอะไรเกิดขึ้น ผมก็จะเสียใจภายหลัง จึงขอพูดวันนี้ดีกว่า และพูดเป็นหนที่ 3 แล้วว่า ถ้าเกิดพ่อแม่พี่น้องที่อยู่ที่นี่ก็ควรที่จะบอกญาติที่ทำงานในอิสราเอลด้วยว่า อย่าเลย กลับมาเหอะ กลับมาประกอบอาชีพของเราใหม่ รัฐบาลจะให้ความช่วยเหลืออย่างสุดกำลังความสามารถของรัฐบาล” นายกฯกล่าว