posttoday

'สรรเพชญ'หนุนกมธ.วิสามัญสร้างสันติภาพชายแดนภาคใต้เสนอแผนพัฒนา5ด้าน

11 ตุลาคม 2566

'สรรเพชญ บุญญามณี' สส.สงขลา ปชป.หนุน กมธ.วิสามัญศึกษาสร้างสันติภาพชายแดนภาคใต้ เสนอการพัฒนา5ด้านเร่งดูแล และขอให้เป็นการศึกษาครั้งสุดท้ายมีผลออกมาชัดเจนรอบด้าน นำความสงบสุขคืนสู่พื้นที่โดยแท้จริง

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2566 เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมสุริยัน อาคารรัฐสภา นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวอภิปรายสนับสนุนญัตติ “ศึกษาติดตาม และส่งเสริม การสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้” กล่าวว่า ปัญหาเรื่องความขัดแย้งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาที่สะสมมายาวนานกว่า 20 ปี ซึ่งนับตั้งแต่กระสุนนัดแรกที่ลั่นออกมาเมื่อปี 2547 จวบจนถึงปัจจุบัน เหตุการณ์ต่างๆก็ยังไม่ทุเลาเบาบางลงแต่อย่างใด ซ้ำร้ายเหตุการณ์ล่าสุดที่พึ่งเกิดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเหตุระเบิดที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย นี่ยังไม่นับรวมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมาเป็นระยะเวลากว่า 19 ปี มีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 7,520 คน (ข้อมูลจาก Deep South Watch เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2566) ผู้สูญหาย บาดเจ็บ ล้มตายก็มีจำนวนมาก ท่ามกลางความรุนแรงที่เกิดขึ้นนี้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลยก็คือประชาชน 

นายสรรเพชญ กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะมีการศึกษาในเรื่องนี้ แต่ตนขออย่างเดียว คือ ขอให้การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาครั้งสุดท้าย ขอให้มีผลการศึกษาออกมาให้ชัด ศึกษาให้รอบด้าน และหวังว่าคงไม่ต้องมาศึกษากันเรื่องนี้อีก เพราะในอดีตที่ผ่านมา ตนเชื่อว่าสภาแห่งนี้ก็เคยได้ศึกษากันมาหลายครั้ง และตนเชื่อว่าสภาฯ ที่มีมาชุดไหน ๆ ก็ต้องตั้งกรรมาธิการศึกษาเรื่องนี้ ไม่จบ ไม่สิ้น และหลายหน่วยงานก็ทำการศึกษาเช่นเดียวกัน

นายสรรเพชญ ได้นำเสนอประเด็นการพัฒนาพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยกัน 5 ประเด็น หลัก ๆ คือ ด้านการปกครอง ด้านการส่งเสริมการกระจายอำนาจ ด้านกระบวนการยุติธรรม ด้านงบประมาณ และด้านการศึกษา 

ในประเด็นเรื่องของการปกครอง ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการให้มีการแบ่งแยกดินแดน เพราะประชาชนยังคงอยากเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย สิ่งนี้คณะกรรมาธิการฯ จะต้องตั้งหลักให้มั่น และชัดเจน ว่าจะไม่เสนอให้มีการแบ่งแยกดินแดน เพื่อขัดกับเจตนารมณ์ของประชาชน และสำคัญที่สุด คือ ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้

ประเด็นต่อมา ด้านการส่งเสริมการกระจายอำนาจ ตนเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าท้ายที่สุดแล้ว การกระจายอำนาจนี้จะเป็นการสะท้อนความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริงผ่านการตัดสินใจของประชาชน

ด้านกระบวนการยุติธรรม นายสรรเพชญ กล่าวว่า ความยุติธรรมที่ว่านี้ ไม่ใช่เฉพาะในมิติเรื่องกฎหมายเพียงเท่านั้น เพราะความยุติธรรมในทางกฎหมายเป็นบรรทัดฐานที่อารยประเทศพึงมี และกรณีการอุ้มฆ่าที่เคยมีเหมือนแต่ก่อน ตอนนี้ก็ไม่มีแล้ว ถือได้ว่าที่ผ่านมาเราได้แก้เรื่องกฎหมายไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่นอกเหนือจากเรื่องของกฎหมายคือการพัฒนาพื้นที่และกระจายทรัพยากรต่าง ๆ ที่ควรให้กับคนในสามจังหวัดได้เข้าถึง ไม่เป็นคนชายขอบในสังคม รวมถึงชายแดนห่างไกลของประเทศไทย เราควรที่จะให้ความสำคัญเท่าเทียมเหมือนคนกรุงเทพฯ

ต่อมา คือ เรื่องของงบประมาณในวันนี้รายได้ต่อหัวของประชากรในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงต่ำอยู่ เฉลี่ยประมาณปีละ 60,000 บาท รัฐบาลจะต้องอัดฉีดงบประมาณลงไปในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ ในสามจังหวัดชายแดนให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรที่ดินทำกิน ส่งเสริมการใช้พื้นที่นาร้างว่างเปล่าให้สามารถปลูกพืชเศรษฐกิจ และส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางของความมั่นคงทางอาหารของโลก เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีอาชีพและรายได้เพิ่มมากขึ้น

ด้านการศึกษา วันนี้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีมหาวิทยาลัยครบทั้งสามจังหวัด ไม่ว่าจะเป็น ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ม.ราชภัฏยะลา ม.นราธิวาสราชนครินทร์ ฯลฯ แต่เรายังคงต้องเร่งยกระดับคุณภาพการศึกษา ให้สอดคล้องกับบริบทในพื้นที่ เหมาะสมกับสายอาชีพที่ให้ผู้เรียนจบออกมาแล้วมีงานทำและทำงานในสายงานที่ตนเองถนัด 

“ผมหวังว่าคณะกรรมมาธิการวิสามัญที่กำลังจะแต่งตั้งขึ้น จะศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาในสามจังหวัดชายแดนใต้ ให้ครอบคลุมทุกมิติ  และให้คำนึงถึงความรู้สึกของคนในพื้นที่เพื่อนำไปสู่การสร้างสันติภาพที่เป็นจริง” นายสรรเพชญ กล่าว