posttoday

"สมคิด" แนะ "นายกฯ" ลืมเรื่อง "เลือกตั้ง" ใช้เวลาที่มี ทำให้ดีที่สุด

11 ธันวาคม 2565

“สมคิด” แนะ “นายกฯ” หยุดโฟกัสเลือกตั้ง ใช้เวลาที่เหลือทำเพื่อประเทศ ปชช. ให้ดีที่สุด ส่งกำลังใจทุกพรรค ทำประชาธิปไตย ให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ดัน ไทยให้จรัสแสง สู้ประเทศในอาเซียน

เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.2565 ที่สมาคมธรรมศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ในฐานะศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปาฐกถาเรื่อง “โลกเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน ประเทศไทยจะเปลี่ยนไหม”ในงาน “วันธรรมศาสตร์ 10 ธันวาคม2565 งานคืนสู่เหย้า”  

 

ดร.สมคิด กล่าวในการปาฐกถาตอนหนึ่งว่า เศรษฐกิจปีหน้ามีสัญญาณแนวโน้มการเติบโตแต่ไม่ใช่แบบก้าวกระโดด เป็นการเติบโตอย่างช้า ๆ เนื่องจากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก จากปัญหาสถานการณ์สงครามรัสเซีย ยูเครน วิกฤติราคาพลังงานแพง สินค้าแพง ซึ่งท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าวกลับมีบางประเทศที่ระบบเศรษฐกิจจะสวนทาง คือประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนาม เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศ มีการเตรียมตัวที่ดี เช่น อินโดนีเซีย ที่ประสบความสำเร็จจากการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น

 

โดยออกกฎหมายแยกความรับผิดชอบ และอำนาจของส่วนกลางและท้องถิ่นออกจากกัน เกิดการแข่งขันการสร้างจีดีพีระหว่างท้องถิ่นทำให้จีดีพีประเทศอินโดนีเซียโตอย่างมีเสถียรภาพเฉลี่ย 7 เปอร์เซ็นต์มาหลายปี ส่งผลให้อินโดนีเซียกลายเป็นดาวจรัสแสงในขณะนี้ ซึ่งเกิดจากวิสัยทัศน์ และการเอาจริงเอาจังของผู้นำประเทศ ขณะที่ประเทศไทยก็เริ่มทำพร้อมๆ กับอินโดนีเซีย แต่หยุดอยู่แค่ในรัฐธรรมนูญไม่ใช่การปฏิบัติ 
 

 

ดร.สมคิด กล่าวว่า ขณะที่เวียดนาม ก็เป็นประเทศที่น่าจับตา ก่อนหน้านี้ 3 ปี ตนเคยบอกว่าเวียดนามกำลังหายใจรดต้นคอประเทศไทย แต่มาวันนี้เวียดนามแซงหน้าไปแล้วมีการเตรียมพร้อมเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล มีการปฏิรูปการศึกษา โดยมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาการศึกษาให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต ซึ่งการเตรียมพร้อมของเวียดนามก็ทันในช่วงยุคเศรษฐกิจดิจิทัล และได้อานิสงค์จากธุรกิจด้านไอทีที่ย้ายฐานการผลิตจากจีนเข้าสู่เวียดนาม

 

นอกเหนือจากนี้ สิ่งที่ทำให้ทั้ง 2 ประเทศ เป็นดาวจรัสแสงของอาเซียนก็คือการเปลี่ยนแปลงด้านกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของระบบเศรษฐกิจนับร้อยฉบับ และการออกใบอนุญาตให้ง่ายต่อการลงทุนทำธุรกิจและเอื้อต่อการเจริญเติบโตของประเทศอีกด้วย

 

ทั้งนี้ ดร.สมคิด มองว่า อาเซียนยังเป็นภูมิภาคที่สำคัญ ท่ามกลางการแข่งขันระหว่างจีนกับอเมริกา โดยจะกลายเป็นโอกาสสูงสุดของอาเซียนในการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้โอกาสสำคัญอยู่ที่ 2 ประเทศ คืออินโดนีเซีย และเวียดนาม ขณะเดียวกัน ประเทศกัมพูชาก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าจับตากับโอกาสตรงนี้ วันนี้หากประเทศไทยยังแข่งกับเขาไม่ได้ก็จะสูญเสียความจรัสแสงในอาเซียน การลงทุนต่างๆ จะน้อยลง

 

อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าประเทศไทยยังมีโอกาส ซึ่งหัวใจสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยมีโอกาสคือต้องกระจายอำนาจ กระจายความเจริญสู่ท้องถิ่น ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่แค่กระทรวง และส่วนกลาง ต้องสร้างผู้นำใหม่ๆ ในท้องถิ่นหากไม่จริงจังกับการปฏิรูปนี้ก็ยากที่จะเห็นโอกาส และความเปลี่ยนแปลง
 

 

“ผมไม่อยากให้เราคิดแต่เรื่องการจะเลือกตั้ง เพราะกว่าจะเลือกตั้งประเทศไทยจะเสียโอกาสและเสียเวลาจนสายเกินไป การเลือกตั้งยังไม่ใช่ประชาธิปไตย เพราะเลือกมาแล้วก็ยังเป็นเหมือนเดิม พรรคร่วมรัฐบาลเหมือนเดิมหรืออาจจะแย่กว่าเดิม รัฐมนตรีเหมือนเดิมหรืออาจจะดีกว่าเดิม ซึ่งวันนี้ผมอยากให้นายกรัฐมนตรีจริงจัง ใช้เวลาที่มีทำให้ดีที่สุด เพราะประเทศไทยเสียเวลาไปมากแล้ว ให้ลืมเรื่องเลือกตั้งไปก่อน อย่างไรก็ตาม วันนี้ผมไม่ได้มาว่าใคร ไม่มีประเด็นการเมือง ขอให้กำลังใจทุกพรรคการเมืองให้ทำประชาธิปไตยให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง” ดร.สมคิด กล่าว