posttoday

ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (15)

16 เมษายน 2560

เนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เสด็จสวรรคตอย่างกะทันหันด้วยอาการทางสมองปวดพระเศียร

โดย...วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย

เนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เสด็จสวรรคตอย่างกะทันหันด้วยอาการทางสมองปวดพระเศียร ปวดเมื่อย มึนพระองค์ มีไข้ ซึมลง ตรัสไม่ได้และเสวยพระโอสถไม่ได้ ในขณะที่สมเด็จฯ เจ้าฟ้ามงกุฎสมมติเทวาวงศ์ เพิ่งผนวชได้ไม่นาน บรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนางและข้าราชการทั้งปวง จึงอัญเชิญสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าทับ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์พระเชษฐาต่างพระชนนีในสมเด็จฯ เจ้าฟ้ามงกุฎสมมติเทวาวงศ์ ขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ด้วย กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ได้ทรงรับราชการสนองพระเดชพระคุณจนมีตำแหน่งสำคัญในพระราชอาณาจักร มีพระปรีชาสามารถในราชการทั้งปวง

เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นทรงราชย์แล้ว ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระโอรสพระองค์ใหญ่ ในเจ้าฟ้ากุณฑลเป็นเจ้าฟ้า พระราชทานนามว่า “อาภรณ์” ตั้งแต่นั้นมาคนทั้งหลายจึงออกพระนามว่า “เจ้าฟ้าอาภรณ์” แต่องค์กลางและองค์ปิ๋ว ก็ยังคงเรียกว่า องค์กลาง องค์ปิ๋ว ดังเช่นที่เรียกมาแต่เดิม ครั้นถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า มหามาลา คนทั้งหลายก็เรียก เจ้าฟ้ามหามาลา และได้ดำรงพระอิสริยยศเป็น กรมสมเด็จพระบำราบปรปักษ์ในเวลาต่อมา

เป็นที่กล่าวกันว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จ พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูตินั้น สมเด็จพระบรมราชชนกคือ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้เถลิงอุปราชาภิเษกเป็นกรมพระราชวังบวร รับพระบัณฑูรแล้ว จึงคงพระยศเป็นเจ้าฟ้าในกรมพระราชวังบวร เมื่อสมโภชขึ้นพระอู่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระราชทานทองแท่งหนักหกตำลึงสมโภชทั้งสองพระองค์ ส่วนพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อพระชนมพรรษาถึงกำหนดโสกันต์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็โปรดให้เข้ามาโสกันต์ในพระบรมมหาราชวัง และเมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงผนวชเป็นภิกษุก็ได้รับของไทยทานต่อพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ครั้นลาผนวชแล้วพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เสด็จนำเข้าไปถวายพระราชกุศล ก็ได้รับพระราชทานผ้าอย่างดีสองผืนแพรขาวสองพับรับสั่งว่ารูปร่างใหญ่หน้าตาประหลาด

ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (15)

ภายหลังเมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จเถลิงถวัลยสมบัติแล้ว ทรงปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพน จึงทรงสร้างพระเจดีย์เรียงกันสามองค์ ทรงพระราชอุทิศส่วนพระราชกุศล ถวายฉลองพระเดชพระคุณสมเด็จพระบรมอัยกาธิราช พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกองค์หนึ่ง ทรงพระราชอุทิศพระราชกุศลถวายฉลองพระเดชพระคุณสมเด็จพระบรมชนกนาถ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยองค์หนึ่ง และเป็นส่วนพระราชกุศลสำหรับพระองค์เอง องค์หนึ่ง ภายหลังพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติขึ้นแล้ว จึงทรงสร้างพระเจดีย์ใหญ่เพิ่มขึ้นในวัดพระเชตุพนอีกองค์หนึ่ง เป็นส่วนพระราชกุศลสำหรับพระองค์ ด้วยได้ทรงเห็นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกยังทรงจำได้ จึงทรงสร้างพระเจดีย์ใหญ่ขึ้นประชุมไว้ให้พร้อมกันทั้งสี่พระองค์ในที่นั้น และรับสั่งว่า พระเจ้าแผ่นดินซึ่งจะเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบไปภายหน้า ไม่ควรจะทรงสร้างพระเจดีย์ใหญ่เป็นส่วนพระราชกุศลสำหรับพระองค์ในที่นี้ด้วยไม่รู้จักกัน และไม่ได้เห็นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินซึ่งกล่าวมานี้ทั้งสี่พระองค์ ท่านทรงได้เห็นได้รู้จักกัน จึงควรสร้างขึ้นในวัดพระเชตุพนประชุมไว้พร้อมกันในที่นี้ แล้วรับสั่งเล่าว่าวันหนึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เสด็จออกทอดพระเนตรการที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามประทับอยู่ที่พระเก้าอี้นั้น ไม่เหมือนพระเก้าอี้ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เป็นพระเก้าอี้ที่ทำด้วยหนังหรือทำด้วยผ้าอย่างหนาพับได้ ที่พิงนั้นสูงตลอดศีรษะ แล้วเย็บเป็นเบาะนอน หุ้มด้วยหมุดผูกไว้ที่บนกระดานหิ้ง สำหรับรับพระเจ้าแผ่นดินเมื่อเอนพระองค์
ลงพิง ใช้กันมาจนถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปีที่เสด็จพระราชดำเนินแห่งใด ก็เชิญพระเก้าอี้ที่กล่าวมานี้ ตามเสด็จเข้ามาในกระบวนทุกครั้ง บางทีเป็นการฉุกเฉิน ไม่ได้ตั้งพระแท่นทอดที่ประทับ เมื่อต้องเสด็จยืนอยู่นาน เจ้าพนักงานก็ต้องเชิญพระเก้าอี้เข้าไปทอดแทนพระแท่นที่ประทับ วันนั้นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระชนมพรรษาได้ห้าพรรษา เชิญพระร่วมตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เข้าไปเฝ้าในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ได้ทอดพระเนตรเห็นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงจำ พระรูปโฉมไม่ถนัด ทรงจำได้แต่ว่า พระเกศาหงอกขาวทั่วพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงรับสั่งเรียกให้เข้าไปใกล้พระองค์ แล้วลูบพระเศียรจนถึงพระปฤษฎางค์ รับสั่งให้หม่อมไกรสรอุ้มไปเที่ยวดูภาพเขียนที่พระระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หม่อมไกรสรก็ได้เชิญเสด็จอุ้มไปทอดพระเนตรภาพเขียนอยู่ครู่หนึ่งก็เชิญเสด็จกลับมา

จึงเห็นได้ว่าพระเจ้าหลานเธอทั้งสองพระองค์ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงรู้จักและได้สัมผัสถูกต้องต่อพระองค์คือ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเรียม (แต่มาได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระศรีสุลาไลย) และสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ได้เสด็จเถลิงถวัลย์ทั้งสองพระองค์ในกาลต่อมา

สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ทรงมีพระชนมายุยืนยาวจนมีพระชนมายุได้ 70 พรรษา เสด็จสวรรคตเมื่อวันอังคารขึ้น 8 ค่ำ ปีวอก ตรงกับวันที่ 18 ต.ค. 2378 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จดหมายเหตุเมื่อสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีสวรรคตได้กล่าวไว้ว่า

“ณ วัน 3 เดือน 11 ขึ้น 8 ค่ำ ปีวอก อัฐศก สมเด็จพระพันวษาสวรรคต พระศพทรงพิชัยราชรถชักเข้าพระเมรุทอง ถวายพระเพลิงที่ลำดับกษัตริย์มีการมหรสพสมโภชพร้อมเสร็จการ”

ข่าวล่าสุด

สวนดุสิตโพล เปิด 5 อันดับ “นักการเมือง” ประชาชนเชียร์นั่งนายกฯ