posttoday

‘ภัคพล’ ทายาทรุ่นที่ 3 ตระกูลเลี่ยวไพรัตน์

06 พฤศจิกายน 2559

ตระกูลเลี่ยวไพรัตน์คือกลุ่มเจ้าของอาณาจักรธุรกิจของบริษัท ทีพีไอ โพลีน หรือ TPIPL มีธุรกิจมากมาย

โดย...ประลองยุทธ ผงงอย

ตระกูลเลี่ยวไพรัตน์คือกลุ่มเจ้าของอาณาจักรธุรกิจของบริษัท ทีพีไอ โพลีน หรือ TPIPL มีธุรกิจมากมายในกลุ่ม ทั้ง ปูนซีเมนต์ กระเบื้อง อิฐมวลเบา เม็ดพลาสติก ปุ๋ย รวมถึงธุรกิจโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่มีแผนจะระดมเงินทุนเข้าจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในต้นปี 2560

หนึ่งในทายาทรุ่นที่ 3 คนสำคัญที่ตอนนี้เริ่มมารับไม้สานต่อธุรกิจของตระกูลให้เดินหน้าต่อคือ “ภัคพล เลี่ยวไพรัตน์” หรือรอนนี่ วัย 33 ปี ลูกชายคนที่ 3 ของ “ประทีป เลี่ยวไพรัตน์” น้องชายของ “ประชัย เลี่ยวไพรัตน์” ซึ่งไม่มีทายาทสายตรง ประชัยปลุกปั้นรอนนี่ให้แข็งแกร่งอย่างไม่ประคบประหงมเพื่อให้เติบโตร่วมสานอาณาจักรของเขาให้เข้มแข็งไปพร้อมกัน

รอนนี่ เป็นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ หรือ TPIPP ผู้ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งถ่านหินและพลังงานหมุนเวียนอยู่ระหว่างเตรียมเข้าจดทะเบียน

เขาจบมัธยมจากโรงเรียนนานาชาติกรุงเทพฯ หรือ ISB จากนั้นเหินฟ้าไปศึกษาต่อสาขาเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยแคนซัส สหรัฐ และเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย หลังเรียนจบปี 2550 จึงบินกลับมาทำงานที่ประเทศไทย

เริ่มชีวิตการทำงานครั้งแรกที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี (MFC) อยู่ประมาณ 1 ปีในตำแหน่งนักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ดูแลข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคของประเทศ เช่น ตัวเลขนำเข้า ส่งออก อัตราเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศในแถบเอเชีย ยกเว้น ฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย และไทย มีหน้าที่แนะนำว่าประเทศเหล่านี้เศรษฐกิจเป็นอย่างไร

ช่วงชีวิตการทำงานที่ MFC ได้เรียนรู้ค่อนข้างมาก ต่างจากชีวิตในวัยเรียน เพราะรูปแบบการทำงานที่ MFC เป็นการทำงานที่หักโหม เริ่มต้นทำงานเวลา 08.00 น. เลิกงานเวลา 20.00 น. นับว่าเป็นเวลาเลิกงานปกติ และมีบางช่วงที่บริษัทใกล้จะออกผลิตภัณฑ์ลงทุนใหม่ วันเริ่มงานเวลา 08.00 น. แต่ทำงานถึงเวลาเที่ยงคืนกับทีมทั้งหมดที่มี 5 คน ซึ่งมีผู้หญิง 2 คน จึงให้กลับบ้านไปก่อน ส่วนผู้ชายที่เหลืออีก 3 คน ทำงานยาวข้ามคืนถึงเวลา 05.00 น. ของวันใหม่จากนั้นนอนพัก 1 ชั่วโมงที่บริษัท แล้วส่งงานเป็นข้อมูลที่ร่วมกันทำส่งให้หัวหน้าในเวลา 06.00 น. จากนั้นเคลียร์ต่อถึง 09.00 น. ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับไปนอนพักผ่อนที่บ้าน

ส่งผลให้ช่วงเวลา 1 ปีที่อยู่ MFC ได้มีโอกาสเรียนรู้ข้อมูลเข้าใจลึกซึ้งถึงเศรษฐกิจอย่างมากในโซนประเทศที่รับผิดชอบ ถือเป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่และตื่นตาตื่นใจ เพราะตอนเรียนจะรู้เฉพาะทฤษฎีหลักเศรษฐศาสตร์

“โครงสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ (จีดีพี) ของไทยหรือทั่วเอเชียในตอนที่เรียนอยู่จะเป็นเรื่องที่ไม่รู้เลย และในช่วงที่เรียนคิดว่าทฤษฎีที่ถูกสอนมาคงไม่ได้เอามาใช้ แต่เมื่อมาทำงานทำให้ทราบว่าทฤษฎีสามารถนำมาเชื่อมโยงกับโลกแห่งความเป็นจริงได้ มาถึงจุดเปลี่ยนที่ทำให้ต้องลาออกมาจาก MFC ขณะที่ในช่วงนั้น TPIPL กำลังมีปัญหาอยู่ในช่วงปลายของแผนฟื้นฟูกิจการในปี 2551”

มีวันหนึ่งคุณพ่อถามว่า “เรียนมาหนักจบมาสูงจะช่วยคนอื่นให้รวยทำไม” ถือเป็นคำพูดเด็ดที่ทำให้ตัวเองยอมจำนนกลับมาช่วยงานของครอบครัว

เริ่มงานรับผิดชอบแรกที่ TPIPL คือ สายงานบริหารด้านการเงินภายใต้หัวหน้าสายงานคือ “ประเสริฐ อิทธิเมฆินทร” รองผู้จัดการใหญ่อาวุโสสายบัญชีและการเงิน TPIPL

รอนนี่เริ่มงานจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงินไต่เต้าขึ้นมา ช่วงนั้นบริษัทอยู่ในแผนฟื้นฟูฯ อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ งานแรกคือดูแลการจ่ายดอกเบี้ยกับเจ้าหนี้ให้ครบตามแผนฟื้นฟูที่กำหนดในแต่ละเดือน ซึ่งรับผิดชอบอยู่ราว 10-20 ราย จากทั้งหมดประมาณ 200-300 ราย ทำตำแหน่งนี้ประมาณ 1 ปี จากนั้นเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาตามลำดับ

 ในปี 2552 เป็นปีที่ TPIPL ได้ออกจากแผนฟื้นฟู ปรับโครงสร้างหนี้ เกิดโครงการซื้อหนี้คืน (แฮร์คัต) มีโอกาสเข้าไปทำงานส่วนนี้ราว 2-3 เดือน มีหนี้ที่ต้องเข้าดูแลมีจำนวนเจ้าหนี้ 20 ราย มูลหนี้รวมประมาณ 10 ล้านบาท และสามารถแฮร์คัตได้หมดทั้งก้อน

เจ้าหนี้ที่เหลืออีก 200-300 ราย ซึ่งคนอื่นรับผิดชอบหั่นหนี้ลงได้สัดส่วนประมาณ 50% จากมูลหนี้รวมประมาณ 6,000 ล้านบาท จนถึงช่วงกลางปี 2552 ด้วยข้อจำกัดก่อนหน้านี้ที่บริษัทอยู่
ในแผนฟื้นฟูฯ มีเงื่อนไขกำหนดไว้ว่าห้ามบริษัทลงทุนใหม่ ทำให้คุณลุงหรือประชัยอัดอั้น จึงกลับมาลงทุนครั้งใหญ่เมื่อปลดล็อกเงื่อนไข หลังออกจากแผนฟื้นฟูฯ มาได้จึงลงทุนในธุรกิจพลังงานเริ่มจากลงทุนโรงงานแท่งเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) กับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้ง รวมถึงลงทุนในธุรกิจปุ๋ย

ประชัย ต้องการหาคนมาช่วยงาน ดูแลงานด้านเทคโนโลยี การตลาด สร้างฝึกอบรมทีมงานด้านการตลาด และดูแลด้านสัญญาต่างๆ ทางธุรกิจ ช่วงนั้นรอนนี่ยังทำงานอยู่ฝ่ายบริหารด้านการเงินในตำแหน่ง ผู้ช่วยรองผู้จัดการใหญ่ ของ TPIPL ขณะที่ “ประเสริฐ” ต้องดูแลงานภาพใหญ่จึงไม่มีเวลามาดูในรายละเอียดงานส่วนนี้

ทำให้ ประชัย มอบหมายงานทั้งหมดดังกล่าวให้รอนนี่เข้าไปดูแลงานทั้งหมดดังกล่าว และแยกตั้งออกมาเป็นสายงานใหม่คือสายงานโครงการให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบ ขณะที่ตอนนั้นยังไม่ทราบความตั้งใจของลุงว่าต้องการทำอะไร ทำไมต้องย้ายให้มาดูแลงานโครงการต่างๆ แต่ปัจจุบันเข้าใจแล้วว่า ตั้งใจให้หลานขึ้นมารับช่วงงานต่อ

“ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณลุงโยกผมให้มาดูแลงานด้านโครงการเพราะต้องการให้หลานๆ ขึ้นมา สิ่งที่ง่ายที่สุดคือการสอนแบบสอนคนว่ายน้ำไม่เป็นคือโยนลงน้ำไปให้เอาตัวรอดว่ายน้ำให้เป็น ซึ่งหากไม่ช่วยเหลือตัวเองคือต้องตาย ผมเองมองว่าเป็นวิธีการสอนที่ดีนะเพราะถ้าไม่ถูกสอนด้วยวิธีนี้คงคิดว่าถ้ามีปัญหาอะไรเดี๋ยวคุณพ่อหรือคุณลุงหรือประเสริฐจะเข้ามาช่วย สุดท้ายผมก็หาวิธีว่ายน้ำจนเป็น เอาตัวรอดได้”

ถือเป็นจุดที่ได้เริ่มไปจับสายงานใหม่เข้าไปดูแลการลงทุนใน 3 โครงการใหม่ตามแผนงานของคุณลุง เริ่มจากการศึกษาเทคโนโลยีว่าประเภทไหนดีที่สุด หาผู้จัดจำหน่ายที่ดีที่สุด รวมถึงเจรจาต่อรอง มีโอกาสได้เดินทางร่วมกับคุณลุงบินไปดูงานทั้ง เยอรมนี อังกฤษ โปแลนด์ ฟินแลนด์ จีน เพื่อหาดูว่าเทคโนโลยีของบริษัทไหนดีที่สุดสำหรับโรงงานผลิต RDF

จากนั้นเข้ามาดูแหล่งเงินทุนในเรื่องสัญญาเงินกู้กับธนาคารพาณิชย์ รวมถึงการปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญาเงื่อนไข ซึ่งรอนนี่เป็นผู้ดูแลอ่านเองทั้งหมด อาทิ ดูหนังสือค้ำประกันของธนาคาร การรับมอบเครื่องจักร หลังจากงานดังกล่าวจบถือว่าหนักพอสมควรจึงเริ่มขยายโครงการมาสู่การลงทุนโรงงานกระเบื้องและโรงไฟฟ้า

ในช่วงการทำงานที่ TPIPL ได้เรียนรู้เรื่องงานด้านวิชาการมาก ตัวอย่างเช่น ความสำคัญของงบกระแสเงินสดเมื่อเข้ามาทำงานจึงรู้ว่างบกระแสเงินสดสำคัญมาก เพราะหากบริษัทไม่มีเงินสด แม้มีกำไรมากก็ล้มละลายได้

การเจรจาสัญญาเงินกู้เดิมมองว่าต้องต่อรองให้ได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมให้ต่ำ คุณประเสริฐ เตือนเรื่องนี้ว่าใครก็ขอได้ แต่อย่าลืมว่าเรามีสมอง ธนาคารก็มีสมอง เราขอได้ แต่เขาจะให้หรือไม่ เป็นอีกเรื่อง เพราะเราไม่ได้เก่งอยู่ฝ่ายเดียว ดังนั้นต้องเจรจาให้มาเจอกันตรงกลางให้ตกลงกันได้ ส่วนฝั่งผู้จัดจำหน่ายในเรื่องตราสารซึ่งธนาคารออกให้แก่ผู้ขอเปิดเครดิต (แอลซี) ซึ่งปกติจะทำเป็นเทอมคือ 90 วัน และบวก 90 วันเพิ่มไปเรื่อย ซึ่งไม่เคยรู้เรื่องนี้

ปีนี้เขาได้โยกย้ายงานอีกครั้งจากผู้ช่วยรองผู้จัดการใหญ่ ของ TPIPL ขยับมาเป็นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน TPIPP ถือว่าบทบาทการทำงานเปลี่ยนแปลงไปอย่างสุดขั้ว เพราะงานเดิม ตัวอย่าง งานด้านเอกสารจะดูเฉพาะด้านการลงทุนเท่านั้น แต่งานใหม่ต้องดูกระแสเงินสดของธุรกิจไฟฟ้าทุกวัน ว่ารายรับหรือรายจ่ายแต่ละวันที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนเท่าใด รวมถึงเช็คเงินสดทุกใบที่ต้องตรวจสอบดูเองทั้งหมดและเซ็นเอง งานหนักสุดคือเอกสารที่มีมากเพราะจำนวนที่ต้องดูเอกสารจะมีมากขึ้นตามหน้าที่ของงานที่ต้องรับผิดชอบ ใช้เวลาทำงานมากขึ้นจากเดิมเวลา 08.00-18.00 น. มาเป็น 08.00-20.00 น.

ข่าวล่าสุด

กต.ชี้ กัมพูชาปิดด่านห้ามคนไทยกลับประเทศขัดกฎหมายระหว่างประเทศ