posttoday

ใต้ร่มพระบารมี ๗๐ ปี แห่งการครองราชย์

16 ตุลาคม 2559

ใต้ร่มพระบารมี ๗๐ ปี แห่งการครองราชย์ แผ่นดินไทย-แผ่นดินทอง เรืองรองสุกสว่างด้วยแผ่นดินธรรม

ใต้ร่มพระบารมี ๗๐ ปี แห่งการครองราชย์ แผ่นดินไทย-แผ่นดินทอง เรืองรองสุกสว่างด้วยแผ่นดินธรรม

ทั่วโลกแซ่ซ้องสรรเสริญ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี รัชกาลที่ ๙ เป็นหนึ่งเดียว

พระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและปวงชนชาวไทยนานัปการตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ ประหนึ่งน้ำอมฤตคลายร้อนทั่วหล้า เย็นชุ่มฉ่ำทั่วทุกหัวระแหง

หากย้อนอดีตกลับไปตั้งแต่สมัยอาณาจักรสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี เรื่อยมาจนถึงอาณาจักรรัตนโกสินทร์ในปัจจุบัน นับระยะเวลารวมกว่า ๗๕๐ ปี ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้น ๕๒ พระองค์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชสมบัติยาวนานที่สุด

ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติ ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก และที่สุดในดวงใจไทยทุกดวง

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ ๙ แห่งราชวงศ์จักรี) เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๔๘๙ จนถึงปัจจุบันทรงครองราชย์ครบ ๗๐ ปี

เป็น ๗๐ ปี ที่เหล่าพสกนิกรต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น

ในส่วนของพระมหากษัตริย์ไทยที่มีลำดับการครองราชย์ยาวนานรองลงมา ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือพระพุทธเจ้าหลวง (รัชกาลที่ ๕ แห่งราชวงศ์จักรี) ทรงขึ้นครองราชย์ตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๑๑-๒๔๕๓ ครองราชย์นาน ๔๒ ปี

สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (กษัตริย์ลำดับที่ ๙ แห่งราชวงศ์สุพรรณภูมิ กรุงศรีอยุธยา) ทรงขึ้นครองราชย์ตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๑๙๙๑-๒๐๓๑ รวมเวลาครองราชย์ได้ ๔๐ ปี สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ (กษัตริย์ลำดับที่ ๑๐ แห่งกรุงศรีอยุธยา) ทรงขึ้นครองราชย์ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๐๓๔-๒๐๗๒ รวมเวลาที่ทรงครองราชย์ ๓๘ ปี 

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช (กษัตริย์ลำดับที่ ๒๙ แห่งราชวงศ์ปราสาททอง กรุงศรีอยุธยา) ทรงครองราชย์ในช่วงปีพุทธศักราช ๒๑๙๙-๒๒๓๑ รวมเวลาครองราชย์ได้ ๓๒ ปี

ขณะที่ลำดับการครองราชย์ของพระมหากษัตริย์โลกที่ยาวนานลำดับต้นๆ ได้แก่ สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ ๒ แห่งสหราชอาณาจักร ทรงครองราชย์มาเป็นเวลา ๖๔ ปี สมเด็จพระราชา
ธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์ สุลต่านพระองค์ที่ ๒๙ แห่งบรูไน ทรงครองราชย์มาเป็นเวลา ๔๗ ปี

ใต้ร่มพระบารมี ๗๐ ปี แห่งการครองราชย์

 

สุลต่านคาบูส์ บิน ซาอิด แห่งโอมาน ทรงครองราชย์มายาวนานกว่า ๔๕ ปี และสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ ๒ แห่งราชอาณาจักรเดนมาร์ก ครองราชย์ยาวนาน ๔๔ ปี

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงได้รับการยกย่องให้เป็น “King of the King” โดยในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ณ พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๔๙ พระประมุขและพระราชอาคันตุกะที่เดินทางมาร่วมถวายพระพร ได้มีพระราชดำรัสร่วม ๒๕ ประเทศ ผ่านสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลามว่า ฝ่าพระบาท ทรงเป็นพลังบันดาลใจให้กับพวกเราเหล่าพระประมุขด้วยกัน

บางช่วงบางตอนของพระราชดำรัสในนามพระมหากษัตริย์ ๒๕ ประเทศ ระบุว่า “๖๐ ปีที่พระองค์ทรงครองสิริราชสมบัติ มิได้เป็นเพียง ๖๐ ปี ในประวัติศาสตร์ของชาติไทย แต่เป็น ๖๐ ปีที่เป็นประวัติศาสตร์ของเราทุกคน

“... ฝ่าพระบาทไม่เคยทรงอยู่ห่างไกลจากประชาชนของพระองค์ ไม่เคยมีพระราชดำริให้ประชาชนเป็นเพียงผู้รับคำสั่งหรือบริวาร ในทางตรงกันข้าม ฝ่าพระบาททรงอยู่เคียงข้างพสกนิกรของพระองค์และทรงร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชนชาวไทยตลอดมา

...พระราชกรณียกิจและความสำเร็จทั้งหมดที่กล่าวมาของฝ่าพระบาท ทำให้หม่อมฉัน องค์พระประมุขและพระราชอาคันตุกะทุกพระองค์ ณ ที่นี้ ต่างรู้ซึ้งตระหนักได้ดีว่า เหตุใดประชาชนของพระองค์จึงได้พร้อมใจกันน้อมเกล้าฯ ถวายพระราชสมัญญามหาราช”

ขณะที่สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏาน รัชกาลที่ ๕ แห่งราชวงศ์วังชุก ซึ่งได้รับการยกย่องจากชาวภูฏาน รวมถึงชาวไทยส่วนใหญ่ว่ามีพระจริยวัตรที่งดงาม และเป็นที่รักยิ่งของประชาชนชาวภูฏาน เคยตรัสถึงความประทับใจที่มีต่อในหลวงว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นต้นแบบแห่งพระมหากษัตริย์ ทรงสามารถนำโบราณมากลมกลืนกับโลกสมัยใหม่ได้

ศาสตราจารย์แมนเฟรด คราเมส (Prof. Manfred Krames) ชาวเยอรมัน ซึ่งยกย่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าทรงเป็นบรมครูผู้ยิ่งใหญ่ ระบุไว้ในหนังสือชื่อ “เรียนรู้จากพระเจ้าอยู่หัว : มุมมองของชาวต่างชาติต่อในหลวง” ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในปีพุทธศักราช ๒๕๔๙ ตอนหนึ่งว่า หากกล่าวถึงความรู้สึกของชาวต่างชาติต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พวกเขาจะชื่นชมในพระปรีชาสามารถของพระองค์อย่างมาก โดยพื้นฐานแล้วชาวต่างชาติอาศัยอยู่ในประเทศไทยมีทัศนคติในด้านบวกกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพียงแต่เราไม่ได้เทิดทูนในลักษณะเดียวกับที่คนไทยเป็นอยู่

“ในโลกนี้มีราชวงศ์มากกว่า ๓๕ ราชวงศ์ แน่นอนว่าเราไม่สามารถโฟกัสไปที่ราชวงศ์ทั้งหมดได้อย่างทั่วถึง ที่สำคัญคือราชวงศ์ส่วนใหญ่มีหน้าที่เพียงแสดงให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของราชวงศ์เท่านั้น แต่อะไรล่ะที่เราจะสามารถเรียนรู้จากบุคคลในราชวงศ์และกษัตริย์แต่ละพระองค์ คำตอบคือไม่มีเลย เพราะพวกเขาไม่ได้ดำรงตนเป็นครูให้กับประชากรของตนเอง อย่างเช่นที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็น

“...ผมคิดว่าคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นเป็นสากล เฉกเช่นเดียวกับคำสอนของพระพุทธเจ้า คนทั่วโลกจึงสามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากพระองค์ไปปรับใช้”

วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ปาฐกถาพิเศษเรื่อง พระมหากษัตริย์ผู้ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก เมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๙ โดยอ้างอิงพระราชดำรัสของสมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัลโบลเกียห์ ที่ทรงยกย่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในงานเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติ ๖๐ ปี

“การที่ใต้ฝ่าพระบาททรงอยู่ในราชสมบัตินานที่สุดเป็นประวัติศาสตร์โลก จะเป็น Record ที่บันทึกตลอดกาล แต่พวกเราที่มาร่วมงาน มิใช่เพราะ Record เนื่องจากตัวเลขก็คือตัวเลข แต่ที่พวกเราสนใจคือ Substance หรือเนื้อหาสาระ ว่าทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอะไรตลอดเวลานั้น เมื่อพวกเราดูลงลึกก็พบทั้งความทุกข์ ความสุข ความสำเร็จ และไม่สำเร็จ แต่ทรงฟันฝ่ามาได้ ด้วยเหตุสำคัญ ๓ ประการ คือ Dignity (พระบรมเดชานุภาพ) Wisdom (พระปรีชาญาณ) และ Courage (ความกล้าหาญ)”

ที่คนไทยให้พระราชสมัญญานามว่า มหาราช หรือ The Great นั้นแต่พระมหากษัตริย์ทั้ง ๒๕ ประเทศ พร้อมใจถวายพระราชสมัญญานามว่า ทรงเป็นมิตรที่เราทั้งหลายให้ความเคารพอย่างสูงสุด The Most Respected Colleague

ข่าวล่าสุด

สวนดุสิตโพล เปิด 5 อันดับ “นักการเมือง” ประชาชนเชียร์นั่งนายกฯ