ชีวิตที่เปลี่ยนแปลง
หากไม่ได้มีคุณพ่อเป็นนักการเงินมากบารมีอย่าง “ศ.สังเวียน อินทรวิชัย” ธนาคารกสิกรไทย
หากไม่ได้มีคุณพ่อเป็นนักการเงินมากบารมีอย่าง “ศ.สังเวียน อินทรวิชัย” ธนาคารกสิกรไทยอาจไม่มีกรรมการผู้จัดการหญิงคนแรกชื่อ “ขัตติยา อินทรวิชัย” หรือคนในธนาคารกสิกรไทยเรียกว่า เปิ้ล คุณเปิ้ล หรือพี่เปิ้ล เพราะเมื่อเรียนจบปริญญาตรีจาก
คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี สาขาการตลาด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขัตติยาเตรียมตัวจะไปใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาในบริษัทเอเยนซีที่กำลังเฟื่องฟูอยู่ในช่วงนั้น
“คุณพ่อแนะนำว่าควรจะมาลองทำงานที่ธนาคารกสิกรไทยดูก่อน เพราะในขณะนั้นท่านเป็นผู้ช่วยคุณบัญชา ล่ำซำ เขียนโปรแกรมฝึกพนักงานอยู่ อยากให้เรียนรู้ชีวิตการทำงานที่แท้จริงหลังจากออกจากรั้วมหาวิทยาลัยว่าแตกต่างกันอย่างไร มีอะไรที่เราต้องเรียนรู้อีก อยากให้รู้ให้ครบหมด ถ้ามีจุดมุ่งหมายว่าจะเรียนต่อในอนาคต ก็เลยเห็นด้วยกับคุณพ่อเลยมาสมัครงานที่ธนาคารกสิกรไทยเมื่อปี 2530 จากนั้นจึงสมัครสอบชิงทุนธนาคารกสิกรไทยไปเรียนต่อระดับปริญญาโท MBA-Finance and Investment, The University of Texas at Austin สหรัฐอเมริกา” ขัตติยา กล่าว
หลังจากเรียนจบกลับมา ขัตติยาได้รับแต่งตั้งเป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการวาณิชธนกิจ จากนั้นชีวิตก็ผ่านงานมากมายหลายฝ่าย คือ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการตลาดและเครดิต ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายยุทธศาสตร์องค์การ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจลูกค้าบุคคลและเครือข่ายบริการ เป็นรองกรรมการผู้จัดการ และรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ทำหน้าที่ผู้บริหารสายงานการเงินและควบคุม ก่อนได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้จัดการ
“ชอบงานทุกอย่างที่ทำเพราะได้ทำงานกับคนเก่งๆ ทั้งนั้น ทำงานสนุกทุกวัน จริงๆ แล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่การงานทุก 3 ปี คงจะเป็นที่จังหวะชีวิต จะมีงานใหม่เข้ามาให้ทำตลอด ส่วนงานที่ภูมิใจที่สุดที่ได้ทำมาคือ การถูกเลือกไปอยู่ในทีมแก้ไขวิกฤตของธนาคารในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ตอนนั้นเข้าไปช่วยกันดูหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)ที่มันเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามภาวะเศรษฐกิจจะต้องเข้ามาแก้ตรงนี้ มาทำงานหกโมงเช้า กลับบ้านตีสามทุกวันเป็นเดือน สมัยก่อนเทคโนโลยียังไม่ ทันสมัยเหมือนเดี๋ยวนี้ ได้ข้อมูลมามากมาย ต้องมาย่อยข้อมูลให้ง่ายเพื่อนำมาใช้ดำเนินนโยบาย” ขัตติยา กล่าว
ขัตติยา เล่าว่า วันที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้จัดการคนที่ 9 ของธนาคารกสิกรไทย ไม่ได้รู้ตัวมาก่อน ตอนนั้นทำงานอยู่ที่สำนักพหลโยธิน แต่มีการประชุมคณะกรรมการธนาคารที่สำนักงานราษฎร์บูรณะ ช่วงเย็น บัญฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร โทรมาหา บอกให้อยู่ที่ออฟฟิศก่อน กำลังจะมาพบ มีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ ก็รอคุณปั้น (บัณฑูร) ท่านตั้งใจมาเพื่อแจ้งด้วยตัวเองว่า คณะกรรมการธนาคารแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้จัดการคนใหม่
“ไม่มีเวลาคิดเลยว่าจะรับงานนี้หรือไม่ แต่เมื่อผู้ใหญ่ทั้งบอร์ดธนาคารและคุณปั้นท่านเมตตามอบหมายงานสำคัญให้ทำ เพราะเชื่อมั่นว่าเราจะทำงานให้เกิดประโยชน์กับองค์กรได้ ก็เลยถามว่าต้องการกรรมการผู้จัดการคนที่ 3 มาเพื่ออะไร คุณปั้นท่านให้เหตุผลว่าเพราะกำลังจะโยกย้ายให้พี่ก้อง (ธีรนันท์ ศรีหงส์) กรรมการผู้จัดการ ให้ไปดูแลงานทางด้านมันนี่อินโนเวชั่น ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่และเป็นอนาคตของธนาคาร ซึ่งเป็นงานสำคัญ จึงต้องมีคนมารับงานที่พี่ก้องดูแลไว้ไปทำ” ขัตติยา เล่าให้ฟัง
จนถึงวันนี้เป็นเวลา 4 เดือนกว่าแล้ว ที่ขัตติยาขึ้นสู่ตำแหน่งบริหารระดับสูงขององค์กร เธอบอกว่า ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปเป็นยุ่งมาก เจอคนเยอะมาก องค์กรใหญ่อย่างกสิกรไทยมีแต่คนเก่ง รองกรรมการผู้จัดการแต่ละท่านมีความเก่งและเฉียบคมไปคนละด้าน เวลาเข้าประชุมจะต้องนั่งฟังให้รอบด้าน ซึ่งต้องฟังให้เข้าใจเพราะทุกคนที่เสนองานมามีเหตุผลดีๆ ทั้งนั้น และมีหน้าที่ต้องตัดสินใจว่าจะเลือกอะไร เราเป็นคนตรงไปตรงมา ซื่อๆ ทำให้ทีมงานให้ความเป็นกันเองสูงมาก
เมื่อเป็นลูกหม้อกสิกรไทย จึงไม่น่าแปลกใจที่ไอดอลของขัตติยาคือ บัณฑูร ล่ำซำ
“คุณปั้นเป็นคนที่บริหารคนเก่งมาก หากมีข้อขัดแย้งอะไรก็สามารถแก้ปัญหานั้นให้จบได้อย่างที่ทุกคนยอมรับ ซึ่งเวลามีปัญหาในการทำงานก็เคยไปปรึกษาท่านเหมือนกัน แต่ไม่บ่อย” ขัตติยา กล่าว
เมื่องานเยอะขึ้น เวลาส่วนตัวก็น้อยลง ขัตติยาบอกว่าตอนนี้ลูกชายคนเดียวไปเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ จึงมีเวลาเหลือบ้างหลังจากทำงานก็พยายามออกกำลังกาย เพราะทำงานมากๆ จะมีความเครียดสะสมก่อนหน้านี้เธอจะตีสควอช เป็นกีฬาที่เล่นอยู่ประจำ แต่ก็เริ่มมีปัญหาข้อเข่า จึงเปลี่ยนมาออกกำลังกายด้วยการขี่จักรยาน ซึ่งพยายามไปขี่ให้บ่อยที่สุดเท่าที่ทำได้
“ขี่จักรยานนี่เหนื่อยเหมือนกัน บางทีขี่ไปกลางทางรู้สึกเหนื่อยไม่อยากขี่แล้ว จะเรียกรถมารับไปยังปลายทางเลย แต่ก็คิดว่าพยายามอีกนิด เพราะเรียกรถมารับมันง่ายเท่ากับยอมแพ้ ต้องสู้ต่อไปให้ถึงปลายทาง การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ท้าทายตัวเองอย่างหนึ่ง” เธอบอก


