สพฉ.เตือนเล่นสงกรานต์ระวังถูกไฟดูด
สพฉ.แนะสำรวจปลั๊กไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้า สายไฟ และเครื่องตัดไฟก่อนเล่นสงกรานต์ ห่วงถูกไฟดูด-ไฟช็อต พร้อมแนะวิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้อง
สพฉ.แนะสำรวจปลั๊กไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้า สายไฟ และเครื่องตัดไฟก่อนเล่นสงกรานต์ ห่วงถูกไฟดูด-ไฟช็อต พร้อมแนะวิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้อง
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ระบุว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มักมีการสาดน้ำกัน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะสาดกันหน้าบ้าน ทำให้บางครั้งอาจทำให้ละอองน้ำไปถูกปลั๊กไฟ หรือสายไฟ จนทำให้เกิดอันตรายจากไฟดูด ไฟรั่ว หรือไฟช็อตได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันอันตราย ก่อนเล่นสงกรานต์ควรตรวจดูให้แน่ว่าบริเวณดังกล่าวมีปลั๊กไฟหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสี่ยงอยู่ในบริเวณดังกล่าวหรือไม่ และหากเล่นเสร็จแล้วควรรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แห้งทันที ก่อนจับเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะขณะที่ร่างกายเปียกจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะถูกไฟดูดหรือไฟช็อตมากขึ้น เนื่องจากกระแสไฟจะสามารถผ่านร่างกายได้โดยง่าย นอกจากนี้ควรตรวจสอบเครื่องตัดไฟให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอด้วย เผื่อกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ช่วยเหลือได้ทัน
สำหรับอาการของคนที่ถูกกระแสไฟฟ้าช็อตนั้น ขึ้นอยู่กับกระแสไฟฟ้าที่โดนช็อตรุนแรงเพียงใด บางครั้งอาจเพียงแค่ทำให้ล้มลงกับพื้น หรืออาจถึงขั้นรุนแรงคือมีอาการชักเกร็งของกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย หายใจเร็ว หมดสติ และหยุดหายใจหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะซึ่งอาจอันตรายถึงชีวิต นอกจากนี้อาจทำให้เกิดบาดแผลไหม้ตรงผิวหนังและกินลึกเข้าไปในเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียง
ส่วนการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินที่ถูกไฟดูด ไฟช็อต นั้น ก่อนอื่นต้องตั้งสติ รีบตัดกระแสไฟในที่เกิดเหตุ และโทรแจ้งสายด่วน 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ แต่ที่สำคัญต้องจำให้ขึ้นใจว่าอย่าสัมผัสตัวผู้ถูกไฟช็อตด้วยมือเปล่าเด็ดขาด ควรใช้วัสดุที่ไม่เป็นตัวนำไฟฟ้าป้องกันตัวก่อน เช่น ไม้ ถุงมือยาง ผ้าแห้ง
นอกจากนี้หากผู้ป่วยฉุกเฉินหมดสติ และหยุดหายใจ ให้รีบทำการช่วยฟื้นคืนชีพ หรือ CPR ทันที ซึ่งการช่วยเหลือจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากช่วยเหลือร่วมกับการใช้เครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจชนิดอัตโนมัติ หรือ เออีดี โดยการกดนวดหัวใจ ให้จัดผู้ป่วยนอนหงายบนพื้นแข็งโดยผู้ช่วยเหลือนั่งคุกเข่าอยู่ทางด้านข้างของผู้ป่วย วางส้นมือลงไปตามแนวกึ่งกลางของหน้าอกหรือกึ่งกลางระหว่างหัวนมทั้งสองข้างของผู้ป่วยแล้วนำมืออีกข้างมาประกบ ประสานนิ้วและทำการล๊อคนิ้ว กระดกข้อมือขึ้นลง โดยให้ส้นมือสัมผัสกับหน้าอกเท่านั้น โน้มตัวมาให้แนวแขนตั้งฉากกับหน้าอกของผู้ป่วย แขนตรงและตึง ออกแรงกดลงไปโดยใช้แรงจากหัวไหล่ จุดหมุนอยู่ตรงสะโพก กดให้หน้าอกยุบลงไปอย่างน้อย 5 เซนติเมตร โดยให้ส้นมือสัมผัสกับหน้าอกผู้ป่วยตลอดการนวดหัวใจ ส้นมือไม่หลุดออกจากหน้าอกผู้ป่วยด้วยความเร็ว 100-120 ครั้งต่อหน้าที และทำไปเรื่อยๆ จนกว่ารถพยาบาลจะมาถึง
นพ.อนุชา ยังกล่าวต่อถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการเล่นน้ำสงกรานต์เป็นเวลานานในสภาพอากาศที่ร้อนจัด ว่า โรคลมแดด หรือ ฮีทสโตรก สามารถเกิดขึ้นได้แม้กับคนที่ร่างกายแข็งแรง ซึ่งคนที่เป็นลมแดดนั้นสมองจะไม่ทำงานรวมถึงไม่สามารถควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ ได้ โดยคนที่เป็นลมแดดนั้นอุณหภูมิในร่างกายจะเพิ่มสูงกว่าปกติถึง 40 องศา ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรักษาอย่างเร่งด่วน เพราะมีโอกาสในการเสียชีวิตสูงหากพบแพทย์ไม่ทันท่วงที โดยอาการเบื้องต้นของโรคนี้คือ 1.ไม่มีเหงื่อออก 2.กระหายน้ำมาก 3.ตัวร้อนขึ้นเรื่อยๆ 4.วิงเวียน ปวดศีรษะ มึนงง คลื่นไส้ หายใจเร็วอาเจียน หากเกิดอาการดังกล่าวจำเป็นต้องหยุดพักทันทีและรีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 นอกจากนี้ก่อนเล่นน้ำควรดื่มน้ำมากๆ หรือชั่วโมงละ 1 ลิตร และควรเลือกสวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี อาทิ ผ้าฝ้าย พร้อมกับหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีแดดแรงๆ ด้วย
นอกนี้สิ่งที่อยากเตือนในการเล่นสงกรานต์ คือ ไม่ควรเล่นสงกรานต์ในที่ที่มีความเสี่ยง เช่น หลังรถกระบะ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุแล้ว จะยิ่งเสี่ยงต่อการเสียชีวิต และทางที่ดีควรเล่นสงกรานต์ตามวัฒนธรรมประเพณีไทยมากกว่า อาทิ การรดน้ำดำหัว ประพรมน้ำเท่านั้น เพราะนอกจากจะไม่ทำให้เกิดอันตรายแล้ว ยังเป็นการช่วยประหยัดน้ำในช่วงหน้าแล้งนี้ด้วย


