posttoday

บิ๊กตู่จับมือฮุนเซน 'ไทย-กัมพูชา' วิน-วิน

21 ธันวาคม 2558

กรณี ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา ยกคณะรัฐมนตรีชุดใหญ่มาเยือนไทยอย่างเป็นทางการในรอบ 12 ปี

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

กรณี ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา ยกคณะรัฐมนตรีชุดใหญ่มาเยือนไทยอย่างเป็นทางการในรอบ 12 ปี พร้อมกับการฉลองวาระการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศครบรอบ 65 ปี ระหว่างวันที่ 18-19 ธ.ค.ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นขึ้นระหว่างไทยและกัมพูชา หลังจากที่เกิดปัญหาไม่ลงรอยกันเรื่องปราสาทพระวิหาร

แม้การพบปะเจรจาครั้งนี้จะไม่มีการหยิบยกปัญหาเขตแดน และเรื่องปราสาทพระวิหารมาหารือ แต่ถือได้ว่ามีพัฒนาการของความสัมพันธ์ที่จะนำไปสู่การเจรจาด้วยบรรยากาศที่ดีได้ในอนาคต และความสัมพันธ์ที่ดีดังกล่าวในเบื้องต้น ย่อมทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับอานิสงส์ในทางการเมืองด้วย

นอกจากความสำเร็จในการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว อย่างน้อยที่สุด กลุ่มเสื้อแดงของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยใช้พื้นที่ของกัมพูชาเป็นฐานพักพิงยามถูก คสช.ไล่ล่า คงเคลื่อนไหวด้วยความยากลำบากมากขึ้น

“ณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร” เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา วิเคราะห์ว่า การเดินทางเยือนไทยของฮุนเซนครั้งนี้เป็นการย้ำถึงความสัมพันธ์ในปัจจุบันระหว่างไทยกับกัมพูชา ถือว่าดีมาก หากเทียบกับความขัดแย้งในอดีต และได้ปรับระดับความสัมพันธ์ดีขึ้นตามลำดับ

ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมามีการเยือนของนายกรัฐมนตรี และกองทัพทุกเหล่าทัพของไทย รวมทั้งกลุ่มนักธุรกิจไทยที่ไปแสวงหาลู่ทางการค้าการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าความสัมพันธ์อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ และดีมากที่สุดในรอบ 65 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูต

ขณะที่ ปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มองในทำนองเดียวกันว่า นี่เป็นสัญญาณที่ดี เพราะเป็นการหารือแบบเต็มคณะที่มีประเด็นครอบคลุมทุกเรื่องแบบนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีว่าทั้งสองประเทศได้ปรับความสัมพันธ์กลับเข้ามาอยู่ในระดับที่ดี และเป็นการแสดงให้เห็นความพร้อมที่ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้ง 10 ประเทศ จะร่วมกันก้าวเข้าสู่ความเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

ปณิธาน ชี้ให้เห็นว่า การประชุมร่วมกันนั้น ในแต่ละประเด็นล้วนแต่เป็นเรื่องที่น่าสนใจ และต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องแรงงาน การพัฒนาและปรับจุดผ่านแดนร่วมกัน การค้าการลงทุน

เท่านั้นยังไม่พอ การมาเยือนของกัมพูชาครั้งนี้ มีภาคเอกชนมาเยอะ ทำให้เกิดบรรยากาศการค้าการลงทุนที่น่าสนใจมาก ซึ่งตรงตามเจตนารมณ์ความต้องการของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องการพัฒนาและยกระดับการค้าที่ก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันมากขึ้น เช่น ไทยแลนด์พลัสวัน ส่วนเรื่องของข้อตกลงที่เป็นประเด็นปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ชายแดนทับซ้อน ปัญหาพลังงานต่างๆ การประชุมร่วมครั้งนี้ไม่ได้หยิบยกมาหารือ เพราะถือว่ามีคณะกรรมการชุดต่างๆ ดำเนินการอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม การเยือนของกัมพูชามาไทย เรียกได้ว่าเป็นช่วงฮันนีมูนใหม่ก็ว่าได้ แต่ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างรัฐบาลกัมพูชาและรัฐบาลไทยไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะย้อนไปดูที่ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลจะพบว่า กลุ่มผู้นำรัฐบาลไทย-กัมพูชา ต่างเป็นคนที่สนับสนุนคุ้นเคยกันอยู่แล้ว

รัฐบาลไทยคือนายทหารชุดเดิมที่ทำงานด้านความมั่นคงด้านการทหาร มีโอกาสทำงานร่วมกับกัมพูชาอย่างใกล้ชิดมา 20-30 ปี เพียงแต่ในอดีตไม่เคยได้มาเป็นผู้บริหารประเทศเอง จึงไม่ได้สะท้อนความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันออกมาชัดเจน รัฐบาลของไทยที่ผ่านมาล้วนมาจากภาคการเมือง พรรคการเมืองต่างๆ ที่มีหลายฝ่ายบางพรรคการเมือง เช่น พรรคเพื่อไทยอาจจะมีความสัมพันธ์ที่ดี มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับกัมพูชาอยู่ก่อนแล้วอาจจะไม่มีข้อพิพาท หมองใจ หรือทะเลาะเบาะแว้งกัน ก็เป็นเรื่องของพรรคการเมือง

ปณิธาน ระบุอีกว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นทหาร มีความสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งเป็นโจทย์ของรัฐบาล คสช.ว่าจะวางระบบสานต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในอนาคตอย่างไร เมื่อฝ่ายบริหารประเทศมาจากพรรคการเมือง ทำอย่างไรที่จะให้พรรคการเมืองใดที่เข้ามาบริหารประเทศแล้วยังคงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน รักษาบรรยากาศดีๆ แบบนี้ไว้ได้ ให้เกิดการพัฒนาร่วมกัน

แม้พรรคการเมืองเข้ามาเป็นผู้กำหนดนโยบาย แต่ก็ต้องวางระบบให้ข้าราชการประจำเข้มแข็ง สามารถต่อยอดดำเนินการความสัมพันธ์การดำเนินงานในนโยบายได้ราบรื่น ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองจนเกินไป หรือการวางระบบการต่อสายด่วนระหว่างผู้นำด้วยกัน เพื่อจะผลักดันพูดคุยเรื่องยากๆ ให้สามารถเดินหน้าได้ และโจทย์สำคัญที่รัฐบาล คสช.ต้องทำจากนี้ไป คือ การวางระบบ 3 เสาหลัก คือ เสาภาคธุรกิจระหว่างประเทศ เสาการเมือง และเสาภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ให้เกิดการเอื้ออำนวยต่อกัน เพราะทั้งสองฝ่ายก็พึ่งพิงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เจริญก้าวหน้าไปด้วยกัน

ฉะนั้นความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นครั้งนี้ ย่อมส่งผลให้ไทยและกัมพูชา วิน-วิน ทั้งคู่

ข่าวล่าสุด

สวนดุสิตโพล เปิด 5 อันดับ “นักการเมือง” ประชาชนเชียร์นั่งนายกฯ