‘หัวใจพระพุทธศาสนา’ (3) พระอาจารย์ตื้อ อจลธมฺโม
ทั้งอุบาสก อุบาสิกา นิพพานัง ปะระมัง สุขัง นิพพานปัจจะโยโหตุ
หมายเหตุ : หลวงปู่ตื้ออจลธมฺโม เป็นศิษย์รูปสำคัญรูปหนึ่งของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ คณาจารย์สายพระกรรมฐานเชื่อกันว่า ท่านเป็นพระอรหันต์ร่วมยุครูปหนึ่งในสมัยของเรา ชื่อเสียงของหลวงปู่ตื้อเป็นที่จดจำในฐานะพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติชอบ เป็นผู้เลิศในทางฤทธิ์ผู้หนึ่งและมีลีลาแสดงธรรมที่ตรง ดุเด็ดเผ็ดมัน แม้จะมีเนื้อหาการแสดงธรรมะของท่านตกทอดข้ามวันเวลามาอยู่บ้าง แต่ก็มีจำนวนไม่มากนักเทศนาเรื่อง “หัวใจพระพุทธศาสนา”เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น เพื่อรักษาธรรมเทศนากัณฑ์นี้ให้ปรากฏสืบเนื่องไป จึงขอนำมาตีพิมพ์เป็นตอนๆต่อเนื่องจนสิ้นความเป็นตอนที่ 3ดังมีเนื้อหาโดยละเอียด ดังนี้
ทั้งอุบาสก อุบาสิกา นิพพานัง ปะระมัง สุขัง นิพพานปัจจะโยโหตุ
ข้าพเจ้าจะขออธิบายถึงผู้ที่เข้าสู่พระนิพพาน พ้นจากชาติกันดารไม่ต้องกลับมาเกิดอีก ซึ่งเรียกว่า“วิมุตติสุข” อันพ้นจากโลกนี้พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ ให้แก่เรานักธรรม นักกัมมัฏฐาน ผู้ตั้งใจเอาพระนิพพานให้รู้แจ้ง ขาดจากความสงสัย อุปสมานุสสติ ให้ระลึกถึงคุณพระนิพพาน
พระนิพพานก็อยู่ที่ใจของเรา
ใจไม่ฆ่าสัตว์ ใจดี เป็นศีล เป็นฌาน ใจก็เป็นนิพพาน ใจไม่ลักทรัพย์ใจเป็นศีล ใจเป็นฌาน ใจก็เป็นนิพพาน ใจออกบวช ขาดจากผัวจากเมีย ใจก็เป็นศีล ใจเป็นฌานใจก็เป็นนิพพาน ใจไม่ขี้ปด ใจเป็นศีล เป็นฌาน ใจก็เป็นนิพพาน ใจไม่กินเหล้า (สุรา) ใจก็เป็นศีล เป็นฌาน ใจก็เป็นนิพพาน ใจไม่กินข้าวเย็น ใจก็เป็นศีล เป็นฌาน ใจก็เป็นนิพพาน ใจไม่ตีฆ้อง ตีกลอง ดีดสีตีเป่า ใจเป็นศีล เป็นฌาน เป็นนิพพาน ใจไม่ลูบไล้ชโลมทาของหอมอย่างชาวบ้าน ใจเป็นศีล ใจเป็นฌาน ใจก็เป็นนิพพาน ใจไม่เอนนอนยังที่นอน ภายในยัดด้วยนุ่นและสำลีอันสูงอันใหญ่เหมือนของพระราชามหากษัตริย์ ใจเป็นศีล ใจเป็นฌาน ใจก็เป็นนิพพาน ชาตะรูปะระชะตะ รูเปียห์หรือกระดาษเศษที่นักปราชญ์เขาทำกันออกมาใช้ทุกวันนี้ เป็นทรัพย์ของพระราชา อเมริกาเป็นผู้ทำขึ้น ช่วยประเทศไทยให้เจริญ มีก็ใช้ ไม่มีก็ไม่ใช้ ใจเราก็เป็นศีล ใจเป็นฌาน ใจก็เป็นนิพพาน
นี้แหละนักธรรม นักกัมมัฏฐานวิปัสสนาฌานทั้งหลาย จงรู้ด้วย“ใจ” เถิด
ใจไม่ฆ่าสัตว์ ใจดี เป็นศีล เป็นฌาน ใจก็เป็นนิพพาน ใจไม่ลักทรัพย์ใจเป็นศีล ใจเป็นฌาน ใจก็เป็นนิพพาน ใจออกบวช ขาดจากผัวจากเมีย ใจก็เป็นศีล ใจเป็นฌานใจก็เป็นนิพพาน ใจไม่ขี้ปด ใจเป็นศีล เป็นฌาน ใจก็เป็นนิพพาน ใจไม่กินเหล้า (สุรา) ใจก็เป็นศีล เป็นฌาน ใจก็เป็นนิพพาน ใจไม่กินข้าวเย็น ใจก็เป็นศีล เป็นฌาน ใจก็เป็นนิพพาน ใจไม่ตีฆ้อง ตีกลอง ดีดสีตีเป่า ใจเป็นศีล เป็นฌาน เป็นนิพพาน ใจไม่ลูบไล้ชโลมทาของหอมอย่างชาวบ้าน ใจเป็นศีล ใจเป็นฌาน ใจก็เป็นนิพพาน ใจไม่เอนนอนยังที่นอน ภายในยัดด้วยนุ่นและสำลีอันสูงอันใหญ่เหมือนของพระราชามหากษัตริย์ ใจเป็นศีล ใจเป็นฌาน ใจก็เป็นนิพพาน ชาตะรูปะระชะตะ รูเปียห์หรือกระดาษเศษที่นักปราชญ์เขาทำกันออกมาใช้ทุกวันนี้ เป็นทรัพย์ของพระราชา อเมริกาเป็นผู้ทำขึ้น ช่วยประเทศไทยให้เจริญ มีก็ใช้ ไม่มีก็ไม่ใช้ ใจเราก็เป็นศีล ใจเป็นฌาน ใจก็เป็นนิพพาน
นี้แหละนักธรรม นักกัมมัฏฐานวิปัสสนาฌานทั้งหลาย จงรู้ด้วย“ใจ” เถิด
พาลฆ่าสัตว์ไม่มีแก่ใจ พาลลักทรัพย์ไม่มีแก่ใจ พาลขี้ปดไม่มีแก่ใจ พาลเสพกามไม่มีแก่ใจ พาลไม่กินเหล้าไม่มีแก่ใจ พาลกินข้าวเย็นไม่มีแก่ใจ พาลตีฆ้องตีกลองดีดสีตีเป่าไม่มีแก่ใจ ใจไม่พาลทาของหอมไม่มีแก่ใจ ใจไม่พาลนอนที่นอนอันยัดด้วยนุ่นและสำลีอันสูงอันใหญ่ไม่มีแก่ใจ พาลชาตะรูปะระชะตะ รูเปียห์ (เงินตรา) ไม่มีแก่ใจ ใจจึงจะเป็นนิพพาน
เตสัง วูปะสะโม สุโข รูปแตกรูปตายตั้งแต่หัวถึงตีน ตั้งแต่ตีนถึงหัว ธาตุดิน คือกระดูกกับเนื้อ (ชิ้น)ไม่ใช่พระนิพพาน เตสัง ธาตุน้ำสิบสอง ไม่ใช่พระนิพพาน เตสัง สัญญาลมหายใจเข้าออก รูลม รูจมูก ลมเข้า ลมออก จะห้ามลมไว้ไม่ได้ รูปาก รูคอ เป็นที่อยู่ของลม รูทวารหนัก ทวารเบาถ่ายปัสสาวะ ทวารหนักถ่ายอุจจาระออก จะห้ามลมไว้ไม่ได้ เตสัง สังขารเบื้องต่ำได้แก่ขาจะห้ามขาไว้ไม่ให้แก่ไม่ได้ สังขารท่ามกลาง ได้แก่ แขน เบื้องบน ได้แก่ศีรษะหรือหัว จะห้ามไว้ไม่ให้แก่ไม่ได้ นี่แหละ นักธรรม นักกัมมัฏฐาน
จิตเป็นของไม่ตาย ตัวตายนั้นคือรูปเป็นตัวตาย ตัวตาย ตัวเวทนาตัวตาย ตัวสัญญา ตัวตายคือตัวสังสาร ตัวตาย ตัววิญญาณ ตัวไม่ตาย ได้แก่ จิตที่เป็นนิพพาน อสังขตธรรม ได้แก่ รูปธรรม เวทนาธรรมไม่มีแก่จิต อสังขตธาตุ เวทนาธาตุไม่มีแก่จิต อสังขตปัจจัย ใจพ้นจากรูป ใจพ้นจากเวทนา ใจไม่มีเวทนาใจพ้นจากสัญญา ใจไม่มีสัญญา ใจพ้นจากสังขาร ใจไม่มีสังขาร ใจพ้นจากวิญญาณ ใจไม่มีวิญญาณ ใจก็เป็นนิพพานนั้นแหละ
เมื่อใจเป็นนิพพานแล้ว ชาติความเกิดไม่มีแก่ใจ ชรา ความแก่ไม่มีแก่ใจ พยาธิ ความเจ็บไข้ตัวร้อนตัวหนาวไม่มีแก่ใจ มรณะ ความตายความเกิด ไม่มีแก่ใจ ใจก็เป็นพระนิพพาน พ้นจากความเกิด ความแก่ความตาย ไม่ต้องกลับมาเกิดให้มันทุกข์มันยากลำบากในโลกนี้อีก
ในคัมภีร์นิพพานสูตร พระอนิรุทธพุทธาจารย์ องค์การเผยแผ่ที่เผากระดูกของพระพุทธเจ้า และแจกจ่ายพระบรมสารีริกธาตุ สิบหกพระนครที่มาในเมืองไทยเรา คือกรุงกัมพูชาหรือนครจำปาสัก ทางเหนือมีเมืองหลวงพระบาง เมืองเชียงขวาง เชียงคำ อูเหนือ ถึงเมืองเชียงรุ้ง อูใต้ ถึงเมืองนครจำปาสักแว่น (ตอนท่อน) กลางเมืองอาภัสสรา เวลานี้อาภัสสราหายกลายมาเป็น จ.สกลนคร หายหนที่สอง ใส่ชื่อ จ.นครพนม ธาตุหัวอกของพระพุทธเจ้า ธาตุหัวนมก๊ำขวาสิบสององค์ ธาตุหัวนมก๊ำซ้ายสิบสององค์ พระอรหันต์กัสสปะเป็นผู้นำมาบรรจุใส่ไว้ จึงตั้งชื่อว่า ธาตุพนม
ในสมัยพระเจ้าคะมัง ผู้เป็นใหญ่ในแว่นนี้ (แคว้นนี้) แปลเป็นภาษาไทย นิพพานัง ปะระมัง สูญญัง รูปสูญ เวทนาก็สูญ สัญญาก็สูญ สังขารก็สูญ วิญญาณก็สูญ จิตยังมีอยู่ นักขัตตะโต วา มนุสสะโตวา เหมือนดังดาวนักขัตฤกษ์เดือนดาวมีอยู่ในอากาศ มนุษย์จักมีจักษุประสาท คือ ตา แหงนหน้าขึ้นไปในอากาศได้เห็นเดือนดาวเต็มอยู่ในท้องฟ้า ตั้งฟ้าตั้งแผ่นดินมาพระพุทธเจ้ากุกุสันโธ สร้างบารมีอายุยืนหกหมื่นปี เพราะท่านสร้างบารมีถึง 16 อสงไขยแสนมหากัปป์ ก็ได้เข้านิพพานไปแล้วได้ไว้ศาสนาหกหมื่นปีเท่าอายุ รวมเป็นสองแสนหมื่นปี เดือนก็ไม่ตาย ดาวก็ไม่ตาย ยังมีอยู่อย่างนี้
พระพุทธเจ้าองค์ที่สอง สร้างบารมี 80 อสงไขแสนมหากัปป์บารมีแก่กล้าแล้วอุบัติบังเกิดในโลกอายุสามหมื่นปี นิพพานไปแล้ว ไว้ศาสนาหกหมื่นปีเดือนก็ไม่ตาย ดาวก็ไม่ตาย ยังมีอยู่อย่างนี้ (พระพุทธเจ้าองค์ที่ 2 มี พระนามโกนาคะมะโน)พระพุทธเจ้ากัสสปะ สร้างบารมีเจ็ดอสงไข แสนมหากัปป์ บารมีแก่กล้ามาแล้วมาเกิดในโลกนี้ อายุยืนหมื่นปี ได้ไว้ศาสนาสี่หมื่นปี รวมศาสนาสามแสนสองหมื่นปีก็นิพพานไปแล้ว เดือนไม่ตาย ดาวไม่ตาย ยังมีอยู่อย่างนี้


