posttoday

กล่องดำรุ่นใหม่ไขปริศนา เครื่องบินหายไปไหน

14 มิถุนายน 2558

ผ่านมาปีเศษแล้วที่เที่ยวบิน เอ็มเอช370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส หายสาบสูญไป อย่างไร้ร่องรอย

ผ่านมาปีเศษแล้วที่เที่ยวบิน เอ็มเอช370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส หายสาบสูญไป อย่างไร้ร่องรอย จนบัดนี้ยังไม่มีใครทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินลำดังกล่าว รวมทั้งผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 239 คน เพราะกล่องดำประจำเครื่องซึ่งน่าจะช่วยไขปริศนาให้กระจ่างก็หายไปกับเครื่องบินด้วย สายการบินต่างๆ จึงตั้งใจจะเลิกใช้กล่องดำที่ล้าสมัย แล้วหันมาใช้ระบบใหม่ที่ใช้ดาวเทียมส่งข้อมูลจากเครื่องโดยตรงมายังศูนย์ควบคุมภาคพื้นดินแทน

ผู้โดยสาร 227 คนบนเครื่องโบอิ้ง 777 ลำมหึมาเอนกายพิงพนักที่นั่งเตรียมพักผ่อน ขณะนั้นเป็นเวลาหลังเที่ยงคืนแล้ว เครื่องกำลังจะออกจากสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ มุ่งไปยังกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน แม้คนบนเครื่องส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีนที่กำลังเดินทางกลับบ้าน แต่ก็ยังมีผู้โดยสารจากประเทศอื่นด้วยรวมกัน 15 ชาติ นักบินประจำเที่ยวบินนั้น คือ กัปตันซาฮารีอาห์หมัด ชาห์ วัย 53 ปี ซึ่งมีชั่วโมงบินกว่า 18,000 ชั่วโมง ส่วนนักบินผู้ช่วยคือ ฟาริค อับดุลฮามิด วัย 27 ปี ซึ่งปฏิบัติงานเป็นเที่ยวบินแรกหลังจบการฝึกบินพิเศษกับเครื่องโบอิ้ง 777 “370, 32 ขวา นำเครื่องขึ้นได้ ราตรีสวัสดิ์” เจ้าหน้าที่ประจำหอบังคับการบินบอก “32 ขวา นำเครื่องขึ้นได้ เอ็มเอเอส370 ขอบคุณครับ สวัสดีครับ” ลูกเรือตอบตามปกติ กัปตันเร่งความเร็ว เครื่องยนต์ส่งเสียงกระหึ่ม 40 วินาทีต่อมาล้อเครื่องบินยกตัวขึ้นจากพื้น และเครื่องบินหนัก 200 ตัน ความยาวกว่า 70 เมตรก็เหินขึ้นจากลานบินเป็นครั้งสุดท้าย สัญญาณขาดหาย หลังเครื่องบินขึ้นไม่นาน นักบินติดต่อเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินและได้รับอนุญาตให้ไต่ระดับขึ้นไปที่ระดับการบิน 350 (ประมาณ 35,000 ฟุตหรือราว 10.7 กิโลเมตรเหนือพื้นดิน) ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที

หลังจากนั้นไม่กี่นาทีสายการบินมาเลเซียได้รับสัญญาณจากระบบเอคาร์สบนเครื่องเป็นครั้งสุดท้าย โดยระบบเอคาร์สนั้นเป็นระบบซึ่งทำหน้าที่ส่งสัญญาณอัตโนมัติจากบนเครื่องถึงสายการบิน เพื่อรายงานพิกัดของเครื่อง และถ้ามีความผิดพลาดเกิดขึ้นกับระบบต่างๆ ในเครื่องก็จะรายงานด้วย หลังเครื่องบินขึ้น 45 นาที ซึ่งเป็นเวลา 01.19 น. ตามเวลาท้องถิ่น เที่ยวบิน เอ็มเอช370 ออกจากน่านฟ้ามาเลเซียตามแผนการบินและลูกเรือก็ได้รับคำสั่งให้เปลี่ยนไปรายงานต่อหอบังคับการบินของเวียดนามที่ความถี่ 120.9 เมกะเฮิรตซ์ เสียงจากหอบังคับการบินบอกว่า “มาเลเชียน 370 ติดต่อโฮจิมินห์ 120.9 ราตรีสวัสดิ์” และได้รับคำตอบจากบนเครื่องว่า “ราตรีสวัสดิ์ มาเลเชียน 370” หลังจากนั้นก็ไม่มีการติดต่อใดๆ อีกเลย

เพียง 3 นาทีต่อมา เหตุการณ์อันเป็นปริศนาก็เริ่มต้นขึ้น โดยสัญญาณหลายประเภทที่เครื่องต้องส่งลงมายังภาคพื้นดิน กลับหยุดไปดื้อๆ สัญญาณจากทรานสปอนเดอร์ซึ่งเป็นตัวบอกให้เรดาร์และเที่ยวบินอื่นๆ รู้ว่าเครื่องบินลำนี้คือเที่ยวบิน เอ็มเอช370 ได้ขาดหายไปพร้อมกันนั้นระบบ เอดีเอส-บี ซึ่งใช้ระบบจีพีเอสของเครื่องบินในการบอกพิกัดความสูงและความเร็วของเครื่อง แล้วมักจะส่งข้อมูลไปยังสถานีภาคพื้นดินและเครื่องบินลำอื่นในอากาศ ก็ถูกปิดการทำงาน เวลา 01.25 น. เครื่องบินเบนออกนอกเส้นทางตามตาราง โดยแทนที่จะมุ่งไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ กลับหักเลี้ยวไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ข้อมูลจากเรดาร์ทางทหารบอกว่า พร้อมกันนั้นเที่ยวบิน เอ็มเอช 370 ได้ไต่ระดับขึ้นถึง 14,000 เมตร เกินเพดานบินสูงสุดที่เครื่องโบอิ้ง 777 ได้รับอนุญาตให้บินถึงเกือบ 1 กิโลเมตร หอบังคับการบินแจ้งเตือนและสั่งให้เครื่องบินลำอื่นที่บินอยู่ในอากาศพยายามติดต่อ เอ็มเอช370

แต่เสียงที่ได้ยินทางวิทยุกลับมีเพียงเสียงซ่าๆ และเสียงพึมพำ ขณะเดียวกันสายการบินมาเลเซียก็พยายามส่งข้อความถึงลูกเรือผ่านระบบเอคาร์สแต่ไม่ได้รับการตอบกลับ ข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผย
ในภายหลังชี้ว่าข้อความจากสายการบินไปไม่ถึงปลายทางเนื่องจากอุปกรณ์บนเครื่องถูกปิด เวลา 02.15 น. เครื่อง เอ็มเอช370 ไปโผล่บนจอเรดาร์ของกองทัพมาเลเซีย โดยบินอยู่เหนือช่องแคบมะละกา ระหว่างมาเลเซียกับเกาะสุมาตรา เส้นทางบินตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งผิดจากแผนการบินอย่างสิ้นเชิง เอ็มเอช370 กำลังมุ่งหน้าไปทางมหาสมุทรอินเดีย 10 นาทีต่อมาสัญญาณรายงานตัวอัตโนมัติถูกส่งจากเครื่องไปยังดาวเทียมดวงหนึ่ง ซึ่งเป็นการยืนยันว่าเครื่องยังอยู่ในอากาศ แต่พอสายการบินพยายามติดต่อทางโทรศัพท์ผ่านดาวเทียมประจำเครื่อง หลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็ไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด

กล่องดำรุ่นใหม่ไขปริศนา เครื่องบินหายไปไหน

 

วันที่ 8 มี.ค. เวลา 06.29 น.ตามเวลาท้องถิ่น เอ็มเอช370 ควรจะไปถึงกรุงปักกิ่งแล้ว มาเลเซียแอร์ไลน์สต้องรู้แล้วว่าเครื่องบินได้หายไปแล้ว กล่องดำบอกข้อมูลทุกอย่างหลังสัญญาณจากระบบถูกปิด จะมีการส่งข้อมูลจากเครื่องเพียงน้อยนิด แต่บนเครื่องนั้นมีข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานทุกอย่างนับตั้งแต่สตาร์ทเครื่อง และข้อมูลเหล่านี้ก็สามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินลำนี้ ข้อมูลดังกล่าวถูกเก็บไว้ในเครื่องบันทึกข้อมูลการบิน หรือที่เรียกกันว่า “กล่องดำ” (black box) ซึ่งเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่บันทึกข้อมูลจากระบบต่างๆ บนเครื่อง ปัจจุบันกฎหมายกำหนดให้เครื่องบินพาณิชย์ที่มีน้ำหนักขณะวิ่งขึ้นเกิน 5.7 ตันทุกลำ ต้องติดตั้งเครื่องบันทึกข้อมูลการบิน เครื่องนี้คอยบันทึกข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเที่ยวบินทั้งหมดระหว่างการเดินทาง

ไม่ว่าจะเป็นระดับความสูง ความเร็ว ระยะเวลาบินทิศทางการบิน การเผาไหม้เชื้อเพลิง มุมการเอียงของเครื่องขณะอยู่ในอากาศ หรือ ตำแหน่งของอุปกรณ์ปรับแรงยก-แรงต้านกฎการบินของสหรัฐในปัจจุบันกำหนดว่าเครื่องบันทึกข้อมูลการบินต้องบันทึกข้อมูลต่างๆ 88 ประเภท แต่เครื่องสมัยใหม่สามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากถึง 300 ประเภท หน่วยเก็บข้อมูลการบินภายในกล่องดำทำหน้าที่เก็บค่าที่ได้รับจากเซ็นเซอร์และค่าควบคุมทั้งหมด แล้วส่งต่อไปเก็บในการ์ดความจำ ทั้งนี้ เครื่องบันทึกข้อมูลการบินส่วนใหญ่เก็บข้อมูลย้อนหลัง 17-25 ชั่วโมง เมื่อเกิดเหตุเครื่องบินตกก็สามารถดูได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนเครื่องตก เช่น กรณีเครื่องบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน คิวแซด8501 ตกในทะเลชวาเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2014 พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 162 ชีวิต ระบบมีการอัพเดท 2-3 ครั้ง/วินาที แต่สามารถอัพเดทบ่อยกว่านั้นมากเมื่อค่าใดค่าหนึ่งมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง เช่น กรณีที่แรงดันในห้องโดยสารตกอย่างกะทันหัน

กล่องดำรุ่นใหม่ไขปริศนา เครื่องบินหายไปไหน

 

กล่องดำรุ่นใหม่ทนทุกสถานการณ์กล่องดำประจำเครื่องได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยในการสืบสวนกรณีเครื่องบินตก กล่องดำนี้สีไม่ดำเหมือนชื่อแต่มีสีส้มสดง่ายต่อการมองเห็นเมื่อเกิด

อุบัติเหตุ กล่องดำติดตั้งอยู่ส่วนหลังของตัวเครื่อง เนื่องจากในกรณีที่เครื่องบินตก ห้องโดยสารและห้องนักบินจะทำหน้าที่เป็นฉนวนป้องกันกล่องดำ เนื่องจากแรงกระแทกขณะเครื่องบินตกนั้นรุนแรงมาก องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ จึงออกแบบการทดสอบความสมบุกสมบันของกล่องดำ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลการบินมีโอกาสรอดถึงมือเจ้าหน้าที่มากที่สุด ซึ่งกล่องดำจะต้องผ่านการทดสอบ จึงจะได้รับการอนุมัติให้นำไปใช้ได้

ข่าวล่าสุด

ผลบอล โยเคเรสซัดโทษ! อาร์เซน่อล1-0 เอฟเวอร์ตัน,ลิเวอร์พูล 2-1