พายุถล่มพิจิตรบ้านพังเกือบ 200 หลังคาเรือน
พิจิตร-พายุพัดถล่ม 2 อำเภอบ้านเรือนพังเสียหายเกือบ 200 หลังคาเรือน
พิจิตร-พายุพัดถล่ม 2 อำเภอบ้านเรือนพังเสียหายเกือบ 200 หลังคาเรือน
วันที่ 6 พ.ค. นายสุวิทย์ เดชครุฑ นายอำเภอสามง่าม จ.พิจิตร เปิดเผยว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและมีลมกรรโชกแรง ส่งผลให้บ้านเรือนและวัดรวมถึงสถานที่ราชการหลายแห่งได้รับความเสียหายจากลมพายุที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยช่วงเช้าได้ออกสำรวจความเสียหายพบว่าบ้านเรือนราษฎรในเขตหมู่ 4 ต.สามง่าม ซึ่งเป็นบ้านไม้ตลาดเก่าริมแม่น้ำยมและบริเวณหมู่ 6 บ้านรายชะโด บ้านเรือนได้รับความเสียหายเกือบ 100 หลังคาเรือน บ้านเรือนบางหลังลมพายุหอบเอาหลังคาและฝาบ้านปลิวไปไกลหลายสิบเมตรเสียหายกันถ้วนหน้า
นอกจากนี้ นายไชยา สมถวิล นายอำเภอวชิรบารมี ก็ได้รายงานว่าในเขต ต.หนองหลุม ต.วังโมกข์ ต.บ้านนา บ้านเรือนราษฎรก็ถูกลมพายุพัดพังมากถึง 82 หลังด้วยเช่นกัน โดย ที่ ตำบลหนองหลุม ม. 1จำนวน 4 หลังคาเรือน, ม.7 จำนวน10 หลังคาเรือน,ม.9 จำนวน 3 หลังคาเรือน , ม.10 จำนวน10 หลังคาเรือน ,ม.12 จำนวน 1 หลังคาเรือน ,ตำบลวังโมกข์ ม.6จำนวน10หลังคาเรือน ,ตำบลบ้านนา ม.1จำนวน 37 หลังคาเรือน ,ม.5 จำนวน 2หลังคาเรือน , ม.6จำนวน1หลังคาเรือน ,ม.9 จำนวน1หลังคาเรือน รวม 82 หลังคาเรือน
นางอารีย์ แสงศาสตร์ อยู่บ้านเลขที่ 129/2 หมู่ 4 ต.สามง่าม เล่าว่าก่อนเกิดลมพายุเห็นท้องฟ้าเป็นสีเหลืองที่ชาวบ้านเรียกว่า “อุกาฟ้าเหลือง” ต่อจากนั้นพอค่ำลงก็เริ่มมีฝนตกและลมพัดแรง ประกอบกับมีเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า จากนั้นเวลาประมาณ 20.00 น. ก็มีลมพัดแรงทำเอาหลังคาบ้านปลิว ตนเองอยู่ในบ้านกับลูกตกใจมากรีบวิ่งลงมาชั้นล่างห่วงชีวิตมากกว่าห่วงทรัพย์สิน เพราะกลัวฟ้าจะผ่าลงมาจึงวิ่งหลบมาที่ใต้ถุนบ้านผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง ฝนฟ้าเริ่มสงบลงจึงขึ้นไปดูบนบ้านก็พบว่าทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก ตอนนี้รอความหวังให้ทางราชการช่วยเหลือ
สำหรับบ้านของ นายประโยชน์ ติณะคัต ซึ่งอยู่บ้านเลขที่ 154 หมู่ 4 และอยู่ใกล้กับวัดสามง่าม เล่าว่า อายุเกือบ 70 ปีแล้วเพิ่งเคยเจอพายุที่พัดแรงสุดๆก็คราวนี้บ้านเรือนของตนเป็นบ้านไม้แบบโบราณใต้ถุนยกสูง ลมได้พัดถล่มเอาหลังคาปลิวลงมาทั้งแผงและร่วงมาใส่รถเก๋งที่จอดอยู่ข้างบ้าน ข้าวของเครื่องใช้เสียหายหลายรายการคาดว่ามูลค่าคงไม่น้อยกว่า 50,000 บาท ความหวังคือรอความช่วยเหลือจากทางราชการและอยากเร่งซ่อมบ้านให้เร็วที่สุดเพราะไม่มีที่พักพิง แต่ก็ทราบว่าในช่วงนี้ในเขตจังหวัดพิจิตรต่างก็โดนพายุพัดบ้านพังกันหลายร้อยหลังคาเรือน ช่างไม้ ช่างก่อสร้าง จึงหาได้ยากมาก ความหวังคือต้องรอกำลังทหารให้เข้ามาช่วยซ่อมแซมบ้านเรือนให้ เพราะลำพังจะรอแรงงานจากช่างไม้และช่างปูนในท้องถิ่นคงลำบากแน่นอน


