เปิดโครงการ 3.8 หมื่นล้าน แก้จราจร-สิ่งแวดล้อม ‘ปทุมธานี’
ในฐานะเมืองปริมณฑลที่รองรับการขยายตัวของเมืองหลวง ไม่เพียงแต่แหล่งที่อยู่อาศัย แต่ ปทุมธานี ยังเป็นแหล่งงาน
โดย...พงศ์พัทธ์ วงศ์ยะลา
ในฐานะเมืองปริมณฑลที่รองรับการขยายตัวของเมืองหลวง ไม่เพียงแต่แหล่งที่อยู่อาศัย แต่ ปทุมธานี ยังเป็นแหล่งงาน จากจำนวนโรงงานและนิคมอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้อุตสาหกรรมเป็นภาคเศรษฐกิจสำคัญที่ทำรายได้ให้กับ จ.ปทุมธานี
เมื่อเมืองขยายตัวอย่างรวดเร็ว ปัญหาสำคัญที่ตามมา คือ ปัญหาการจราจร การอพยพเข้ามาหางานทำ รวมทั้งปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม น้ำเสีย ขยะ ซึ่งผู้บริหารของ จ.ปทุมธานี กำลังเร่งหาทางแก้ไข เพื่อรองรับความเจริญที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
พงศธร สัจจชลพันธ์ ผวจ.ปทุมธานี กล่าวว่า ปัจจุบันมีรถยนต์ใช้เส้นทางสัญจรบนถนนพหลโยธิน ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ซึ่งเป็นเส้นทางหลักกว่า 2 แสนคัน/วัน และถนนสายรังสิต-นครนายก ทางหลวงหมายเลข 305 มีการใช้รถยนต์บนเส้นทางดังกล่าวกว่า 5 หมื่นคัน/วัน จ.ปทุมธานีและกรมทางหลวงแผ่นดินได้ออกแบบแก้ปัญหาการจราจรไว้ให้เป็นทางยกระดับทั้งหมดสำหรับ 2 เส้นทาง
ดังกล่าว และนอกจากนี้ยังมีโครงการทางแยกต่างระดับบางปะอิน ที่สามารถเชื่อมต่อกับกรมทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 (ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร) ด้านตะวันออกและด้านตะวันตก ทางหลวงสายพิเศษบางปะอิน-นครราชสีมา ทางหลวงพิเศษสายบางปะอิน-นครสวรรค์
“อนาคตตรงบริเวณต่างระดับบางปะอิน เขตติดต่อ จ.ปทุมธานี จะเป็นชุมทางจุดเชื่อมต่อของถนนวงแหวน จาก กทม.สู่จังหวัดต่างๆ ของภาคเหนือและอีสาน มีการขยายพื้นผิวจราจรจาก 4 ช่องจราจรเป็น 10 ช่องจราจร และมีสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา คือ สะพานปทุมธานี 3 บริเวณวัดสะแก อ.สามโคก เชื่อมต่อถนนสายปทุม-ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ทางหลวง 347 โครงการทางยกระดับบางพูน-คลองเจ็ด และขยายต่อทางยกระดับอุตราภิมุข ดอนเมืองโทลล์เวย์ จากหน้าโรงกษาปณ์-ต่างระดับบางปะอิน และรถไฟฟ้าสายสีแดงบางซื่อ-รังสิต ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเขียว จากหมอชิต-คูคต ผ่านตลาดใหม่ดอนเมือง คาดว่าจะแล้วเสร็จในเวลาใกล้เคียงกันกับสายสีแดง จนถึงขณะนี้โครงการทั้งหมดได้เกิดเป็นรูปธรรมแล้ว ด้วยงบประมาณแผ่นดินมูลค่ากว่า 3.83 หมื่นล้านบาท ถ้าโครงการแล้วเสร็จจะสามารถรองรับเรื่องการจราจรของ จ.ปทุมธานี ได้เป็นอย่างดี” ผวจ.ปทุมธานี เล่าถึงโครงการก่อสร้างระบบการคมนาคมเพื่อรองรับการขยายตัวของ จ.ปทุมธานี
ด้านการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มาพร้อมกับการขยายเมือง ชาญ พวงเพ็ชร์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี บอกว่า ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ที่จะแล้วเสร็จไม่เกินปี 2561 โครงการคอนโดมิเนียมหรูย่านคลองหนึ่งอีกกว่า 1 หมื่นยูนิต ปัญหาที่ตามมา คือ น้ำเสียกับขยะ ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญและต้องแก้อย่างเร่งด่วน เพราะโรงงานอุตสาหกรรม บ้านเรือน สถานประกอบการทั้งหลายที่อยู่ริมคลองไม่ว่าจะเป็นฝั่งตะวันตก หรือฝั่งตะวันออก เหล่านี้ล้วนทิ้งน้ำเสียลงคลองทั้งสิ้น ถึงจะบำบัดน้ำแล้วส่วนหนึ่งก็ตาม การบังคับใช้กฎหมายก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
“ผมมีโมเดลการกำจัดน้ำเสียอย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรม โดยการฝังท่อระบายน้ำแบบยางขนาดใหญ่ใต้ลำคลองเพื่อรองรับน้ำเสีย ซึ่งวิธีนี้แทบไม่มีผลกระทบต่อการจราจรและสิ่งแวดล้อมโดยรอบเลย เราจะวางท่อให้เป็นใยแมงมุมไว้ทุกเส้นทาง น้ำเสียจากทุกที่จะมาลงท่อยางขนาดใหญ่ที่เราเตรียมไว้ และไหลไปบังบ่อบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่หลายร้อยไร่ที่เราจัดไว้ มีเครื่องดึงน้ำเสียออกจากท่อมาลงบ่อบำบัดน้ำเสียทำการบำบัดก่อนที่จะปล่อยลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เราเริ่มจากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ เพราะมีประชาชนอาศัยอยู่มาก น้ำเสียดำตั้งแต่คลองสามถึงคลองหนึ่ง ในนิคมอุตสาหกรรมนวนครก็ทำแบบเดียวกันนี้ ถ้าน้ำเสียทั้งหมดลงท่อระบายน้ำแบบใยแมงมุมขนาดใหญ่นี้ ปัญหาน้ำเสียในลำคลองจะหมดสิ้นไป แต่การบังคับใช้กฎหมายต้องจริงจัง ไม่มีการอนุโลมหรือผ่อนผัน”
นายกฯ ชาญ ยกตัวอย่างระบบการประปาในพื้นที่โคกตาเขียว วัดสองพี่น้อง อ.สามโคก ซึ่งวางท่อน้ำแบบท่อยางแบบเดียวกันนี้ผ่านใต้ดินนาข้าว ผ่านคลอง ผ่านถนน ไปยังนิคมอุตสาหกรรมนวนคร เพื่อให้นิคมอุตสาหกรรมนวนครใช้น้ำดิบ ขณะที่ชาวบ้าน ชาวนา ก็ยังทำนาได้ตามปกติ ซึ่งขณะนี้ยังพอทำได้เนื่องจากยังมีพื้นที่ว่างขนาดใหญ่สำหรับทำบ่อบำบัดขนาดใหญ่ เพื่อให้สิ่งแวดล้อม แม่น้ำลำคลองต่างๆ กลับมาใสเหมือนในอดีต ต่อไปน้ำในคลองก็จะกลับมาใสสะอาด ธรรมชาติต่างๆ จะกลับมาเหมือนในอดีต


