ระลึกถึงพระองค์หญิงวิภาวดี
เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2520 เป็นเวลา 37 กว่าปีมาแล้วที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
โดย...วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย
เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2520 เป็นเวลา 37 กว่าปีมาแล้วที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าต้องสูญเสียเจ้านายพระองค์หนึ่ง ซึ่งเสียสละพระชนม์ชีพรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท เพื่อช่วยเหลือบำบัดทุกข์บำรงสุขแก่ราษฎรโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากจนตัวตาย เจ้านายพระองค์นั้นคือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต มีพระนามเดิมเมื่อแรกประสูติคือ ม.จ.วิภาวดี รัชนี เป็นพระธิดาในพระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ประสูติแต่ ม.จ.
พรพิมลพรรณ รัชนี (พระนามเดิม ม.จ.พิมลพรรณ วรวรรณ) ประสูติเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2463 ทรงมีพระอนุชาร่วมบิดามารดาเดียวกันคือ ม.จ.ภีศเดช รัชนี ทรงได้รับการศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนผดุงดรุณี แล้วไปเข้าเรียนที่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยได้ไม่ถึงปีก็เสด็จไปศึกษาต่อที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และทรงศึกษาหลักสูตรพิเศษเพิ่มเติมอีก 3 ปี โดยพระองค์หญิงทรงสำเร็จการศึกษาเมื่อปี 2485 และเสกสมรสกับ ม.จ.ปิยะรังสิต รังสิต พระโอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2489 ทรงเป็นคู่บ่าวสาวเพียงคู่เดียวที่ได้รับพระราชทานสมรสจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
ภายหลังที่พระองค์หญิงทรงสำเร็จการศึกษาแล้ว ได้ทรงรับใช้พระบิดาอย่างใกล้ชิด ซึ่งกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์เป็นที่รู้จักกันดีในวงการหนังสือในนามปากกา “น.ม.ส.” ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็น “กวีเอก” ผู้หนึ่งของกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพระองค์หญิงทรงมีพระปรีชาสามารถทางอักษรศาสตร์เช่นเดียวกับพระบิดา ทรงเขียนเรื่องสำหรับเด็กเมื่อชันษาเพียง 14 ปี โดยใช้นามปากกาว่า “ว.ณ ประมวญมารค” เรื่องที่ทรงแต่งเป็นนวนิยายอมตะ เป็นที่นิยมของผู้อ่านอย่างมาก อาทิ เรื่องปริศนา รัตนาวดี เจ้าสาวของอานนท์ นิกกับพิม ฯลฯ ภายหลังได้ทรงประพันธ์หนังสืออีกหลายเรื่อง ทั้งนวนิยาย เรื่องสั้น บทละคร และนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ ทุกเรื่องล้วนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
พระองค์เจ้าหญิงวิภาวดีทรงเข้ารับราชการสนองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในภาคต่างๆ ทั่ว
พระราชอาณาจักร ตั้งแต่ปี 2500
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์หญิงรับราชการสนองพระเดชพระคุณอย่างใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลาทั้งในประเทศและเมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปยังต่างประเทศ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์หญิงทรงเป็นนางสนองพระโอษฐ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการถึง 23 ประเทศ
สำหรับในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2510 พระองค์หญิงได้ทรงปฏิบัติภารกิจในฐานะผู้แทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงนำสิ่งของพระราชทานไปเยี่ยมบำรุงขวัญเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ข้าราชการ และเสด็จแทนพระองค์ไปเยี่ยมเยียนประชาชนในท้องถิ่นทุรกันดารทางภาคใต้อย่างต่อเนื่อง ทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์ เพราะตั้งพระทัยที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ทรงมีพระทัย
กล้าหาญเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก แม้ในเขตที่มีผู้ก่อการร้ายปฏิบัติการรุนแรง ก็ยังทรงอุตสาหะเสด็จไปเยี่ยมเยียนบำรุงขวัญเจ้าหน้าที่อย่างทั่วถึง
ในระยะ 10 ปีสุดท้ายของพระชนม์ชีพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์หญิงปฏิบัติภารกิจแทนพระองค์ในด้านการพัฒนาพื้นที่ทุรกันดารภาคใต้ ทรงนำหน่วยพระราชทานไปช่วยเหลือประชาชนในท้องที่ที่ไกลและทุรกันดารที่สุดโดยมิได้ทรงย่อท้อต่อความยากลำบากในการเดินทางหรือที่พักแรม เมื่อพระองค์หญิงเสด็จที่ใดก็ได้นำความไปกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และต่อมาความเจริญก็ค่อยๆ ไปถึงที่นั้น
พระองค์หญิงทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์เพื่อที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นด้วยการเสด็จเยี่ยมเยียนพาแพทย์ไปรักษาพยาบาลคนที่เจ็บป่วย จัดสิ่งของหยูกยาไปช่วยชาวบ้านที่ยากไร้หรือประสบภัย แจกอุปกรณ์การศึกษาแก่เด็กนักเรียน แนะนำการงานอาชีพและส่งเสริมศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทั้งยังคงนำสิ่งของพระราชทานไปเยี่ยมบำรุงขวัญเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร พลเรือน สมาชิกกองอาสาสมัครรักษาดินแดนแม้ในเขตที่มีผู้ก่อการร้ายปฏิบัติการอย่างรุนแรง ก็ยังทรงพระอุตสาหะเสด็จไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ถึงแนวหน้า
จนกระทั่งวันที่ 16 ก.พ. 2520 ระหว่างทางเสด็จโดยเฮลิคอปเตอร์เพื่อนำสิ่งของพระราชทานไปเยี่ยมบำรุงขวัญเจ้าหน้าที่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ทรงทราบจากวิทยุว่ามีตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ได้รับบาดเจ็บจากกับระเบิด 2 นาย ด้วยความที่ทรงห่วงใยผู้บาดเจ็บ จึงรับสั่งให้นักบินเฮลิคอปเตอร์ร่อนลงเพื่อรับ ตชด. 2 นายนั้นไปส่งโรงพยาบาล แต่ขณะนักบินนำเครื่องร่อนลงต่ำผู้ก่อการร้ายได้ระดมยิงเฮลิคอปเตอร์กระสุนทะลุเข้ามาถูกพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ทรงได้รับบาดเจ็บสาหัส นักบินจึงต้องนำเครื่องเฮลิคอปเตอร์ลงฉุกเฉิน
แม้ในวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า พระองค์หญิงยังทรงห่วงใย ตชด.ผู้บาดเจ็บ โดยรับสั่งถามว่า “ตชด.เป็นอย่างไรบ้าง เอาออกมาได้หรือยัง ให้รีบไปส่งโรงพยาบาล อย่าให้พวกมันรู้ว่าฉันถูกยิง มันจะเหิมเกริม” สักครู่รับสั่งต่อไปว่า “ฉันไม่เป็นไรแล้ว ตชด.มาหรือยัง ให้รีบไปส่งโรงพยาบาลด่วน” โดยยังทรงมีพระสติสัมปชัญญะสมบูรณ์และทรงเป็นห่วง ตชด.ผู้บาดเจ็บตลอดเวลา
ต่อมาพระองค์หญิงได้รับสั่งกับหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ และหลวงปู่ครูบาธรรมชัย ผู้ร่วมเดินทางไปในวันนั้นว่า “ร้อน หิวน้ำ ขอกินน้ำหน่อย หลวงพ่อ หลวงปู่ ช่วยนิพพาน ไม่เกิดแล้ว” หลวงพ่อบอกว่า “การที่จะไปนิพพานนะดี แต่ท่านหญิงยังมีประโยชน์ต่อประเทศชาติมาก” จึงรับสั่งต่อว่า “ให้กราบบังคมทูลลาพระเจ้าอยู่หัว ท่านชาย ท่านแม่” พระองค์หญิงทรงย้ำอยู่ 2 ครั้ง และครั้งสุดท้ายรับสั่งว่า “สว่างแล้ว เห็นนิพพานแล้ว” และก็นิ่งไป
ม.จ.วิภาวดี รังสิต ทรงสิ้นชีพิตักษัยที่ ต.ส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพวงมาลาหน้าโกศพระศพประดับไฟด้วยคำไว้อาลัยจากบทพระราชนิพนธ์ความฝันอันสูงสุดว่า “จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา” แล้วจึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา ม.จ.วิภาวดี รังสิต เป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต และพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาจักรีบรมราชวงศ์และประถมาภรณ์ช้างเผือก เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2520 และได้มีการจัดงาน “วันวิภาวดี” เพื่อถวายสดุดีและรัฐบาลในขณะนั้นได้นำพระนาม “วิภาวดีรังสิต” มาใช้เป็นชื่อถนนซูเปอร์ไฮเวย์
นอกจากนี้ ม.จ.ปิยะรังสิต รังสิต พระสวามียังได้ก่อตั้งมูลนิธิวิภาวดีรังสิตขึ้นเพื่อสืบทอดงานของพระองค์หญิงในด้านการพัฒนา และช่วยเหลือประชาชนผู้ขาดแคลนในท้องถิ่นทุรกันดารทางภาคใต้ ปัจจุบัน ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต เป็นประธานกรรมการมูลนิธิ
พระองค์หญิงวิภาวดี ทรงเป็นที่รักยิ่งของชาวอำเภอพระแสง จ.สุราษฎร์ธานี เนื่องด้วยพระองค์เป็นผู้นำความเจริญต่างๆ ไปสู่พื้นที่จนทรงได้รับฉายาจากราษฎรว่า เจ้าแม่พระแสง และพระองค์ยังได้ประทานชื่อตำบลๆ หนึ่งใน อ.พระแสง ว่า ต.บางสวรรค์ ซึ่งก็ได้เรียกขานกันจนทุกวันนี้
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2526 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานนามค่ายให้แก่หน่วยทหารทั้งสามหน่วยที่มีที่ตั้งอยู่ที่บริเวณสนามบินดอนนก ประกอบด้วย จังหวัดทหารบกชุมพร ส่วนแยกสุราษฎร์ธานี, กรมทหารราบที่ 25 และกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 25 ว่า “ค่ายวิภาวดีรังสิต” เพื่อเป็นเกียรติและอนุสรณ์แด่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ที่ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ในพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี จนเป็นเหตุให้พระองค์ได้รับอันตรายถึงสิ้นชีพิตักษัย
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ทรงมีธิดา 2 คน คือ
1.ม.ร.ว.วิภานันท์ รังสิต สมรสกับ สวนิต คงสิริ และสมรสอีกครั้งกับ วิลเลียม บี. บูธ มีบุตร-ธิดาจากการสมรสครั้งแรกสองคน และครั้งที่สองมีธิดาหนึ่งคน
2.ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต สมรสและหย่ากับ มหาราช จกัต สิงห์ พระอนุชาของมหาราชาองค์ปัจจุบันแห่งเมืองชัยปุระ รัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย ปัจจุบันสมรสกับ ปานศักดิ์ รังสิพราหมณกุล มีบุตร-ธิดาจากการสมรสครั้งแรกสองคน
ปัจจุบันหากใครมีโอกาสได้สัญจรผ่านไป-มา โดยใช้เส้นทางถนนวิภาวดีรังสิต ขอจงร่วมกันรำลึกถึงคุณงามความดีของพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ที่ทรงพลีชีพเพื่อชาติและเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนซึ่งจะประทับอยู่ในใจของคนไทยทุกคนตลอดไป


