ทุนไทยผงาด ซื้อทีมฟุตบอลอังกฤษ
เป็นที่ฮือฮากันทั้งเมือง เมื่อ เดชพล จันศิริ นักธุรกิจชาวไทยโดดซื้อทีมเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์
เป็นที่ฮือฮากันทั้งเมือง เมื่อ เดชพล จันศิริ นักธุรกิจชาวไทยโดดซื้อทีมเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ สโมสรฟุตบอลชื่อดังในลีกแชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ได้สำเร็จ ด้วยตัวเลข 30 ล้านปอนด์ หรือราว 1,500 ล้านบาท โดยเดชพลจะถือหุ้นทีมนกเค้าแมว 100% และเข้าสานงานต่อจาก มิลาน มันดาริช ประธานสโมสรคนเก่าทันที
เท่ากับว่า เวลานี้วงการฟุตบอลเมืองผู้ดีมีนักธุรกิจไทยเป็นเจ้าของทีมฟุตบอล 3 สโมสร ได้แก่ เลสเตอร์ ซิตี้ในศึกพรีเมียร์ลีก ที่มี วิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของ “คิง เพาเวอร์” เป็นประธาน
รายต่อมา คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ เจ้าแม่อสังหาริมทรัพย์และราชาที่ดินในเมืองหลวง และสัมฤทธิ์ ธนะกาญจนสุทธิ์ เจ้าของทีมฟุตบอลเพื่อนตำรวจ ผนึกกำลังเข้าซื้อทีมเรดดิ้ง จากลีกแชมเปี้ยนชิพ เมื่อเดือน ก.ย. 2557
ถ้านับสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยซื้อทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อันลือลั่น เดชพลจะเป็นรายที่ 4 ที่เข้าไปซื้อสโมสรฟุตบอลในอังกฤษ
เดชพล อาจจะไม่เป็นที่รู้จักกว้างขวาง แต่ในแวดวงธุรกิจแล้ว เขาคือทายาทของเจ้าสัว “ไกรสร จันศิริ” ประธานกรรมการ บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ (TUF) บริษัทผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งและบรรจุกระป๋องอันดับใหญ่ของโลก มีบริษัทในเครือร่วม 24 แห่งทั่วโลก เป็นน้องชาย เสี่ยช้าง-ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร TUF ที่มียอดขายปีละ 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ปัจจุบันเดชพลถือหุ้นใน TUF แค่ 5% แต่มีสิทธิประโยชน์การถือหุ้นผ่านกงสี เขามีธุรกิจส่วนตัว เจมิไนย แอนด์ แอสโซซิเอท ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง
คำถามคือ การซื้อทีมฟุตบอลคุ้มหรือไม่?
หากใจไม่รักจริง การบริหารทีมฟุตบอลถือเป็นธุรกิจปราบเซียนลำดับต้นๆ นักธุรกิจจอมแสวงกำไรหลายคนจอดป้ายเจ๊งบ๊งมาแล้ว ไม่ว่า ทอม ฮิกส์ และ จอร์จ ยิลเลตต์ เจ้าของมีดโกนหนวดชื่อดัง เคยกู้ รอยัล แบงก์ ในสกอตแลนด์มาซื้อทีมลิเวอร์พูล เมื่อ 9 ปีก่อน เพื่อหวังโกยทรัพย์ แต่ทำไปทำมาขาดทุนยับ 144 ล้านปอนด์ ราว 7,200 ล้านบาท จนถูกฟ้องให้ขายทีม โชคดีศาลให้ยืดเวลาใช้หนี้ได้จึงเร่งปล่อยทีมทัน ไม่เช่นนั้นมีหวังสะอึก
ขณะที่ โรมัน อับราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ที่เข้าเทกโอเวอร์เชลซีมากว่า 10 ปี แต่ผลประกอบการล่าสุดยังขาดทุน 49.4 ล้านปอนด์ (ราว 2,500 ล้านบาท) ทั้งที่ทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” คว้ามาแล้วทุกแชมป์ทั้งในอังกฤษและยุโรป
นั่นแปลว่า ความสำเร็จไม่ได้การันตีผลกำไรในการลงทุน
สิ่งที่เหล่าเศรษฐีเข้ามายุ่งเกี่ยวกับวงการฟุตบอล อาจไม่ใช่เม็ดเงินหมุนเวียนในสโมสร แต่หากเป็นคอนเนกชั่นหรือโอกาสบางอย่าง เช่น กลายเป็นเซเลบ คนดังชั่วข้ามคืน เพราะในอังกฤษ ถ้าคุณเป็นเจ้าของสโมสร สื่อทุกสำนักจะตามติดทุกฝีก้าว
ชื่อเสียงเหล่านั้นสามารถนำไปต่อยอดกับธุรกิจพวกเขาได้ทวีคูณ จนตัวเลขขาดทุนโลกฟุตบอลกลายเป็นเรื่องจิ๊บๆ
อีกหนึ่งวิธีการหารายได้จากสโมสรลูกหนัง คือ การเก็งกำไร “ต็อบ” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา รองประธานสโมสรเลสเตอร์ เคยให้สัมภาษณ์กับโพสต์ทูเดย์ว่า การเลื่อนชั้นขึ้นพรีเมียร์ลีก จะทำให้ทีมมีมูลค่าเพิ่มขึ้นร่วม 5 เท่าตัว ดังนั้นการซื้อทีมจากลีกแชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ เพื่อลุ้นขยับสู่ลีกสูงสุดจึงเป็นที่นิยม
รายได้ที่ก้าวกระโดดและการเป็นคนดังของโลก จึงเป็นที่หมายปองของเศรษฐีทั่วโลก


