posttoday

ออกหมายจับ"นพพร"ตั้งชุดสืบสวนออกติดตาม

02 ธันวาคม 2557

ศาลทหารอนุมัติหมายจับ "นพพร" นักธุรกิจหมื่นล้านพันคดีอุ้มลดหนี้ ตร.จัด 3 ชุดสืบสวนออกติดตาม ประสานตม.จับตาชายแดน

ศาลทหารอนุมัติหมายจับ "นพพร" นักธุรกิจหมื่นล้านพันคดีอุ้มลดหนี้ ตร.จัด 3 ชุดสืบสวนออกติดตาม ประสานตม.จับตาชายแดน

จากกรณีที่พนักงานสอบสวนสน.วัดพระยาไกร ได้ขออนุมัติศาลทหารออกหมายจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมคือนายนพพร ศุภพิพัฒน์ อายุ 43 ปี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง บริษัทผลิตไฟฟ้าพลัง หมายจับที่ 138/2557 และขออายัดตัวผู้ต้องหาก่อเหตุคดีบังคับทวงหนี้คือนายสุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์ อายุ 41 ปี ข้อกล่าวหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ร่วมกันทำร้ายผู้อื่น ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใด หรือยอมจำนนต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกขมขืนใจนั้นเอง หรือผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือยอมจำนนต่อสิ่งนั้นโดยมีอาวุธ โดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่ 5 คน ร่วมกับผู้ต้องหา 8 ราย ที่ถูกออกหมายจับทั้งหมดไปตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุดวันที่ 2 ธ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยว่า เบื้องศาลทหารอนุมัติหมายจับนายนพพรแล้ว อยู่ระหว่างติดตามตัว โดยตั้งชุดสืบสวน 3 ชุดเร่งติดตามตัว ส่วนจะอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ อยู่ระหว่างติดตาม ซึ่งในข้อมูลนั้น ยังอยู่ในประเทศ ซึ่งพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอดีตผบช.ก.และข้อหาม.112 อย่างไรนั้น เป็นเรื่องในสำนวน แต่ยืนยันว่า ต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน ไม่เช่นศาลไม่ยินยอมที่จะอนุมัติหมายจับกุมให้ ซึ่งนายนพพรทำหน้าที่เป็นผู้ใช้จ้างวาน

พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวอีกว่า ส่วนการขออนุมัติหมายจับเพิ่มเติมคดีในพื้นที่สน.พระโขนงนั้น ยังอยู่ระหว่างดำเนินการขออนุมัติศาลออกหมายจับ ซึ่งบุคคลที่จะถูกออหมายจับอีก 1 คน คือผู้ใช้จ้างวานเหมือนกัน แต่เป็นคนละคนกับผู้ต้องหาในคดีที่ทั้ง 2 พื้นที่ สน.พระโขนงและสน.วัดพระยาไกร แต่หากจากการสอบสวนพบว่า มีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกันตั้งแต่ต้นจะต้องถูกแจ้งข้อหาเดียวกับผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม คาดว่า ใกล้สิ้นแล้วและจะสามารถสรุปสำนวนส่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้ เพราะสำนวนทั้ง 2 สำนวนของบก.น.5 เป็นการดำเนินการตามคำสั่งภายใต้การควบคุมบช.น. อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาตามการสั่งคดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) รวมถึงสำนวนของอดีตผบช.ก.ด้วย เป็นอำนาจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ด้วย ภายในวันที่ 31 ธ.ค.นี้อย่างแน่นอน

ด้านพล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 กล่าวว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสน.วัดพระยาไกร ได้ขออนุมัติศาลทหารออกหมายจับกุมนายนพพร โดยแจ้งข้อหาเพิ่มเป็นผู้จ้างวานใช้ และอายัดตัวผู้ต้องหาที่สน.พระโขนง คุมตัวฝากขังไปก่อนนี้คือนายสุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์ อายุ 41 ปี ไม่ใช่นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา ตาม 4 ข้อหาเดิม ที่ได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด 8 คน ที่ได้ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ โดยนายสิทธิศักดิ์ เป็นผู้เกี่ยวข้องในส่วนเหตุการณ์วันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่อยู่ร่วมกับผู้ต้องหาคนอื่นๆ ในร้านอาหารย่านพุทธมณฑลสาย 3 ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อนายนพพรได้ แต่ให้ชุดสืบสวนบก.น.5 เร่งติดตามจับกุม คาดว่า น่าจะยังไม่หลบหนีออกนอกประเทศ โดยประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไว้แจ้งอายัดตัวตามหมายจับไว้ตามด้านชายแดนไทยแล้ว 

พล.ต.ต.ชวลิต กล่าวอีกว่า ส่วนขั้นตอนการส่งตัวดำเนินคดีผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้นั้น ทางพนักงานสอบสวนสน.วัดพระยาไกร ได้ควบคุมตัวนายวิทยา เทศขุนทศ ผู้ต้องหาที่เข้ามอบตัวไปฝากขังที่ศาลทหารแล้ว ส่วนสิบเอกณธกร ยาศรี อายุ 29 ปี และ สิบเอกธีรพงศ์ ช่อจำปี อายุ 28 ปี ทางพนักงานสอบสวนได้ทำการแจ้งข้อหาและสอบปากคำทหารทั้ง 2 นายแล้ว โดยนายทหารพระธรรมนูญได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไปฝากขังที่ศาลทหารแล้วเช่นกัน จากนั้นก็จะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

“ส่วนของการสรุปสำนวนคดีที่เกี่ยวข้องกับความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูงนั้น พนักงานสอบสวนระดับสน.จะมีการดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบตามกรอบเวลาก่อนเสนอหัวหน้าพนังงานสอบสวนระดับกองบัญชาการตรวจสอบความถูกต้องรายละเอียดของการรวบรวมพยานหลักฐาน ในรูปของคณะกรรมการ เพื่อส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีคณะกรรมการที่ตรวจสอบพิจารณาหลักฐานก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาล” ผบก.น.5 กล่าว

ขณะที่มีรายงานข่าวแจ้งว่า กรณีผู้ต้องหาที่พนักงานสอบสวนสน.พระโขนง จะขออนุมติออกหมายจับเพิ่มเติมนั้น เป็นผู้ที่ถูกสัดทอดว่า เป็นผู้จ้างวานและเป็นผู้แนะนำให้รู้จักกลุ่มผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ คาดว่าจะออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 2 ราย ในเหตุการณ์การติดตามทวงหนี้ ซึ่งจากการสอบปากคำในกลุ่มของผู้ต้องหาก่อเหตุทวงหนี้และบังคับลดหนี้ทั้งหมดนั้น ยังการรับงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกคือ ทำหน้าที่รับผิดชอบเป็นนายหน้าในการรับเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้กับสถานบริการหลายแห่งดูแลเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยและการเปิดสถานบริการเกินเวลา แต่ไม่มีข้อมูลว่าสถานบริการแห่งใดเกี่ยวข้องบ้าง เนื่องจากเจ้าของกิจการไม่มีใครออกมายอมรับ เพราะเกรงกลัวว่าอาจจะถูกดำเนินคดีและทำให้ชื่อเสียงเสียหาย รวมถึงรับเป็นนายหน้าเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเปิดแผงขายซีดีเถื่อนหลายร้านย่านคลองถม โดยมีบางรายจ่ายเงินให้ถึงเดือนละประมาณ 100,000 บาท เพื่อให้สามารถขายซีดีเถื่อนได้ด้วย 

อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนสน.วัดพระยาไกร ได้ทำการสอบปากคำนายทหารยศสิบเอก 2 นาย ที่มณฑลทหารบกที่ 11 แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ช่วงกลางดึกของวันที่ 1 ธ.ค.แล้ว ก่อนที่นายทหารพระธรรมนูญจะควบคุมตัวไปฝากขังที่ศาลทหาร

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันจันทร์ที่ 15 ธ.ค. 68