ทางเลือก-ทางออกที่เหลืออยู่ในเวลานี้
ทางออกมี 4 ทางเลือกซึ่งสองในนั้นเสนอเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปจากที่กำหนด 20 ก.ค.เพื่อให้มีระยะเวลาเพียงพอในการปรับตัว
โดย...ดร.บัณฑูร เศรษฐซิโรตม์ ผู้อำนวยการ สถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม (GSEI)
ตอนนี้มีคนจำนวนมากที่มีความรู้สึกในแบบใดแบบหนึ่งต่อสถานการณ์วิกฤตความขัดแย้งทางการเมืองและสังคม กล่าวคือ (หนึ่ง) อะไรก็ได้ขอให้จบเสียทีเถอะ (สอง) ไม่อยากสนใจต่อไปแล้ว เครียด เลิกติดตาม เลิกยุ่ง ความรู้สึกและอารมณ์ทั้งสองแบบสะท้อนถึงสถานการณ์ความตึงเครียด ความรู้สึกสิ้นหวังไร้ทางออกของบ้านเมือง หากเราปล่อยให้|สถานการณ์เดินต่อไปในทิศทางนี้ โดยไม่ช่วยคิด ช่วยทำ ช่วยกันหาทางออกจากวิกฤตความขัดแย้งนี้อย่างสันติ วันหนึ่งในอนาคตเราต้องมานึกเสียใจว่า ถ้าวันนั้นเราช่วยกันทำอะไรกันบ้าง บ้านเมืองคงดีกว่านี้
ทางเลือก-ทางออกที่เหลืออยู่มีอะไรบ้าง แต่ละทางเลือกมีต้นทุนที่สังคมต้องแบกรับร่วมกัน มีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง และมีเรื่องที่เป็นโจทย์การบ้านหลักๆ ในแต่ละทางเลือกอย่างไรบ้าง
ทางเลือกที่ 1 : ความขัดแย้งถึงทางตัน คู่ขัดแย้งไม่ยอมถอยจากจุดยืน ข้อเรียกร้อง ไม่ยอมเดินหน้ามาเจอกัน ทำให้สถานการณ์สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะของมวลชนทั้งสองฝ่าย และถูกซ้ำเติมโดยมือที่สาม บีบบังคับให้ทหารต้องออกมายืนแถวหน้า ทางเลือกแบบนี้ไม่ใช่ทางออกอย่างแน่นอน
ทางเลือกที่ 2 : มีการเลือกตั้งตามกำหนดที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้หารือกับทางรัฐบาลไว้ก่อนหน้านี้ คือ วันที่ 20 ก.ค. 2557 ซึ่งจะถูกคัดค้านจากทาง กปปส.อย่างหนัก มีโอกาสและความเสี่ยงที่จะเกิดความวุ่นวาย การปะทะระหว่างมวลชนทั้งสองฝ่าย
ทางเลือกนี้มีข้อดีในแง่จะมีการจัดการเลือกตั้งภายในระยะเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตาม มีความไม่แน่นอนสูงว่าหลังการเลือกตั้งจะมีความสงบหรือไม่ จะมีการจัดตั้งรัฐบาลได้ หรือจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2557 และการปฏิรูปจะสามารถเดินหน้าต่อและมีผลสำเร็จได้หรือไม่
ทางเลือกที่ 3 : ขยับวันเลือกตั้งออกไป กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ในช่วงเวลาประมาณ 4-5 เดือนนับจากนี้ (ช่วง ก.ค.-ส.ค.) เพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการจัดกระบวนการออกเสียงประชามติในบางเรื่องที่ไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้ระหว่างคู่ขัดแย้งทางการเมือง (ตามกฎหมายการออกเสียงประชามติ ต้องมีการประกาศล่วงหน้าก่อนวันออกเสียงประชามติ อย่างน้อย 90 วัน) ให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยได้ร่วมออกเสียงตัดสินใจโดยการใช้อำนาจอธิปไตยทางตรงของตนเอง จากข้อถกเถียงเรื่องการปฏิรูปที่เกิดขึ้นผ่านมา หัวข้อหรือประเด็นที่อาจต้องให้มีการออกเสียงประชามติ เช่น เรื่องรูปแบบองค์กรหรือกลไกเพื่อดำเนินการปฏิรูป เป็นต้น
นอกจากนี้ ในระหว่างก่อนถึงวันเลือกตั้ง จะมีระยะเวลาพอสมควรต่อการดำเนินการในหลายเรื่องเพื่อเกื้อหนุน เอื้ออำนวยให้เกิดการเลือกตั้งที่เที่ยงธรรมและยุติธรรม และการปฏิรูปในระยะต่อไป ตัวอย่างเช่น
การเจรจาและดำเนินการบางอย่างเพื่อช่วยคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของบ้านเมือง เช่น การทำให้ทุกพรรคการเมืองสามารถหาเสียงได้อย่างปลอดภัยในทุกพื้นที่ ทุกภูมิภาค การสร้างให้เกิดความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านให้กับทุกกลุ่มการเมือง หรือแม้แต่การปรับรูปแบบของรัฐบาลในช่วงก่อนการเลือกตั้ง เพื่อลดความขัดแย้งทางการเมือง ฯลฯ
การเจรจาออกแบบองค์กรหรือกลไกเพื่อดำเนินการปฏิรูป ซึ่งจะดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องหลังการเลือกตั้ง ซึ่งหากไม่สามารถหาข้อสรุปยุติร่วมกันของทุกฝ่ายได้ ก็จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามที่กล่าวข้างต้น
การปฏิรูปการบริหารจัดการเลือกตั้ง โดยการแก้ไข ปรับปรุง หรือออกกฎระเบียบใหม่ของ กกต. ที่จะมีผลต่อการทำให้การเลือกตั้งได้ผลเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายมากขึ้น
สำหรับทางเลือกนี้ มีข้อจำกัดในการปฏิรูปการจัดการเลือกตั้งอย่างเต็มที่ เนื่องจากไม่สามารถแก้ไขกฎหมายได้ อีกทั้งยังเป็นการเลือกตั้งภายใต้ระบบรัฐสภาแบบเดิม ดังนั้นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งในระยะอันใกล้ตามทางเลือกนี้ ควรเป็นรัฐบาลที่มีภารกิจหลักเพื่อการปฏิรูป ไม่ได้ถือครองอำนาจยาวแบบ 4 ปี (อาจมีระยะเวลา 1-2 ปี หรือตามที่จะเจรจาตกลงกัน) และมีการทำสัตยาบันร่วมกันของพรรคการเมือง หรือทำเป็นสัญญาประชาคมในรูปแบบใดแบบหนึ่ง รูปแบบรัฐบาลแบบไม่ได้ครองอำนาจยาวนี้ จะเป็นอีกทางหนึ่งที่มีส่วนช่วยลดความขัดแย้งทางการเมืองในขณะนี้
เมื่อมีข้อสรุปเรื่อง “การปฏิรูปการเมือง” เกี่ยวกับการเข้าสู่อำนาจทางการเมือง (การเลือกตั้ง) และการออกแบบสถาบันการเมืองใหม่ (ระบบรัฐสภา : จำนวน ที่มา อำนาจหน้าที่ ฯลฯ) ให้มีการยุบสภาและจัดการเลือกตั้งภายใต้ระบบและกติกาใหม่ที่เป็นผลสรุปจากการปฏิรูป
ทางเลือกที่ 3 นี้ ต้องจัดการเลือกตั้ง 2 ครั้ง แต่สามารถจัดการเลือกตั้งครั้งแรกได้ในระยะเวลาไม่นาน และสามารถทำให้การปฏิรูปและการเลือกตั้งเกิดควบคู่กันไปได้
ทางเลือกที่ 4 : เลื่อนวันเลือกตั้งออกไประยะหนึ่ง มีระยะช่วงเวลามากกว่าทางเลือกที่ 3 โดยให้มีระยะเวลาเพียงพอต่อการจัดกระบวนการปฏิรูปในบางเรื่องให้เกิดความก้าวหน้า ส่วนระยะเวลาจะเป็นเท่าใดขึ้นอยู่กับการเจรจาร่วมกันระหว่างคู่ขัดแย้งและองค์กรที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางออกให้บ้านเมือง (แต่ไม่ควรเกิน 1 ปี เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบด้านเศรษฐกิจจนเกิดความเสียหายรุนแรง)
เรื่องเร่งด่วนที่ควรทำการปฏิรูปในระยะ 1 ปี ได้แก่ การปฏิรูปการเมืองโดยเฉพาะในด้านการเข้าสู่อำนาจทางการเมือง (การเลือกตั้ง) การออกแบบสถาบันการเมืองใหม่ (รัฐสภา พรรคการเมือง) และการกำกับควบคุมการใช้อำนาจทางการเมือง การปฏิรูปในเรื่องดังกล่าวจะช่วยทำให้รัฐบาลที่เกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับมากขึ้นด้วย
ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ต้องมีการปรับรูปแบบรัฐบาลรักษาการเช่นกันเพื่อลดความขัดแย้งทางการเมือง เมื่อดำเนินการปฏิรูปในเรื่องเร่งด่วนตามที่กล่าวข้างต้นจนได้ข้อสรุปยุติ หรือมีความก้าวหน้าในระดับที่ได้ตั้งเป้าหมายกำหนดร่วมกันแล้ว จึงจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามผลสรุปการปฏิรูป
ทางเลือกที่ 4 นี้ จัดการเลือกตั้งครั้งเดียว แต่ต้องสร้างความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานปฏิรูปในช่วงไม่เกิน 1 ปีก่อนการเลือกตั้ง เนื่องจากในขณะนี้เราไม่มีสภาผู้แทนราษฎร การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายจึงเป็นข้อจำกัดที่สำคัญ นอกจากนี้ ต้องสร้างหลักประกัน สร้างความเชื่อมั่นให้ได้ว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในระยะเวลาที่กำหนด ไม่มีการเบี่ยงเบนหรือล่าช้าออกไปจากเวลาที่ตกลงร่วมกัน
เราอาจมีทางเลือกทางออกแบบที่ 5 แบบที่ 6 ก็ได้ การหาทางเลือก-ทางออกจากวิกฤตความขัดแย้งทางการเมืองและสังคมครั้งนี้ ไม่ใช่การฝากความหวังไว้ที่อัศวินขี่ม้าขาว บุคคลใด หรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่เป็นภาระ เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของพวกเราทุกคน อย่างน้อยในอนาคต เราพอที่จะบอกกับลูกหลานโดยไม่เสียใจได้ว่า ในวันนั้นเราได้ร่วมทำอะไรบ้าง


