posttoday

การลุกจ้าบนดวงอาทิตย์

19 พฤษภาคม 2556

ปีนี้นักดาราศาสตร์คาดว่าจะเป็นปีที่ดวงอาทิตย์มีกัมมันตภาพสูงที่สุด ซึ่งเป็นไปตามวัฏจักรสุริยะที่มีคาบยาวนานเฉลี่ย 11 ปี สัปดาห์ที่แล้วได้เกิดการลุกจ้าในระดับเอ็กซ์บนดวงอาทิตย์ถึง 4 ครั้ง ภายใน 48 ชั่วโมง

ปีนี้นักดาราศาสตร์คาดว่าจะเป็นปีที่ดวงอาทิตย์มีกัมมันตภาพสูงที่สุด ซึ่งเป็นไปตามวัฏจักรสุริยะที่มีคาบยาวนานเฉลี่ย 11 ปี สัปดาห์ที่แล้วได้เกิดการลุกจ้าในระดับเอ็กซ์บนดวงอาทิตย์ถึง 4 ครั้ง ภายใน 48 ชั่วโมง โดยเกิดขึ้นบริเวณจุดมืดจุดหนึ่งบนผิวดวงอาทิตย์ แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อโลก คาดว่าปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาถึงต้นสัปดาห์นี้ จุดมืดดังกล่าวจะหันเข้าหาโลก หากมีการลุกจ้าระดับรุนแรงขึ้นอีก ก็อาจส่งผลกระทบได้

จุดมืดบนดวงอาทิตย์ (Sunspot) เป็นบริเวณที่เห็นเป็นจุดดำบนผิวดวงอาทิตย์เมื่อดูด้วยกล้องโทรทรรศน์ที่มีแผ่นกรองแสงช่วยลดความสว่าง หรือการฉายภาพดวงอาทิตย์ลงบนฉากรับภาพ บางคนอาจเรียกว่า “จุดดับ” แต่คณะผู้จัดทำพจนานุกรมศัพท์ดาราศาสตร์ของสมาคมดาราศาสตร์ไทย มีความเห็นว่าคำนี้อาจทำให้เข้าใจว่าบริเวณนั้นได้ดับไปแล้ว ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง จึงเปลี่ยนไปใช้คำว่า “จุดมืด” ตามลักษณะที่ปรากฏ เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด ซึ่งแท้จริงแล้วบริเวณดังกล่าวดูมืดคล้ำเนื่องจากมีอุณหภูมิต่ำกว่าพื้นผิวโดยรอบ

บ่อยครั้งที่เราจะพบว่าจุดมืดบนดวงอาทิตย์ไม่อยู่เป็นจุดเดียวโดดๆ แต่มีหลายจุดอยู่รวมกันเป็นกระจุก นักดาราศาสตร์มีระบบการเก็บข้อมูลจุดมืดบนดวงอาทิตย์โดยตั้งชื่อบริเวณนั้นเป็นตัวเลข ที่แพร่หลายในปัจจุบันเป็นการกำหนดโดยศูนย์พยากรณ์สภาพอวกาศ (Space Weather Prediction Center : SWPC) ซึ่งเป็นหน่วยงานขององค์การมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ หรือโนอา (National Oceanic and Atmospheric Administration : NOAA) สหรัฐอเมริกา ชื่อจุดมืดประกอบด้วยตัวเลข 4 หลัก เมื่อถึง 9999 แล้วจะเริ่มนับใหม่ที่หมายเลข 0000

บริเวณจุดมืดดวงอาทิตย์มีสนามแม่เหล็กความเข้มสูง กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กบริเวณใกล้จุดมืด ทำให้ดวงอาทิตย์ปลดปล่อยอนุภาคพลังงานสูงออกสู่อวกาศอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ได้แก่ การลุกจ้า (Flare) และการพ่นมวลคอโรนา หรือซีเอ็มอี (Coronal mass ejection : CME) ซึ่งอาจเรียกรวมๆ ว่าพายุสุริยะ

ความรุนแรงของการลุกจ้าแบ่งเป็นระดับต่างๆ ตามความเข้มของรังสีเอ็กซ์ที่ดาวเทียมตรวจวัดได้ ได้แก่ ระดับเอ (A) บี (B) ซี (C) เอ็ม (M) และเอ็กซ์ (X) เรียงตามลำดับจากน้อยไปหามาก ในแต่ละระดับยังแบ่งย่อยได้อีก ระบุเป็นตัวเลขตามหลังตัวอักษร โดยขนาดของความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นแบบลอการิทึม คล้ายการบอกความรุนแรงของแผ่นดินไหว

การลุกจ้าตั้งแต่ระดับซีลงมา ส่งผลน้อยมากหรือแทบไม่มีผลกระทบใดๆ การลุกจ้าระดับเอ็มอาจส่งผลกระทบเป็นเวลาสั้นๆ การลุกจ้าที่ต้องระวังมากที่สุด คือระดับเอ็กซ์ โดยเฉพาะเมื่ออนุภาคพลังงานสูงถูกปลดปล่อยออกมาในทิศทางเข้าหาโลก

ช่วงวันที่ 1315 พ.ค. 2557 ได้เกิดการลุกจ้ารุนแรงขึ้นจากจุดมืด 1748 โดยเกิดที่ระดับ X1.7 X2.8 X3.2 และ X1.2 การลุกจ้า 3 ครั้งแรก ไม่มีผลกระทบต่อโลก เนื่องจากพุ่งไปทางด้านข้างเมื่อมองจากโลก การลุกจ้าครั้งที่ 4 อาจส่งผลกระทบต่อโลกในวันที่ 17 พ.ค. (ขณะที่เขียนบทความนี้ อนุภาคจากการลุกจ้ายังเดินทางมาไม่ถึง)

การลุกจ้าหลายครั้งที่เกิดขึ้นที่จุดมืด 1748 และลักษณะของสนามแม่เหล็กบริเวณนั้น ทำให้นักดาราศาสตร์คาดว่าอาจเกิดการลุกจ้าขึ้นที่จุดมืดนี้อีก และการที่ดวงอาทิตย์มีการหมุนรอบตัวเอง นำพาจุดมืดดังกล่าวให้หันเข้าหาโลกในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วถึงต้นสัปดาห์นี้ ก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้โลกมีโอกาสได้รับผลกระทบจากการลุกจ้าที่อาจเกิดขึ้นได้อีก

ใครที่เคยดูภาพยนตร์เรื่อง Knowing อาจหวาดกลัวว่าโลกกำลังเผชิญมหันตภัยจากดวงอาทิตย์แบบที่เห็นในภาพยนตร์ แต่นักดาราศาสตร์ก็ย้ำว่าการลุกจ้าบนดวงอาทิตย์ไม่สามารถทำลายโลก หรือสิ่งมีชีวิตบนโลกได้ นั่นเป็นเพียงจินตนาการในภาพยนตร์ที่ผิดไปจากความเป็นจริง ทุกคนที่มีอายุมากกว่า 11 ปี ล้วนผ่านช่วงที่ดวงอาทิตย์มีกัมมันตภาพสูงสุดมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้ง การที่ดวงอาทิตย์กำลังจะผ่านจุดสูงสุดในปีนี้ ก็จะเป็นเหมือนครั้งที่ผ่านๆ มา แต่ใช่ว่าเราจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลย โดยเฉพาะผลกระทบทางอ้อมที่มีต่อระบบสื่อสารและนำทางด้วยดาวเทียม

อนุภาคพลังงานสูงที่มาจากดวงอาทิตย์อาจก่อปัญหากับระบบอิเล็กทรอนิกส์บนดาวเทียม การเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์อาจรบกวนการสื่อสารผ่านดาวเทียมและสัญญาณวิทยุ ระบบไฟฟ้าอาจขัดข้องได้จากการระเบิดของหม้อแปลง ปัจจุบันจึงมีการเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงบนดวงอาทิตย์ เพื่อที่จะสามารถเตือนผู้ที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการปิดหรือระงับการใช้งานระบบต่างๆ ได้ล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายอันเกิดจากผลกระทบทางอ้อมนี้

วัฏจักรสุริยะเริ่มนับมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1755 ปัจจุบันเรากำลังอยู่ในวัฏจักรที่ 24 ซึ่งดำเนินมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 คาดว่าดวงอาทิตย์จะมีกัมมันตภาพสูงสุดในราวปลายปี 2556 จากนั้นกัมมันตภาพโดยเฉลี่ยจะค่อยๆ ลดลงจนแทบไม่มีจุดมืดบนดวงอาทิตย์ ก่อนจะเริ่มวัฏจักรถัดไปในราวปี พ.ศ. 2562-2563

ปรากฏการณ์ท้องฟ้า (19–26 พ.ค.)

ดาวศุกร์กับดาวพฤหัสบดีอยู่ใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันตกในเวลาหัวค่ำ ช่วงแรกดาวศุกร์อยู่ต่ำกว่าดาวพฤหัสบดีและเห็นได้ยากกว่า กลางสัปดาห์เป็นช่วงที่ดาวพุธทำมุมห่างดวงอาทิตย์มากพอจะสังเกตได้เหนือขอบฟ้าทิศเดียวกัน หากท้องฟ้าเปิดจึงมีโอกาสเห็นดาวเคราะห์ทั้งสามอยู่สูงเหนือขอบฟ้าไม่มากนัก

ค่ำวันที่ 24-25 พ.ค. ดาวพุธกับดาวศุกร์จะอยู่ใกล้กันห่างกันเพียง 1.4 องศา จากนั้นในช่วงปลายสัปดาห์นี้ถึงต้นสัปดาห์หน้า ดาวพุธ ดาวศุกร์ และดาวพฤหัสบดี จะปรากฏอยู่ใกล้กันมากที่สุด แต่อาจสังเกตได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากอยู่ใกล้ขอบฟ้ามาก และตกลับขอบฟ้าไปก่อนที่ท้องฟ้าจะมืด ประกอบกับเป็นช่วงที่เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว มีโอกาสสูงที่เมฆจะเป็นอุปสรรค

ดาวเสาร์อยู่ในกลุ่มดาวหญิงสาว เริ่มเห็นได้ขณะอยู่บนท้องฟ้าทิศตะวันออกในเวลาหัวค่ำ ดาวเสาร์ผ่านจุดสูงสุดบนท้องฟ้าทิศใต้ที่มุมเงย 6070 องศา ในเวลา 4 ทุ่มครึ่ง แล้วตกลับขอบฟ้าราวตี 4 ครึ่ง

หลังจากดวงจันทร์สว่างครึ่งดวงในวันที่ 18 พ.ค. สัปดาห์นี้เข้าสู่ครึ่งหลังของข้างขึ้น ดวงจันทร์มีส่วนสว่างเพิ่มขึ้นทุกวัน ผ่านใกล้ดาวรวงข้าวในค่ำวันที่ 22 พ.ค. ที่ระยะ 2 องศา แล้วผ่านใกล้ดาวเสาร์ในวันที่ 23 พ.ค. ที่ระยะ 5 องศา จากนั้นสว่างเต็มดวงในวันที่ 25 พ.ค. เกิดจันทรุปราคาเงามัว ไม่เห็นในประเทศไทย เป็นคืนที่ดวงจันทร์อยู่ใกล้ดาวแอนทาเรส หรือดาวปาริชาตในกลุ่มดาวแมงป่องที่ระยะ 6 องศา

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด 'บิว ภูริพล' นำทัพ วิ่ง 4x100 ชาย ซีเกมส์2025 วันนี้ 15 ธ.ค.68