แค้นนี้ต้องชำระ (แบบไหน)
...อ.ตุ้ย วรธรรม
เคยได้ยินวลีหนึ่งที่คนมักพูดว่า
“บุญคุณต้องทดแทน...แค้นต้องชำระ” ซึ่งวลีนี้ในส่วนของ “บุญคุณ” นั้น คนไทยดูจะเข้าใจถูกว่า เรื่องบุญคุณ เป็นเรื่องที่จะต้องกระทำตอบแก่ผู้ที่มีคุณใครมีบุญคุณต่อเราอย่างไร แม้จะทำครั้งเดียว สองครั้ง หรือหลายครั้ง หรือตลอดชีวิต ก็ต้องหาทางตอบแทนคุณนั้นให้สมกับที่เขาทำคุณให้
พ่อแม่มีบุญคุณต่อลูกตลอดชีวิต เพราะเป็นผู้ให้ชีวิต ให้อวัยวะ เลือด เนื้อ คำสอนที่ดี และอื่นๆ มากมายแก่ลูก ลูกก็ต้องหาทางตอบแทนคุณพ่อแม่อยู่เนืองๆ อย่าให้คนอื่นเขาต้องออกปากว่า ลูกไม่รู้จักคุณพ่อคุณแม่ ตนเองสบายแต่พ่อแม่ต้องกัดเกลือกิน
ถึงแม้ว่าผู้นั้นจะไม่ทำคุณให้ตลอดชีวิต แต่สิ่งที่เขาทำให้นั้นก็อยู่คู่ชีวิตของเราตลอดไป เช่น ครูมีบุญคุณต่อลูกศิษย์ เป็นผู้ให้วิชาความรู้และคำสอนที่ดี ซึ่งวิชาความรู้และคำสอนที่ดีนั้นก็จะอยู่คู่ติดตามตัวลูกศิษย์ตลอดไปจนกว่าจะสิ้นลม
ถ้าลูกศิษย์นำเอาความรู้และคำสอนที่ดีนั้นไปใช้ในทางที่ถูกที่ควรเหมือนที่ครูพร่ำสอนมา ก็นับเป็นการตอบแทนบุญคุณครูอาจารย์ทางหนึ่ง แต่หากนำไปใช้ในทางที่ผิดศีลธรรม สร้างความเสื่อมเสียแก่คนอื่นๆ และส่วนรวม ก็เป็นการกระทำที่อกตัญญูต่อครูผู้ถ่ายวิชาโดยแท้
หรือแม้ใครจะมีบุญคุณหรือทำคุณให้เราครั้งเดียว จะน้อยจะมาก ก็เป็นสิ่งที่เราจะต้องหาโอกาสตอบแทนคุณผู้นั้นให้ได้ในแนวทางที่ดี ถูกต้อง และสมควรทำ อย่าให้ใครๆ ต้องมาตราหน้าว่า เป็นคนเนรคุณคน ลืมบุญคุณคน เพราะนั่นคือตราบาปที่จะติดตัวผู้นั้นไปตลอดชีวิต
จะเห็นว่าเรื่องบุญคุณนั้น คนไทยเข้าใจถูกว่าเป็นเรื่องดีงามที่จะต้องหาโอกาสตอบแทนผู้ที่มีบุญคุณ แต่ในเรื่องของความแค้นคนไทยดูจะเข้าใจผิดสิ้นเชิง
คนไทยสมัยนี้หรือสมัยไหนมักเข้าใจว่า คนที่ทำให้ตัวเองเจ็บแค้นนั้น จะต้องถูกชำระสะสางให้สิ้นซาก หากปล่อยทิ้งไว้ตัวเองจะยิ่งเจ็บยิ่งแค้นขึ้นไปเรื่อยๆ
ใครก็ตามที่ทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวดใจ ได้รับความอับอายขายหน้า จะด้วยการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด เช่น ด้วยถูกหักหลัง ถูกด่า ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม จะต้องหาทางแก้แค้นเอาคืนเพื่อให้ตัวเองหายแค้น
นี่คือความเข้าใจและเป็นวิธีที่คนสมัยนี้ หรือไม่ว่าสมัยไหนมักทำกัน ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดและการกระทำที่ผิดๆ ซึ่งในทางพระพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้คนชำระแค้นด้วยการแก้แค้นคนที่ทำกับตัวเองด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง เช่น ใครด่าตนก็ด่าตอบ คนจะฆ่าตนก็จะฆ่าตอบ ใครจะประหารตนก็จะประหารตอบ ใครหักหลังตนก็จะหักหลังตอบกลับไป
พระพุทธศาสนาสอนว่า ความแค้นจะต้องถูกสยบด้วย
“เมตตา” เท่านั้น ซึ่งเมตตา คือ จิตใจที่ประกอบด้วยรัก ความรู้สึกที่ปรารถนาจะให้คนอื่นมี่ความสุข เป็นเรื่องยากเหมือนกันถ้าจะใช้เมตตากับคนที่เราแค้นโกรธ แต่คิดว่าไม่มีวิธีใดที่จะดีและให้ผลยั่งยืนกว่านี้แล้วฉะนั้น จงฝึกแผ่เมตตาให้คนที่เราแค้นโกรธดูสักครั้ง แล้วครั้งที่สอง ที่สาม ก็จะตามมา ฝึกให้อภัย โดยให้มองส่วนที่ดีของเขา อย่ามุ่งมองส่วนที่เขาทำให้เราแค้น
เชื่อว่าเมื่อทำได้อย่างนี้ใจที่ขุ่นแค้นอยู่ จะค่อยๆ ใสขึ้นจนกลายเป็นว่าง และเมื่อนั้นความแค้นก็ถูกสลายหมดสิ้น ไม่มีความแค้น มีแต่ความรักและหวังดีต่อกัน
เหตุการณ์ที่ตำรวจนายหนึ่งใช้ปืนยิงเพื่อนตำรวจด้วยกันพร้อมคนในครอบครัว ทั้งภรรยาและลูกอีก 3 คน เมื่อเร็วๆ นี้ โดยบอกว่าที่ทำไปนั้นเพราะแค้นที่ถูกเพื่อนหักหลัง ก็เป็นวิธีการแก้แค้นที่ผิดๆ
ความจริงแล้วต้องแก้ที่ตนและใจของตน เท่านั้น


