posttoday

เปิดแผน5 ปี‘สยามซัมซุง’

30 มกราคม 2555

เปิดแผน5 ปี‘สยามซัมซุง’ รุกทำเบี้ยรวม 6,790 ล้านบาท..

เปิดแผน5 ปี‘สยามซัมซุง’ รุกทำเบี้ยรวม 6,790 ล้านบาท

โดยวารุณี อันวันนา

ทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทสยามซัมซุงประกันชีวิต 5 ปี นับจากปี 2555 ถึง ปี 2559 จะเป็นยุคที่บริษัทร่วมทุนจากเกาหลีวิ่งสู้ฟัดอัดทุกกลยุทธ์เพื่อผลักดันให้ยอดขายรวมของบริษัทไปให้ถึงเป้าหมายที่ 6,790 ล้านบาท จาก 1,086 ล้านบาทในปี 2554 เพื่อขึ้นเป็นบริษัทชั้นนำ 1 ใน 10 ของประเทศ

ซี โดนอลด์ คาร์ดีน กรรมการผู้จัดการและประธานบริหาร บริษัทสยามซัมซุง ประกันชีวิต ที่เข้ามาบริษัทนี้เมื่อ 8 เดือนก่อน และได้ทำการปรับปรุงโครงสร้างภายในใหม่ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต โดยวางทิศทางธุรกิจในอีก 5 ปี นับจากปีนี้ เบี้ยรับรวมจะมีจำนวน 1,653 ล้านบาท ปี 2556 เบี้ยรับรวมจะเพิ่มเป็น 1,782 ล้านบาท ปี 2557 เบี้ยรับรวม 2,997 ล้านบาท ปี 2558 เบี้ยรับรวม 4,560 ล้านบาท และปี 2559 เบี้ยรับรวมจะเพิ่มเป็น 6,790 ล้านบาท

สำหรับ โครงสร้างการบริหารใหม่นั้น ได้ดึง บัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต ที่ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว มานั่งเป็น ประธานฝ่ายช่องทางจำหน่าย ดูแลช่องทางการขายประกันกลุ่ม การขายผ่านโทรศัพท์ บริษัทลีสซิ่ง และ ไปรษณีไทย

ขณะที่ บรรณยง นราสวัสดิ์ เข้ามาเป็น ประธานช่องทางจำหน่ายรายสามัญ ดูแลช่องทางการขายผ่านตัวแทน ซึ่งมี 2 กลุ่ม คือ

หนึ่ง กลุ่มตัวแทนที่ถูกฝึกอบรมหลักสูตรเดียวกับบริษัทแม่ที่เกาหลี ใช้ชื่อว่า ไลฟ์แพลนเนอร์ หรือ ที่ปรึกษาทางการเงิน มี นฤมล ใยมุง นั่งประธานช่องทางจำหน่ายที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งจะขายในเขตกรุงเทพและปริมณฑล และเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งจบการศึกษาอายุ ไม่เกิน 30 ปี จะเป็นอนาคตของบริษัท เพราะยังมีอายุการทำงานอีก 20-30 ปี

สอง กลุ่ม ตัวแทนทั่วไปที่ทำงานตามระบบเดิม และตัวแทนที่มาจากบริษัทอื่นๆ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีประสบการณ์ทำงานมานานและมีที่อยู่ทั่วประเทศ และเป็นที่จะออกไปกวาดลูกค้าทั่วประเทศ
ทั้ง 2 กลุ่มขึ้นตรงกับ บรรณยง ขณะที่ บรรยง ขึ้นตรง บัณฑิต และกิจกรรมส่งเสริมการตลาด และ การแข่งขัน จะใช้เงื่อนไขเดียวกัน จากเดิมที่จะมีการแยกระหว่างตัวแทนทั่วไป กับ ที่ปรึกษาทางการเงิน

“จากโครงสร้างใหม่ พิสูจน์ว่าได้ผลเบี้ยรับรวมในปี 2554 มีจำนวน 1,086 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25%”คาร์ดีน กล่าว

สำหรบปี 2555 ตั้งเป้าเบี้ยรับรวม 1,653 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52% คาดว่าจะมีเบี้ยปีแรก 901 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68% แยกเป็นยอดขายจากตัวแทนไว้ที่ 716 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124% จากปี 2554
กลยุทธ์ การเติบโตผ่านตัวแทนจะมีการหาตัวแทนใหม่เข้ามาร่วมงานให้ได้เดือนละ 416 คน ปีนี้จะมีตัวแทนใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก 4,992 คน จะทำให้มีตัวแทนทั้งหมดในสิ้นปีนี้ที่ 7,358 คน โดยตัว
แทนจะมุ่งขายประกันชีวิตรายสามัญเป็นหลัก ซึ่งปีนี้กรมธรรม์รายสามัญจะต้องเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า

นอกจากนี้ จะยกระดับความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ถือหุ้นของกลุ่มสหพัฒน์ เพื่อความรวดเร็วในการขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเข้าไปใน บริษัท ในเครือของสหพัฒน์ ซึ่งปัจจุบันเป็นกลุ่มที่ทำรายได้ประกันกลุ่มให้บริษัทมากที่สุด ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าหมายเบี้ยรับไว้ที่ 374 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากปี 2554 ขณะที่ ช่องทางธุรกิจใหม่ที่ มียอดขายยังไม่มากนัก แต่ปีนี้ตั้งใจจะเพิ่มยอดขายขึ้นอีก 24%

ปาร์ค กึน ฮี กรรมการผู้จัดการใหญ่และ ประธานบริหาร บริษัทซัมซุง ไลฟ์ จากเกาหลี ยอมรับว่า ตลอด 14 ปี ที่กลุ่ม ซัมซุง ไลฟ์ จากเกาหลี เข้ามาร่วมถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวร่วมกับนักลงทุนไทย คือ กลุ่มสหพัฒน และกลุ่มธนาคารธนชาตที่เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทโดยอันตโนมัติจากการเข้าซื้อกิจการของธนาคารนครหลวงไทย มีความเคลื่อนไหวค่อนข้างเงียบเชียบ และธุรกิจเติบโตอย่างช้าๆ เพราะเป็นช่วงของการเรียนรู้

อย่างไรก็ตาม หลังจากนำบริษัทซัมซุง ไลฟ์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เกาหลี เมื่อปี 2553 ทำให้ผู้ถือหุ้นมีความคาดหวังที่จะเห็นการเติบโตของบริษัทมากขึ้น ทั้งในตลาดเกาหลี และ ตลาดต่างประเทศ แผนการขยายธุรกิจและการรุกธุรกิจในต่างประเทศจึงเกิดขึ้นในเชิงรุก รวมถึงประเทศไทย โดย 14 ปีที่ผ่านมาได้นำเงินมาลงทุนแล้ว 900 ล้านบาท และภายใต้แผน 5 ปีจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนใหม่อีก 1,500 ล้านบาท ซึ่งภายใต้ทีมบริหารใหม่ และการสนับสนุนจากบริษัทแม่ มั่นใจว่าเป้าหมายที่วางไว้จะเป็นจริง
“กลยุทธ์การลงทุนระยะยาวในไทย คือ จะต้องเติบโตให้เร็วนับจากนี้เป็นต้นไป และต้องได้รับการยอมรับจากลูกค้าชาวไทย สังคมไทย และ ยึดปฏิบัติตามเกณฑ์ของกฎหมายไทยอย่างเข้มงวด”ปาร์ค กึน ฮี กล่าว

ขณะที่ สเตฟาน ราโจดซ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสฝ่ายบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ ซัมซุง ไลฟ์ ยืนยันว่า ต้องการติด 1 ใน 10 ของตลาดประกันชีวิตไทย และ ประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดต่างประเทศที่ได้เข้าไปลงทุนแล้ว และหลังจากนี้จะมีการขยายธุรกิจออกไปที่อินโดนีเซีย อินเดีย สหรัฐอเมริกา และ ยุโรป โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่ารายได้รวมจากธุรกิจประกันชีวิตนอกประเทศจะต้องมีสัดส่วน 20% ในปี 2563 หรือ ในอีก 8 ปี ข้างหน้าจากปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 1% ของรายได้รวม 2.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐในปี 2553

ทั้งนี้ ผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทแม่ และ ผู้บริหารในไทย ต่างมั่นใจและยืนยันว่าแผนที่วางไว้ต้องไปถึงแน่

ข่าวล่าสุด

สวนดุสิตโพล เปิด 5 อันดับ “นักการเมือง” ประชาชนเชียร์นั่งนายกฯ