เมื่อวันเสด็จประพาส สวนทุเรียนเมืองนนท์
บันทึกประวัติศาสตร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จประพาสสวนทุเรียนเมืองนนท์
โดย...ส.สต
ข้อเขียนของผู้ใช้นามปากกาว่า โทรทัศน์ ในหนังสือตามรอยจารึก ซึ่งเป็นหนังสือที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ พล.ร.อ.นิรันดร์ ศิรินาวิน ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส 4 มิ.ย. 2548 เรื่องเมื่อวันเสด็จประพาสสวนทุเรียนเมืองนนท์ เป็นเรื่องพระราชจริยวัตรที่ควรจดจารึก เรื่องนี้พิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารชาวกรุง ฉบับเดือน ก.ค. 2496 และพิมพ์ซ้ำในชาวกรุงฉบับพิเศษ โดยโปรยเรื่องไว้ดังนี้
ในปี พ.ศ.นั้น ข่าวที่ชาวกรุงเห็นความสำคัญมาก และควรแก่การสนใจของพสกนิกรชาวไทยทั่วไป ก็ได้แก่ข่าวเสด็จประพาสสวนทุเรียนเมืองนนท์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2496
ระหว่างเสด็จฯ ทอดพระเนตรสวนทุเรียน (พลับพลาที่ประทับอยู่ทางด้านล่าง)
ชาวกรุงรายงานข่าวนี้ไว้ในหนังสือฉบับประจำเดือน ก.ค. 2496 เรื่องและภาพล้วนแต่น่าปลาบปลื้มและประทับใจ โดยเฉพาะจะเป็นความรู้ที่อาจยังไม่รู้สำหรับคนรุ่นใหม่ เราได้คัดมาลงไว้ โดยคงไว้ซึ่งสำนวนเดิมทุกประการ แต่เสียตรงที่รูปเดิมหาไม่ได้ จึงจำเป็นต้องถ่ายเป็นรูปอัดสำเนา จึงมัวซัวไปบ้าง ต้องขอพระราชทานอภัย และขออภัยท่านผู้อ่านไว้ด้วย เรื่องนี้ใช้เวลาอ่าน 5 นาที
ขุนบุรีภิรมย์กิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี สุเทพ รัตนเสวี สมาชิกสภาผู้แทน จังหวัดนนทบุรี และ น.ต.นิรันดร์ ศิรินาวิน ร.น. เฝ้าฯ รับเสด็จที่ท่าน้ำ
17 มิ.ย. 2496
แม้ว่าตอนเช้าตรู่วันนั้น จะมีฝนโปรยปรายบ้างเล็กน้อย แต่พอล่วงเข้าตอนสายอากาศกลับปลอดโปร่ง ท้องฟ้าแจ่มใสขึ้น เสมือนหนึ่งเป็นศุภนิมิตอันดี ครั้นเวลาประมาณ 10 น. เศษ เรือพระที่นั่งตะวันส่องแสง ซึ่งติดตามด้วยเรือประจำทวีป และขบวนเรืออารักขาก็แล่นเข้าเขตจังหวัดนนทบุรี ประชาชนที่มาคอยเฝ้าชมพระบารมีทั้งบนฝั่งและลอยเรืออยู่ในลำน้ำต่างเปล่งเสียงไชโยโห่ร้องขึ้นอื้ออึง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทรงโบกพระหัตถ์ช้าๆ ขณะที่เรือแล่นเอื่อยขึ้นตามลำน้ำ จนกระทั่งถึงบ้านชั้นเดียวหลังใหญ่ทาสีครามอ่อนปลูกอยู่ริมน้ำที่ตำบลบางกระสอ เรือจึงชะลอเครื่องยนต์เบาลง แลเข้าจอดเทียบท่าสะพานน้ำซึ่งจัดถวายไว้เป็นพิเศษ
คุณยายคนหนึ่ง ทูลเกล้าฯ ถวายของแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เมื่อเสด็จประพาสสวนเมืองนนท์ปี 2496
ขณะนั้นเองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฉลองพระองค์ชุดสากลสีขาว พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชินี ก้าวขึ้นจากเรือด้วยพระพักตร์อันยิ้มแย้ม แสดงถึงความเบิกบานพระราชหฤทัยประชาชนชาวนนทบุรีที่มาเฝ้าแหน จึงได้มีโอกาสชมพระบารมีพระมหากษัตริย์ของเขาอย่างเต็มตาและใกล้ชิดเป็นครั้งแรกในคราวนี้
ในบทความนี้เล่าถึงความเป็นมาในการเสด็จประพาสสวนทุเรียนเมืองนนท์ เพื่อทอดพระเนตรสวนทุเรียนอันเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อลือชาของจังหวัดนนทบุรีรวมถึงความเป็นอยู่ของราษฎรนั้น ว่าประชาชนทราบล่วงหน้ามาก่อนบ้างแล้ว เพราะผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ขุนบุรีภิรมย์กิจ (พริ้ม จารุมาศ) ต้องออกพื้นที่สำรวจพื้นที่ตั้งแต่เชิงสะพานพระราม 6 ขึ้นไป แต่หาสวนที่เหมาะไม่ได้ บางสวนไม่มีทุเรียนเหลืออยู่บางสวนสมบูรณ์แต่ไม่ได้อยู่ติดริมน้ำ ในที่สุดได้สวนนายประวิทย์ สงวนเงิน แต่เจ้าของลังเลเพราะเกรงจะปฏิบัติไม่ถูกต้อง แต่ก็ตกลงเมื่อทางจังหวัดบอกว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงสอยมังคุดในสวน
เพื่อถวายความปลอดภัย และความ สะดวก ทางจังหวัดเกณฑ์นักโทษ 100 คนมาปรับพื้นที่และสร้างพลับพลาด้วยไม้ไผ่ รวมทั้งจัดปะรำสำหรับผู้ติดตาม ส่วนทางเสด็จพระราชดำเนินได้ใช้ไม้กระดานมาปูบนคันสวน นอกจากนั้นหาลวดผูกที่ขั้วทุเรียนเป็นการป้องกันไม่ให้ตกเพราะบางลูกก็จะสุกแล้ว
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชินี และผู้ตามเสด็จจำนวนหนึ่ง เสด็จตามที่จัดถวายนั้น พระองค์โปรดซักถามถึงชนิดและวิธีปลูกรวมถึงการใส่ปุ๋ยและการบำรุงดูแล เสด็จผ่านสวนใดเจ้าของสวนได้นำผลไม้สวนนั้นขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายทุกสวนไป รวมทั้ง ถวายกระจง (ไม้สอย) ให้สมเด็จพระราชินี ทรงสอยมังคุดด้วย ทั้ง 2 พระองค์ทรงสำราญพระอิริยาบถตลอด
เสด็จฯ ประทับบนบ้าน ประวิทย์ สงวนเงิน
เมื่อประทับที่พลับพลา พระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรภูมิประเทศรอบๆ อย่างพอพระราชหฤทัย และทางจังหวัดจัดเรืออาหารมาจอดที่ท่าน้ำหลายลำ อาหารหลายประเภท เมื่อถึงเวลาเสวยพระกระยาหารกลางวัน ทรงสั่งมหาดเล็กให้ระงับการตั้งโต๊ะเสวยพระกระยาหารที่เตรียมมา เพราะมีพระราชประสงค์ที่จะเสวยอาหารพื้นเมืองที่ทางจังหวัดจัดมาทางเรือ เมื่อมหาดเล็กจัดภาชนะที่ใช้บรรจุพระอาหารถวายก็ไม่ทรงโปรด กลับรับสั่งให้แม่ค้าจัดขึ้นมาด้วยชาม และตะเกียบดำๆ และประทับเสวยที่เก้าอี้ มิได้ประทับโต๊ะเสวยที่เตรียมไว้ ทรงยกชามและตะเกียบด้วยพระอิริยาบถเช่นเดียวกับสามัญชน
ผู้ใกล้ชิดเล่าว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระอารมณ์เบิกบานและเสวยได้มากเป็นพิเศษ ทรงโปรดแกงปลาไหล และไอศกรีม เป็นพิเศษต่อจากนั้นได้พระราชทานเงิน เหรียญทองชนิด 50 สตางค์ ห่อผ้าขาวจำนวน 1 ตำลึง เป็นเงินก้นถุงแก่แม่ค้าทุกคนที่จัดอาหารมา
เสด็จฯ ขึ้นประทับบนบ้าน ประวิทย์ สงวนเงิน และมีพระราชปฏิสันถารกับเจ้าของบ้าน
เจ้าหน้าที่จัดฉีกทุเรียนขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ทุเรียนที่ทูลเกล้าฯ ถวายมีชนิดต่างๆ เช่น ก้านยาว กบ มะไฟ ซึ่งล้วนแต่เป็นทุเรียนที่มีชื่อเสียง ทรงโปรดและชมทุเรียนชนิดกบ ว่ามีรสหวานและมันจัดมา
ก่อนเสด็จกลับ ได้เสด็จขึ้นประทับบนบ้านเจ้าของสวนทุเรียน แล้วทรงปฏิสันถารถึงความเป็นอยู่และอาชีพที่กระทำอยู่ แล้วพระราชทานหีบบุหรี่ถมเงินจารึกพระปรมาภิไธยย่อแก่นายประวิทย์ สงวนเงิน 1 หีบ และพระราชทานให้แก่ผู้ที่มาคอยเฝ้าติดตามในการเสด็จครั้งนี้คนละ 100 บาท พร้อมกับเงินเหรียญ 1 ตำลึง
หีบบุหรี่ถมเงินจารึกพระปรมาภิไธยย่อที่พระราชทานให้แก่ประวิทย์ สงวนเงิน
ก่อนที่จะทรงก้าวลงเรือ ได้รับสั่งแก่ผู้มาคอยเฝ้ารับเสด็จและนำเสด็จด้วยประโยคสั้นๆ ว่า ขอบใจทุกคน พร้อมทรงถ่ายภาพผู้มาส่งเสด็จด้วยพระองค์เอง
เมื่อเรือเคลื่อนออกจากท่า ก็ทรงโบกพระหัตถ์ด้วยพระอาการร่าเริงแจ่มใส บรรดาผู้มาเฝ้าบริเวณนั้นเปล่งเสียงไชโยด้วยความปลาบปลื้ม และเต็มตื้นในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
บ้านแสงประภา ริมแม่น้ำเจ้าพระยา นนทบุรี ที่เสด็จประพาสสวนทุเรียน เมื่อ 17 มิ.ย. 2496
หมายเหตุ : สำหรับภาพในหนังสือตามรอยจารึกนี้เป็นภาพถ่ายจริงที่ได้บันทึกไว้ในคราวเสด็จประพาสครั้งนั้น ซึ่งโพสต์ทูเดย์สแกนจากหนังสือตามรอยจารึกเล่มดังกล่าว