posttoday

อดุลย์แนะหยุดคนล้มตายใบไม้ร่วงโควิด ประยุทธ์ต้องไขก๊อก

22 กรกฎาคม 2564

อดุลย์แกนนำไทยไม่ทนเสนอ6แนวทางรับความโกลาหลโควิด ชี้ประยุทธ์ล้มเหลวไร้วิสัยทัศน์ต้องลาออกเปิดทางผู้นำคนใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหา

นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ แกนนำกลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย แถลงว่า

สาสน์จาก กลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย ถึงประชาชนชาวไทยในสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโควิด-19

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)ในประเทศไทยกำลังเข้าสู่จุด chaoasหรือ กำลังเข้าสู่ความโกลาหลวุ่นวาย เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อพุ่งเกินหมื่นราย ผู้เสียชีวิตร้อยรายต่อวัน เกินขีดความสามารถของระบบสาธารณสุขจะรับได้ จำนวนเตียงผู้ป่วยทั้งสถานพยาบาลของรัฐและเอกชนรองรับไม่เพียงพอ และยังมีผู้ติดเชื้อที่ยังไม่แสดงอาการแต่เข้าไม่ถึงการตรวจเชื้ออีกจำนวนมากจนต้องให้ผู้ติดเชื้อกักรักษาตัวที่บ้าน(Home Isolation) ขณะที่ผู้ป่วยหนักต้องดิ้นรนหาเตียงกันอย่างยากเย็น บางคนต้องนอนตายข้างถนน สำหรับการล็อกดาวน์ 13 จังหวัด ปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ยิ่งซ้ำเติมความทุกข์ยากของประชาชน เพราะรัฐไม่ได้มีมาตรการเยียวยาอย่างทั่วถึง ประชาชนจึงอยู่อย่างสิ้นหวัง ความอดทนเกินขีดจำกัด จะเกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้นได้ จึงเสนอแนวทางรับมือกับความโกลาหลดังนี้

1.ประชาชนต้องก้าวข้าม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปได้แล้ว เพราะหมดสิ้นสภาพความเป็นผู้นำประเทศ จากการบริหารจัดการโรคระบาดที่ผิดพลาดล้มเหลว ผู้คนหมดความเชื่อถือศรัทธาไม่เคารพ ไม่ให้เกียรติ เพราะเป็นบุคคลไร้ความสามารถ อวดฉลาด ขาดความรับผิดชอบ การระบาดที่หนักขึ้นเกิดจากความผิดพลาดของตัวเอง แต่กลับโยนความผิดให้ประชาชนมาโดยตลอด ประชาชนรู้สึกคับแค้นใจและกำลังก่นด่าทั้งบ้านเมือง อีกทั้งมีพฤติกรรมมารยาทที่น่ารังเกียจ อารมณ์แปรปรวน เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อเด็ก เยาวชน คนรุ่นใหม่ ดังนั้นจึงไม่ควรเสียเวลากับบุคคลที่สิ้นสภาพไปแล้ว

2.เมื่อประชาชนหมดที่พึ่ง จึงต้องรู้รัก สามัคคี ปรองดองกัน ไม่แบ่งแยกสีเสื้อ แม้คิดต่างทางการเมืองก็ต้องร่วมแรงร่วมใจกันนำพาชาติบ้านเมืองผ่านวิกฤติให้ได้ ด้วยการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ใครแข็งแรงมีกำลังมากกว่าต้องช่วยเหลือแบ่งปันคนที่อ่อนแอกว่า บางคนร่วมเป็นจิตอาสาช่วยเหลือสังคมตามความสามารถของตน ผู้นำชุมชนต้องนำพาพี่น้องประชาชนให้ลุกขึ้นมาช่วยตนเอง ตัวอย่างเช่น ชาวอำเภอหนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ ที่ร่วมกันก่อตั้งโรงพยาบาลสนามโดยไม่ได้ใช้งบประมาณของทางราชการ และชุมชนอื่นๆที่ร่วมมือกันช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกันเพื่อให้รอดพันจากวิกฤติครั้งนี้

3.จากความผิดพลาดและไร้วิสัยทัศน์ในการจัดหาวัคซีน ทำให้วัคซีนมีไม่เพียงพอกับสถานการณ์ที่โรคระบาดกำลังทวีความรุนแรง และยังเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพต่ำไม่สมราคาที่ต้องจ่าย แผนการกระจายฉีดวัคซีนก็สับสนไร้ระบบ และอาจต้องถูกเลื่อนออกไปอีก ส่วนการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมอาจไม่ทันการณ์ อย่างไรก็ตามกระทรวงสาธารณสุข จะต้องระดมฉีดวัคซีนไม่ว่ายี่ห้อใดก็ตามให้ครอบคลุมให้มากที่สุด และเร่งรีบจัดหาวัคซีนหลักที่มีระสิทธิภาพต้านไวรัสกลายพันธุ์ ให้กับแพทย์ พยาบาล บุคลากรสาธารณสุข อสม. คนงาน ภารโรง สัปเหร่อ ที่ทำงานด่านหน้า ทุกคนโดยเร็วที่สุด

4.แม้พล.อ.ประยุทธ์ จะหมดสภาพความเป็นผู้นำประเทศ แต่ รัฐมนตรี ข้าราชการ ทุกหน่วยงาน ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในขณะนี้ จะต้องหามาตรการช่วยเหลือเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน ตัวอย่าเช่น ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ที่สั่งลดค่าเทอมและค่าใช้จ่ายในมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนพร้อมขยายเวลาผ่อนชำระหรือผ่อนจ่ายค่าธรรมเนียมการศึกษา แต่ก็ยังไม่เพียงพอแก้ไขความลำบากของประชาชน จึงเป็นโอกาสสุดท้ายของบรรดารัฐมนตรีทั้งหลาย จะได้มีโอกาสแก้ตัวแข่งกันช่วยเหลือประชาชนที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก เช่นประกาศยกเลิกเก็บค่าสาธารณูปโภค ไฟฟ้า น้ำประปา อย่างน้อย 1 ปี จนกว่าโรคระบาดซาลง

5.วิกฤติครั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจากกลไกรัฐที่ล้มเหลว ตั้งแต่การระบาดที่สนามมวยลุมพินีจากรณีการจัดชกมวยที่ฝืนมติครม.การปล่อยให้แรงงานเถื่อน บ่อนการพนัน สถานบันเทิงผิดกฎหมาย ที่จ่ายส่วยสินบนให้เจ้าหน้าที่รัฐจนกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อ และไม่มีการลงโทษางอาญาแก่เจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำผิด บริหารงานแบบ”รัฐราชการ” ที่ตั้งรับและวิ่งไล่ตามปัญหา ไม่มีการบูรณาการ ไร้ยุทธศาสตร์เชิงรุก ยึดระเบียบขั้นตอนมากกว่าเป้าหมาย ขาดความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของประชาชน และยังมีผลประโยชน์ทับซ้อน จึงต้องปฏิรูปประเทศ ทุกสถาบัน ทุกองค์กร และทุกด้าน เมื่อสถานการณ์และกาลเวลาผ่านไปจะต้องปรับตัว เพื่อให้ดำรงอยู่ได้และพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ในสภาวะแวดล้อมที่แปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา

6. ประเทศชาติถดถอยล้าหลังและเผชิญกับวิกฤติไม่ได้ เนื่องมาจาก”กลุ่ม 3ป.” ยึดอำนาจเมื่อวันที่22พ.ค.2557 แล้วเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจตัวเอง ไม่สร้างความสามัคคีปรองดอง ไม่ปฏิรูปประเทศเพื่อวางรากฐานให้อนาคต เป็นการหลอกลวง ตระบัดสัตย์ และยังนำบุคคลที่มีมลทินมัวหมอง มีประวัติด่างพร้อยมานั่งในครม.ร่วมกันทุจริตคอร์รัปชัน เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนใหญ่ไม่กี่ตระกูล จนเกิดความเหลื่อมล้ำในทุกด้าน สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ ทำให้ประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัส เมื่อถึงจุดเปลี่ยนประชาชนลุกขึ้นมาขับไล่ “กลุ่ม3ป.”และลิ่วล้อ จะต้องถูกเช็คบิล ไม่มีแผ่นดินอยู่ในวาระสุดท้ายของชีวิต

กลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนฯ ยืนยันว่า ความผิดพลาดล้มเหลวไร้วิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 พล.อ.ประยุทธ์ คือผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว เพราะเป็นผอ.ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค.และเป็นผู้รวบอำนาจจากรัฐมนตรีทุกกระทรวงตามพระราชบัญญัติ31ฉบับ มีอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่กลับไม่มีภาวะผู้นำ ดังนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออกไป แล้วให้ผู้นำคนใหม่เข้ามาปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาโรคระบาดจึงจะสามารถกอบกู้สถานการณ์กลับมาได้ แต่หากพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งหมดสภาพไปแล้วเหมือนซากศพเดินได้ยังกุมบังเหียนประเทศชาติต่อไป จะมีประชาชนล้มตายเป็นใบไม้ร่วงอีกเป็นจำนวนมาก