posttoday

"ธนาธร"ชี้ประชาชนไร้ค่าในสายตาชนชั้นนำชูต่อสู้3ด้าน

15 พฤศจิกายน 2563

"ธนาธร"ชี้การสูญหายของนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษย์ชนเกิดขึ้นเพราะประชาชนไร่ค่าในสายตาชนชั้นนำ ชูประเด็นการต่อสู้ 3 ด้าน

เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 63 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ร่วมเสวนาเรื่อง "แด่นักสู้ผู้จากไป ประชาธิปไตยแบบไหนที่จะไม่ปล่อยให้ใครลอยนวลพ้นผิด" ในนิทรรศการแสดงภาพถ่าย ที่นำเสนอเรื่องราวของนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวไทย 58 คนที่ถูกลอบสังหารหรือบังคับให้สูญหาย

นายธนาธรกล่าวว่า เหตุการณ์ลอบสังหารและบังคับสูญหายนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานานแล้วในสังคมไทย และ เหตุที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ก็เพราะที่ผ่านมาพวกเราในสังคมต่างเพิกเฉย ไม่ลุกขึ้นปกป้องและยืนยันสิทธิของพวกเขา ที่ออกมาต่อสู้เพื่อปกป้องดิน น้ำ ฟ้า ป่า ของพวกเรา เรื่องพวกนี้เป็นทั้งเรื่องของกระบวนการยุติธรรม สิทธิมนุษยชน สิ่งแวดล้อม ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ-สังคม และเป็นเรื่องของประชาธิปไตยทั้งสิ้น หลายกรณีผู้กระทำผิดไม่เคยถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

"ด้านกลับของเรื่องนี้ก็คือประชาชนในประเทศนี้ไม่มีอำนาจ ไม่มีความหมาย ไร้ค่าในสายตาของชนชั้นนำ นี่คือข้อเท็จจริง นี่คือด้านกลับว่าทำไมประชาชนไม่เคยได้รับการปกป้อง เหตุผลง่ายๆ ก็เพราะชนชั้นนำต่างคิดว่าพวกคุณไม่มีค่า ไม่มีความหมาย" นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวอีกว่าสำหรับข้อเสนอนั้น ตนคิดว่าการต่อสู้จากนี้เป็นต้นไป จะต้องทำในสามด้านด้วยกันคือ 1) การต่อสู้เชิงประเด็น 2) การต่อสู้เชิงระบบ และ 3) การต่อสู้เชิงวัฒนธรรม

1. การต่อสู้เชิงประเด็น การต่อสู้ทีละประเด็นยังคงมีความสำคัญอยู่ ไม่ว่าจะในรูปแบบของการชุมนุม การเรียกร้องกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การขอพื้นที่จากสื่อ ทำให้กลายเป็นวาระทางสังคม ยังคงมีความสำคัญอยู่ ทำให้ประเด็นของแต่ละกลุ่มกลายเป็นเรื่องสาธารณะ ประชาชนคนอื่นๆช่วยกันพูด กดไลค์ กดแชร์ ทำคนละไม้ละมือให้กลายเป็นกระแสได้

2. การต่อสู้เชิงระบบ มีความจำเป็นไม่แพ้กัน ทุกคน ทุกกลุ่มต้องต่อสู้ในเชิงระบบด้วย เพราะการต่อสู้กับการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติและการละเมิดสิทธิประชาชน ไม่ว่าจะในกรณีไหนก็ตาม ล้วนแต่มีจุดร่วมเดียวกัน นั่นคือการต่อสู้เพื่อให้ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจและทรัพยากรร่วมกันอย่างแท้จริง ทุกประเด็นจะต้องเกี่ยวแขนต่อสู้ร่วมกัน ยืนยันว่าการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ต้องให้ประชาชนมีอำนาจสูงสุด จะต้องปฏิรูประบบรัฐราชการรวมศูนย์ ปฏิรูปกรระบวนการยุติธรรม

3. การต่อสู้เชิงวัฒนธรรม ที่ตนเห็นว่ามีความสำคัญมาก เราต้องกลัมาปลูกฝังค่านิยมพลเมืองกันใหม่ ว่าประเทศนี้เราเป็นเจ้าของร่วมกัน การเมืองไม่ใช่เรื่องสกปรก และเราต้องสนใจเข้าไปมีส่วนร่วมเพื่ออนาคตของลูกหลานเรา เพราะตราบใดที่ยังมีคนเชื่อว่าเราต้องไม่สนใจการเมือง ผู้มีอำนาจในปัจจุบันก็จะยังคงเป็นผู้มีอำนาจต่อไป นี่คือวาทกรรมอำนาจนิยมที่ล้าหลัง วาทกรรมที่บอกว่าประชาชนโง่ เราต้องสู้กับวาทกรรมเหล่านี้ เพื่อจะบอกว่าสิทธิในประเทศนี้ ทรัพยากรในประเทศนี้ล้วนเป็นของพวกเรา อย่าให้วัฒนธรรมอำนาจนิยมรุกคืบเข้ามาได้อีก