posttoday

"จุรินทร์"ยกเป็นประวัติศาสตร์ลงนามRCEPชูไทยได้ประโยชน์

15 พฤศจิกายน 2563

"จุรินทร์"ชี้วันประวัติศาสตร์ความตกลงทางหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกยกไทยได้ขยายประโยชน์ทางการค้า

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค Regional Comprehensive Economic Partnership หรือ RCEP ว่า วันนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์สำคัญเพราะจะมีการลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ระหว่าง 15 ประเทศ ประกอบด้วยกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ และ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ อีก 5 ประเทศ ถือเป็นกลุ่มความตกลงทางการค้า การลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีมูลค่า GDP 1 ใน 3 ของโลกและมีประชากรรวมกัน 1 ใน 3 ของโลกด้วย

ทั้งนี้ ได้มีความพยายามตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมาจนสามารถประสบความสำเร็จในการเจรจาทั้งหมดในวันนี้ โดยเมื่อปีที่แล้วตอนที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ตนในฐานะรัฐมนตรีการค้าของไทยเป็นประธานในที่ประชุมซึ่งก่อนหน้านั้นเจรจามา 7 ปีแล้วแต่สามารถเจรจาได้เพียง 7 บท จนไทยสามารถผลักดันการเจรจาได้ครบทั้ง 20 บท

สำหรับ ประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการลงนามความตกลง RCEP คือ จะสามารถเปิดตลาดการค้าการลงทุนในอีก 14 ประเทศ สินค้าที่ไทยจะได้ประโยชน์อย่างยิ่งคือ 1.หมวดสินค้าเกษตร เช่น แป้งมันสำปะหลัง สับปะรด สินค้าประมง เป็นต้น 2.หมวดอาหาร ผักผลไม้แปรรูป น้ำส้ม น้ำมะพร้าว รวมทั้งอาหารแปรรูปอื่นๆ 3. หมวดสินค้าอุตสาหกรรมอุปกรณ์ไฟฟ้า พลาสติก กระดาษ เคมีภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องแต่งกาย รวมทั้งจักรยานยนต์ 4.หมวดบริการ หมวดการก่อสร้าง ธุรกิจด้านสุขภาพ ธุรกิจด้านภาพยนตร์ บันเทิง อนิเมชั่น 5.การค้าปลีกสิ่งที่ภาคเอกชนไทยและภาครัฐจะต้องเร่งดำเนินการในการที่จะเตรียมตัวและปรับตัวเพื่อให้เข้ากับข้อตกลงการค้าการลงทุนใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก RCEP รวมทั้งเร่งศึกษากฎระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้องเพราะหลังจากลงนามวันนี้แต่ละประเทศจะต้องนำไปให้สัตยาบันโดยผ่านกระบวนการของแต่ละประเทศ เช่น ประเทศไทยต้องผ่านที่ประชุมสภา คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ได้ในกลางปีหน้า โดยในการมีผลบังคับใช้จะต้องมีประเทศอาเซียน 6 ประเทศ และกลุ่มประเทศอื่น 3 ประเทศ แจ้งให้สัตยาบัน ความตกลงก็สามารถบังคับใช้ได้เลย

นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับประเทศอินเดียเป็นประเทศเดียวที่ไม่ได้ร่วมลงนามครั้งนี้แต่เรายังหวังว่าอินเดียจะสามารถเข้ามาร่วมได้ต่อไปในอนาคต เมื่ออินเดียได้ประเมินว่าสถานการณ์มีความเหมาะสมกลุ่มประเทศ RCEP ทั้ง 15 ประเทศ ซึ่งตอนที่ตนเป็นประธานเราก็เปิดปลายไว้ว่ายังยินดีต้อนรับอินเดีย และสำหรับ 15 ประเทศนี้ก็ถือว่าใหญ่มากแล้วเพราะครอบคลุม GDP ถึง 1 ใน 3 ของโลกถือว่าเป็นความตกลงทางหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก