posttoday

"สุดารัตน์"จี้เร่งพักหนี้-ตั้งกองทุนช่วยเอสเอ็มอีก่อนหมดลมหายใจ

05 ตุลาคม 2563

"สุดารัตน์"ประกาศขอทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้กับคนตัวเล็กเสนอรัฐบาลเสนอเร่งพักหนี้-ตั้งกองทุนช่วยเอสเอ็มอี ก่อนธุรกิจเหล่านี้จะหมดลมหายใจ

เมื่อวันที่ 5 ต.ค.คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟสบุ๊ก"ขอทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้กับคนตัวเล็ก"โดยมีเนื้อหาว่า ดิฉันได้มีโอกาสประชุมหารือกับผู้ประกอบการ SMEs จากสภา SMEs ทั้งในกรุงเทพฯ และในภูมิภาคหลายครั้ง จึงขอทำหน้าที่ สะท้อนความทุกข์และขอร้องให้รัฐบาลเร่งลงมือช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือ SMEs รวมทั้งกลุ่มที่กำลังจะต้องทยอยปิดตัวลง จากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่กำลังซื้อหดหาย เงินทุนหมุนเวียนกำลังจะหมด โดยกลุ่มธุรกิจของคนตัวเล็กเหล่านี้ ที่ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กับคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ เพราะธุรกิจขนาดเล็กขนาดกลางเหล่านี้ มีการจ้างแรงงานทั้งในระบบและนอกระบบจำนวนมากถึง 13.9 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 85.47% ของการจ้างงานทั้งประเทศ

ดังนั้น ถ้าปล่อยให้ธุรกิจเหล่านี้ต้องปิดตัวลงไป จะมีคนตกงานเพิ่มอีกเป็นจำนวนมากที่จะซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจของไทยให้ทรุดหนักลงไปอีก โดยที่ธุรกิจขนาดเล็กขนาดกลางของคนไทย ตามรายงานของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สสว.) ในปี 2561 มีจำนวน 3 ,077,822 ราย จำนวน 99.79% เป็นรายเล็ก(SE) ถึง 3,063,651 ราย และรายกลาง (ME) มีอยู่เพียง 14,171 ราย

ขณะที่มาตรการของรัฐบาลในปัจจุบัน อย่าง Soft Loan 500,000 ล้านบาท ของ ธปท. SMEs กว่า 90% เข้าไม่ถึง ด้วยกฎเกณฑ์ที่ต้องปล่อยกู้ให้เฉพาะลูกหนี้เดิมของธนาคาร และไม่เป็น NPL จำกัดวงเงินไม่เกิน 20% ของสินเชื่อคงค้างและไม่เกิน 500 ล้านบาทโดยขณะนี้เรามี SMEs ที่อยู่ในระบบธนาคารเพียง 468,000 ราย (ทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา) แต่เป็น NPL ไปแล้วกว่า 100,000 รายจึงขอให้รัฐบาลเร่งดูแลธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลางเหล่านี้ ก่อนที่คนตัวเล็กที่เป็นฟันเฟืองที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย เหล่านี้จะ “หมดลมหายใจที่จะสู้ต่อ”

โดยขอเสนอให้ดำเนินการดังต่อไปนี้ 1.ปรับโครงสร้างหนี้ พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้ธุรกิจที่เดินต่อได้ แต่ขาดสภาพคล่อง เป็นเวลา 2 ปี 2.ให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ดำเนินการดังต่อไปนี้ 2.1 ลดเกณฑ์การค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ ที่ดำเนินการตามปกติ และกลุ่มที่ปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มเติม ในกรณีหลักทรัพย์ไม่เพียงพอ ให้ (บสย.) ค้ำประกันวงเงินเพิ่มให้กับ SMEs ที่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันเต็มวงเงินแล้ว 2.2 ให้ (บสย.) ขยายสัดส่วนการค้ำประกันเป็นร้อยละ 50-75 เพื่อลดภาระความรับผิดชอบของธนาคารพาณิชย์ เป็นการสร้างแรงจูงใจให้ธนาคารพาณิชย์ยอมปล่อยสินเชื่อให้ SMEs ที่กำลังขาดสภาพคล่อง

3.ออกกองทุน SME โดยให้เอกชน อย่างเช่นสภา SMEs เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อตัดปัญหากลไกและกระบวนการภาครัฐไม่เอื้ออำนวยให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงแหล่งทุนได้ กองทุนทุนนี้ควรเริ่มต้น ในวงเงิน 300,000 ล้าน จากวงเงิน Soft Loan 500,000 ล้าน ที่ปล่อยกู้ไปได้เพียง 100,000 ล้าน เพื่อเป็นกลไกพิเศษ ที่จะทำให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างแท้จริง“โปรดเร่งช่วยคนตัวเล็กก่อนหมดลมหายใจ”#SMEs

"สุดารัตน์"จี้เร่งพักหนี้-ตั้งกองทุนช่วยเอสเอ็มอีก่อนหมดลมหายใจ