posttoday

“อนุดิษฐ์” ถามหาความรับผิดชอบ"สมคิด" หลังปี 63 คนจนยังไม่หมดประเทศ

16 มกราคม 2563

เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ถาม “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” จะรับผิดชอบคำพูดตัวเองอย่างไร หลัง ปี 2563 แล้ว แต่คนจนยังไม่หมดประเทศ ชี้รัฐบาลล้มเหลวในนโยบายแก้จน เพราะหวังแต่ผลทางการเมือง

เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ถาม “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” จะรับผิดชอบคำพูดตัวเองอย่างไร หลัง ปี 2563 แล้ว แต่คนจนยังไม่หมดประเทศ  ชี้รัฐบาลล้มเหลวในนโยบายแก้จน เพราะหวังแต่ผลทางการเมือง

เมื่อวันที่ 16 มค. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนโยบายการจัดตั้งสำนักบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และเตรียมให้คนถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือ “บัตรคนจน” จำนวน 14.6 ล้านคน ไปลงทะเบียนใหม่อีกครั้งของกระทรวงการคลัง  สะท้อนให้เห็นถึงความสับสนและย้อนแย้งเกี่ยวกับนโยบายแก้ความยากจนของรัฐบาลเอง

เพราะจากเดิมช่วงริเริ่มโครงการเมื่อปลายปี 2560 มีตัวเลขผู้ได้รับสิทธิ์บัตรคนจน 11 ล้านคน จากตัวเลขคนจนเมื่อปี 2559 ที่มีเพียงประมาณ 6 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งตัวเลขคนจนที่เพิ่มขึ้นนี้ เกิดขึ้นทั้งจากเกณฑ์การคัดคนเข้าโครงการที่หละหลวมเกินไป  จนมีคน “จนไม่จริง” ได้รับสิทธิ์เป็นจำนวนมาก และจาก คน “จนจริง” ที่ทะยอยเพิ่มสูงขึ้นจากการบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลว

ต่อมาปลายปี 2561  ครม.มีมติให้จัดตั้งหน่วยงานกลางเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำและความยากจน ก่อนที่กรมบัญชีกลางจะแจกบัตรคนจนเพิ่มอีก 3.04 ล้านใบในวันที่ 21 ธันวาคม 2561 โดยให้มีผลตั้งแต่ 1 มกราคม 2562 ทำให้ตัวเลขคนจน เพิ่มขึ้นจาก 11 ล้านคนเป็น  14.6  ล้านคนทันที

“ตัวเลขคนจนที่เพิ่มขึ้นก่อนการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562 ใคร ๆ ก็มองออกว่า การแจกเงินผ่านโครงการดังกล่าวเป็นการหวังผลทางการเมือง แต่เมื่อการเลือกตั้งผ่านไป ตัวเลขคนจนที่มีมากถึง 14.6 ล้านคน กลับกลายเป็นหอกทิ่มแทงรัฐบาลเอง เพราะมันกลายเป็นว่า รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ความยากจนได้ แม้จะใช้งบฯจำนวนมหาศาลไปแล้วก็ตาม” น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว

น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวต่อว่า ตอนนี้ รัฐบาลต้องลดตัวเลขคนจนลง ซึ่งอาจจะด้วยเพราะเงินไม่พอแจก หรือ ต้องการนำตัวเลขมาอ้างเป็นผลงาน แต่เป็นการลดลงด้วยวิธีการเปลี่ยนหลักเกณฑ์การประเมินใหม่ ดังนั้นจึงไม่ใช่มาตรการแก้ไขทางเศรษฐกิจที่ถูกต้อง

การใช้เกณฑ์การวัดรายได้ส่วนบุคคลมาเป็นเกณฑ์การวัดรายได้ของครอบครัว กำลังจะไปพรากสิทธิ์ของคนที่เคยได้รับบัตรคนจน ให้ไม่ได้รับสิทธิอีกต่อไป จึงเป็นการลดจำนวนคนจนได้แต่เพียงตัวเลข โดยที่คนจนเหล่านี้ไม่ได้หายจนจริง ๆ  ถือว่าย้อนแย้งกับความเป็นจริง และสะท้อนความล้มเหลวในการแก้ปัญหาความยากจน

“จึงขอถามไปยังนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ว่า จะรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเองอย่างไร ที่เคยประกาศว่า ปี 2561 คนจนจะหมดไปจากประเทศ แต่นี่ก็ปี 2563 แล้ว คนจน ยังมีสูงถึง 14.6 ล้านคน รวมทั้งขอถาม พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ว่าจะรับผิดชอบอย่างไร ที่รัฐบาลใช้งบมหาศาล แต่ผ่านไป 6 ปี คนไทยก็ยังไม่หายจน” น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว