posttoday

"สุเทพ" ลั่นพร้อมสู้คดีโรงพัก ยันอนุมัติโครงการตามขั้นตอน

07 สิงหาคม 2562

“สุเทพ” เผย ป.ป.ช.ชี้มูลคดีโรงพัก พร้อมพิสูจน์ในชั้นศาล ยันอนุมัติโครงการก่อสร้างโปร่งใส ตามขั้นตอน ไม่ทุจริต

“สุเทพ” เผย ป.ป.ช.ชี้มูลคดีโรงพัก พร้อมพิสูจน์ในชั้นศาล  ยันอนุมัติโครงการก่อสร้างโปร่งใส ตามขั้นตอน ไม่ทุจริต

เมื่อวันที่  7 ส.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิดกรณีอนุมัติโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ หรือโรงพักทดแทน 396 แห่ง ว่า หลังจากที่ ป.ป.ช. ได้ตั้งข้อกล่าวหาแล้ว ตนได้ไปชี้แจงหลายครั้งแล้ว และที่สุด ป.ป.ช.ได้สรุปและมีมติชี้มูล ทำให้ตนจะได้มีโอกาสไปพิสูจน์ความจริงในศาล เรื่องราวจะได้จบ เพราะว่าตนเสียหายและเสียชื่อเสียงมาเยอะแล้ว

นายสุเทพ  กล่าวว่า กรณีไม่มีความซับซ้อนอะไร แต่เดิม ป.ป.ช. พยายามกล่าวหาว่าตนกระทำผิดมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ในที่สุดก็ไม่มีความผิด เพราะว่า มติ ครม.เกี่ยวกับเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างไม่มีอยู่จริง แต่เมื่อฟังจากการแถลงของ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 6 ส.ค.  กลายเป็นว่าตนเองเสนอเรื่องขออนุมัติ ครม. เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงวิธีจัดซื้อจัดจ้างใหม่ กลับไม่เสนอขอมติที่ประชุม ครม. อีกครั้ง คล้ายกับว่าตนเองใช้อำนาจโดยมิชอบ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าการใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีดังกล่าว จะทำให้การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ตนเห็นว่าอาจจะผิดจากข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงคือว่า ครม. มีมติครั้งเดียวเมื่อวันที่ 17 ก.พ.2552 ให้สร้างสถานีตำรวจ 396 แห่ง ในวงเงิน 6,000 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีตามปกติ แล้วก็ผูกพันงบประมาณเป็นเวลา 5 ปี ซึ่ง ครม.อนุมัติเพียงครั้งเดียว เรียกว่า ครม. อนุมัติโดยหลักการ ส่วนการจัดซื้อจัดจ้างไม่ใช่อำนาจของ ครม. ในการอนุมัติ ไม่มีการอนุมัติในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการใด ที่จะต้องไปขออนุมัติจากมติ ครม. เพราะมีกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างว่าด้วยระเบียบพัสดุของสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ว่าเป็นอำนาจของหัวหน้าหน่วยงาน คืออธิบดี หรือถ้าเกินอำนาจของอธิบดี ก็เป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่คุมกระทรวงนั้น

ดังนั้นที่กล่าวหาว่าตนเองเสนอ ครม. ครั้งหนึ่งแล้ว แต่พอจะเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดซื้อจัดจ้างกลับไม่เสนอขอมติ ครม.นั้นไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งประเด็นนี้ตนจะนำไปพิสูจน์ให้ศาลได้เห็น และขอให้พี่น้องประชาชนสบายใจ เพราะทั้งหมดนี้ที่ ป.ป.ช.กล่าวหาตนเอง ไม่เกี่ยวกับการทุจริตเลย เป็นเพียงประเด็นว่าตนใช้อำนาจหน้าที่ชอบหรือไม่ชอบเท่านั้น เรื่องการทุจริตนั้นเป็นเรื่องที่ ป.ป.ช. แจ้งมติชี้มูลตำรวจ ข้าราชการ หรือพ่อค้าคนอื่นในวันเดียวกัน ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าตนไปสมคบทุจริตกับเขาด้วย

ประเด็นสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่อยากจะชี้ให้ประชาชนได้เห็นก็คือว่า กรณีนี้มีการประมูลกันโดยวิธีอีอ๊อกชั่น (e-Auction) ก็มีผู้เข้าประมูลหลายรายและแข่งขันกัน 70 กว่าครั้งในการประกวดราคา ผู้ที่เสนอราคาต่ำสุดนั้น ได้เสนอต่ำกว่าราคากลางประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นข้อเท็จจริง

“การก่อสร้างที่ไม่แล้วเสร็จ ไม่ได้เกี่ยวกับการอนุมัติสั่งการของตนเอง เกี่ยวกับการบริหารสัญญาคือการกำกับควบคุมดูแลการก่อสร้าง น่าสังเกตว่าระหว่างการก่อสร้างกว่าจะทำสัญญาได้ก็นาน และเวลาก่อสร้างมีการขยายสัญญาให้หลายครั้ง โดยผู้บัญชาการตำรวจหลายคน ซึ่งตนจะไม่พูดว่า ใครถูกใครผิดอย่างไร เพราะเป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องไปพิสูจน์ความจริงกันในศาล ด้วยพยานหลักฐานที่ตนเองมี” นายสุเทพ กล่าว