posttoday

สองคนสองคม เส้นทางเลือกที่ยากบรรจบ

26 พฤษภาคม 2562

หลังจากนี้"บิ๊กตู่"จะไม่สามารถทำอะไรได้ง่ายดั่งใจคิด เพราะด้วยจำนวนเสียงสภาคอยค้ำจุนมีความน่าหวาดเสียวตลอดเวลาพร้อมจะเทไปทางไหนเมื่อไหร่ก็ได้ และมี"ประธานสภาฯ" ที่ได้มาอย่างมีชั้นเชิงจากประชาธิปัตย์

หลังจากนี้"บิ๊กตู่"จะไม่สามารถทำอะไรได้ดั่งใจคิด เพราะด้วยจำนวนเสียงสภาคอยค้ำจุนมีความน่าหวาดเสียวตลอดเวลาพร้อมจะเทไปทางไหนเมื่อไหร่ก็ได้ และมี"ประธานสภาฯ" ที่ได้มาอย่างมีชั้นเชิงจากประชาธิปัตย์

................

โดย อสนีบาต

...ในที่สุดการลงคะแนนเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นอันเรียบร้อย โดย ชวน หลีกภัย ส.ส.หลายสมัยของพรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม ได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาฯตามคาด ด้วยคะแนนเสียง 258 เสียงต่อ 235 เสียง

…พึงพิจารณาคะแนนเลือกประธานสภาฯ สื่อสัญญาณไปถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่จะมีขึ้นเร็วๆนี้เช่นกัน

เดิมพรรคพลังประชารัฐร่วมกับพรรคเครือข่ายรวบรวมเสียงไว้ได้ 253 เสียง แต่จากการลงคะแนนเลือกประธานสภาฯกลับมีเสียงงอกเข้ามาอีก โดยฝ่ายเพื่อไทยออกมายอมรับ 7 พรรคพันธมิตรแปรพักตร์เป็นงูเห่าร่วมสนับสนุน"ชวน"เป็นประธานสภา ซึ่งก็ต้องไปรับผิดชอบร่วมกัน

...ขั้นตอนต่อไปเมื่อมีการนำชื่อประธานสภาฯและรองประธานสภาฯคนที่หนึ่งและสองขึ้นทูลเกล้าฯ และโปรดเกล้าฯ ตำแหน่งประธานสภาฯและรองประธานสภาฯ ลงมา

ประธานสภาฯ จะได้เรียกประชุมรัฐสภาเพื่อเลือก "นายกรัฐมนตรี" และก็คงไม่มีอะไรผิดพลาด ในเมื่อการประลองกำลังยกแรกจากการเลือกประธานสภาฯ ระหว่างพรรคสืบทอดอำนาจกับพรรคอ้างว่าปกป้องประชาธิปไตย ฝ่ายพรรคสืบทอดอำนาจได้คะแนนมาถึง 258 เสียง โดยมีงูเห่าเฉพาะกิจเพิ่มเข้ามาด้วย เมื่อบวกกับสว. 250 คน ตบเท้าพร้อมใจไว้ล่วงหน้า

จึงเป็นความชัดเจนยิ่งกว่าจอฟูลเฮชดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แน่นอน

...ครานี้ หันมาติดตามระบบการทำงานระหว่างประมุขสองฝ่าย นับว่าเต็มไปด้วยหมากกลลึกล้ำเหนือกำหนด สร้างความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ....

...คนหนึ่งเคยเป็นนายกฯคนที่20 สองสมัย สุภาพบุรุษการเมืองผู้ได้รับฉายาใบมีดโกนอาบน้ำผึ้ง

ตลอดระยะเวลาการเป็นผู้นำบริหารประเทศและการทำหน้าที่ส.ส.ในสภา ด้วยลีลาลุ่มลึกยึดถือหลักการเป็นที่ตั้ง แฝงด้วยวาทกรรมเชือดเฉือนส.ส.มานักต่อนัก 

ยิ่งมาเจอสภาสภาชุดร้อยพ่อพันธุ์แม่ มีทั้งนักการเมืองรุ่นเก่า รุ่นใหม่ ประดาพวกอยากลองของก็มีให้เห็นกันตั้งแต่ก่อนเข้าสภาแล้ว จึงต้องได้มือกฎหมายขั้นเทพที่มีประสบการณ์โชกโชนแบบนี้หล่ะ ในการคุมเกมทั้งปวง

“ชวน”อยู่ในตำแหน่งสำคัญมากมาย แต่สำหรับครั้งนี้มีความหมายอย่างยิ่ง เพราะเป็นตำแหน่ง"ประธานสภาฯสมัยสอง"ในบั้นปลายชีวิต แม้ชวนจะบอกว่าตำแหน่งนี้ไม่ได้อยู่ในโควต้าไม่มีการต่อรอง

ต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความพยายามในการยึดเก้าอี้ประธานสภาให้สำเร็จก็หวังผลไปถึงการสร้างแบรนด์พรรคให้โลกรู้ว่า ยังเป็นพรรคที่ไมไ่ด้สนับสนุนการสืบทอดอำนาจแต่เป็นพรรคที่ผดุงรักษาไว้ซึ่งระบบรัฐสภา

…อีกคนหนึ่ง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้เคยเป็นผบ.ทบ. โดดเด่นด้วยอารมณ์อันฉุนเฉียว หนักแน่น กล้าตัดสินใจเข้ามายุติศึกความขัดแย้งทางการเมือง จนได้เป็น"หัวหน้าคสช." เป็นนายกฯเฉพาะกิจ และกำลังเป็น"นายกฯ คนที่ 30"

ตลอดระยะเวลาห้าปีของการบริหารประเทศ ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จริงอยู่ที่นโยบายต่างๆผลิดอกออกผลเป็นผลงานมากกมาย

แต่ผลงานที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ล้วนอาศัยเครื่องมือจากพลังวิเศษมาตรา 44 และมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่เป็นสภาแต่งตั้งพร้อมยกมือพรึ่บราวฝักถั่วเหมือนสว.ชุดปัจจุบันได้ตลอดเวลา แถมปราศจาการตรวจสอบฝ่ายบริหารอย่างจริงจัง

…กล่าวกันตรงๆไม่ต้องอ้อมค้อม สภาพการณ์ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ คุมกลไกบริหาร นิติบัญญัติได้อย่างเบ็ดเสร็จด้วยความเป็นรัฐบาลพลังพิเศษเฉพาะกิจ

แต่หลังจากนี้จะไม่เหมือนก่อน ไม่มีสนช.ฝักถั่วคอยหนุนนำ”บิ๊กตู่” ไม่มีมาตรา 44 คอยปล่อยพลังอินฟินีตี้เนรมิตได้ทุกสิ่งสรรพอีกต่อไป

จากนี้จะถูกแทนที่ด้วยรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มีสภาอันทรงเกียรติที่มีจำนวนเสียงอันน่าหวาดเสียว ประการสำคัญ มีประธานสภาฯ จากประชาธิปัตย์ส่งเข้าประกวด ซึ่งได้มาอย่างมีชั้นเชิงในเกมการต่อรอง

………………….

...การเมืองคือเรื่องของการเจรจาต่อรองผลประโยชน์ให้ลงต้ว ซึ่งครั้งนี้เป็นความลงตัวที่ไม่ลงตัวของ"พปชร. " พรรคเกิดใหม่ที่อุดมด้วยนักการเมืองรุ่นเก่า นักการเมืองที่เคยได้ดิบได้ดีในยุคทักษิโณมิกส์รวมถึงนายทุนเจือสม พร้อมกับแต่งแต้มด้วยสีลายพรางเข้าไปอีก

จึงต้องยึดหลัก "คว้าอะไรได้ต้องคว้าไว้ก่อน ยอมอะไรได้ก็ต้องยอมไปก่อน"

ส่วนการเมืองของ "ปชป." ผ่านร้อนผ่านหนาวกลเกมต่อรองมาหลายยุคสมัย สามารถพลิกพลิ้วจากความเสียเปรียบให้ได้เปรียบ โดยอาศัยวาทกรรมอันสวยหรูสร้างความดูดีมีราคาว่าเป็นพรรคที่ต้องรักษาศักดิ์ศรียึดถือระบบรัฐสภามาโดยตลอด

และครั้งนี้ผลจากการชิงเก้าอี้ประธานสภามาไว้ในกำมือ อย่างน้อยก็ได้บทท่องจำเอาไปโพทนายันลูกบวช  “เราเป็นพรรคที่ยึดถือระบบรัฐสภา นิติบัญญัติ -บริหาร แยกออกจากกัน" เป็นข้อความสุดหล่ออยู่ไม่น้อย 

ฉนั้นการได้มาซึ่ง ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จึงอยู่บนเส้นทางเลือกที่ยากบรรจบกันได้ 

ทันทีที่ฝ่ายบริหาร และนิติบัญญัติเริ่มปฏิบัติหน้าที่ "ชวน"ให้จดสมุดบันทึกติดตามฝีมือการทำงานของทั้งสองคนสองคมกันให้ดี จะนำพาบ้านเมืองไปได้ไกลสักแค่ไหน