posttoday

ถอดรหัสครม.ใหม่'บิ๊กตู่'โชว์เบ็ดเสร็จกินรวบ'สามมิตร-พรรคร่วม'

10 กรกฎาคม 2562

โฉมหน้าครม.เป็นไปตามโผ"บิ๊กตู่"โชว์อำนาจเบ็ดเสร็จคุมกองทัพลดบาทแกนนำพปชร.จัดแถวพรรคร่วมสู้ศึกเสียงปริ่มน้ำ

โฉมหน้าครม.เป็นไปตามโผ"บิ๊กตู่"โชว์อำนาจเบ็ดเสร็จคุมกองทัพลดบาทแกนนำพปชร.จัดแถวพรรคร่วมสู้ศึกเสียงปริ่มน้ำ

รายชื่อคณะรัฐมนตรี 35 คน ประกาศออกมาเรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามโผก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่าการจัดครม.ครั้งนี้ "บิ๊กตู่"คุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ยึดทั้งกองทัพ ลดบทบาทแกนนำพลังประชารัฐและขี่พรรคร่วมรัฐบาล

ทั้งนี้ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ นั่งเป็นนายกรัฐมนตรีควบรมว.กลาโหม นั้นก็เพื่อเอากองทัพมาอยู่ในมือ ไม่ให้ถูกมองว่าขาลอย เพราะกองทัพถือเป็นส่วนสำคัญในการค้ำรัฐบาลให้มีเสถียรภาพที่มั่นคงแข็งแรง ยิ่งในสภาวะที่รัฐบาลนี้มีเสียงปริ่มน้ำและมีความเปราะบางเช่นนี้ ยิ่งต้องทำให้เห็นว่าผู้นำรัฐบาลเป็นหนึ่งเดียวกับกองทัพเท่านั้น ถึงจะสร้างความเชื่อมั่นเชื่อถือได้

แม้จะไม่มีภาพของความขัดแย้ง ระหว่าง"บิ๊กตู่"กับ"บิ๊กป้อม"ระหว่าง 5ปีที่อยู่ร่วมกันมา แต่เมื่อมาถึงยุคที่ผ่านการเลือกตั้งและไม่มีมาตรา 44 คุมกันแล้วก็จำเป็นอย่างยิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องเอาอำนาจทางทหารมาทดแทนอำนาจในฐานะหัวหน้าคสช.ที่หายไป เพื่อเดินหน้าในการบริหารประเทศอย่างมั่นคง เพระถ้าอำนาจทางทหารยังอยู่กับบิ๊กป้อมจะทำให้"บิ๊กตู่"ดูไร้พลัง เพราะถูกมองว่าต้องพึ่งพิง"บิ๊กป้อม"ตลอดเวลาซึ่งอาจจะนำมาสู่ความหวาดระแวงต่อกันได้โดยเฉพาะในหมู่คนใกล้ชิด

ถอดรหัสครม.ใหม่'บิ๊กตู่'โชว์เบ็ดเสร็จกินรวบ'สามมิตร-พรรคร่วม'

นอกจากเอากองทัพมาอยู่ในมือแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำที่เข็มแข็งด้วยการไม่ยอมทำตามคำขู่"กลุ่มสามมิตร"ในพรรคพลังประชารัฐ ที่ต่อรองตำแหน่งให้ "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" เป็นรมว.พลังงาน "อนุชา นาคาศัย" เป็นรมช.คลัง ด้วยการขู่จะทบทวนการร่วมรัฐบาล แต่ผลที่ออกมา กลุ่มสามมิตร ได้เป็นรัฐมนตรีเพียง สองคน คือ "สุริยะ" เป็นรมว.อุตสาหกรรม "สมศักดิ์" เทพสุทิน เป็นรมว.ยุติธรรม ส่วน "อนุชา" ไร้วาสนาเก้าอี้รัฐมนตรี

ในขณะที่เก้าอี้ รมว.พลังงาน ตกเป็นของ "สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์" เลขาธิการพรรค ซึ่งทั้งหมดนี้ย่อมแสดงให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ เอาอยู่ จนกลุ่มสามมิตรต้องยอมศิโรราบไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไร ซึ่งเท่ากับเป็นการลดบทบาทแกนนำกลุ่มต่างๆของพรรคพลังประชารัฐลงไปด้วย

เท่านั้นยังไม่พอ "บิ๊กตู่"ยังเดินเกมเหนือชั้น ด้วยการส่งรัฐมนตรีในพรรคพลังประชารัฐมาคุมพรรคร่วมรัฐบาลอีกชั้นหนึ่งในกระทรวงสำคัญๆอย่างรมว.เกษตรฯและรมว.คมนาคม โดย กระทรวงเกษตรฯ แม้ จะยกให้ "เฉลิมชัย ศรีอ่อน" เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นรมว.เกษตรฯ แต่ได้จัดรัฐมนตรีช่วยมาแบ่งงานไปถึง 3 คนซึ่งถือว่าเป็นกระทรวงที่มีรัฐมนตรีช่วยมากที่สุด คือ "มนัญญา ไทยเศรษฐ์" จากพรรคภูมิใจไทย "ประภัตร โพธสุธน" พรรคชาติไทยพัฒนา และท้ายสุด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งถูกส่งมาเป็นคนสุดท้ายเพื่อคุมพรรคร่วมทั้งหมด โดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของผู้กองธรรมนัส ที่สังคมขุดคุ้ยเพื่อสกัดก่อนหน้านี้

ขณะที่กระทรวงคมนาคม ซึ่งถูกยกให้เป็นโควต้าภูมิใจไทย โดย "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เป็นรมว.คมนาคม แต่มีรัฐมนตรีช่วยถึง 2คน คือ "อธิรัฐ รัตนเศรษฐ"รมช.คมนาคม จากพรรคพลังประชารัฐ ลูกชายนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และ นายถาวร เสนเนียม จากพรรคประชาธิปัตย์

งานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะนำพารัฐบาลเรือเหล็กชุดเสียงปริ่มน้ำไปได้นานแค่ไหนท่ามกลางคลื่นลมการเมืองที่รุนแรง อีกไม่นานรู้กัน