เจน รัสเซลล์ ปิดฉากตำนานเซ็กบอมบ์
ถ้าหากว่าโลกคือเวทีละครโรงใหญ่ ชีวิตของ เจน รัสเซลล์ ก็คือตัวละครเอกผู้โดดเด่น และพรั่งพร้อมด้วยรูปโฉมทรัพย์สมบัติ พาให้ผู้คนที่รู้จักและแวดล้อมริษยาในความสุขที่มี ใครไหนเลยจะกล้าคาดคิดว่า แท้จริงแล้ว หญิงสาวก๋ากั่น กับรอยยิ้มเชิญชวน สมฉายา “เทพธิดาดาวยั่ว” ผู้ซึ่งเพิ่งปิดฉากรูดม่านชีวิตในวัย 89 ปีผู้นี้ จะมีตัวตนที่แตกต่างจากหญิงสาวที่หลายคนจินตนาการถึง
ถ้าหากว่าโลกคือเวทีละครโรงใหญ่ ชีวิตของ เจน รัสเซลล์ ก็คือตัวละครเอกผู้โดดเด่น และพรั่งพร้อมด้วยรูปโฉมทรัพย์สมบัติ พาให้ผู้คนที่รู้จักและแวดล้อมริษยาในความสุขที่มี ใครไหนเลยจะกล้าคาดคิดว่า แท้จริงแล้ว หญิงสาวก๋ากั่น กับรอยยิ้มเชิญชวน สมฉายา “เทพธิดาดาวยั่ว” ผู้ซึ่งเพิ่งปิดฉากรูดม่านชีวิตในวัย 89 ปีผู้นี้ จะมีตัวตนที่แตกต่างจากหญิงสาวที่หลายคนจินตนาการถึง
สำหรับคอภาพยนตร์ฮอลลีวูดในยุคแรกๆ ภาพแรกที่นึกถึงเมื่อเอ่ยชื่อสาวงามนาม เจนรัสเซลล์ คือ ภาพหญิงสาวในชุดเสื้อสีขาวคว้านลึกถึงร่องอก เอนกายท้าทายสายตาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่บนกองฟาง แขนข้างหนึ่งเสยเข้าไปในเรือนผมหนาสีดำสนิท ขณะที่แขนอีกข้างกำปืนพกไว้ในมือ เป็นภาพเซ็กซี่สุดคลาสสิกจากภาพยนตร์เรื่อง “The Outlaw” ที่สร้างชื่อดันให้รัสเซลล์กลายเป็นเซ็กซิมโบลแห่งยุค เทียบขั้นสาวผมบลอนซ์สุดเซ็กซี่อย่าง มาริลีน มอนโร พร้อมเปลี่ยนแปลงชีวิตของ เจน รัสเซลล์ ไปตลอดกาล จนครั้งหนึ่งรัสเซลล์เคยให้ข้อสังเกตว่า
“ชีวิตช่างเลวร้าย หากว่าคุณไม่ใช่ในสิ่งที่สาธารณชนอยากให้เป็น”
การก้าวเข้ามาของดวงดาว
เออร์เนสไทน์ เจน เจอรัลดีน รัสเซลล์ (Ernestine Jane Geraldine Russell) เกิดเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 1921 ในเมืองมินนิโซตา สหรัฐ ภายในครอบครัวชนชั้นกลางสุดแสนธรรมดาที่มีคุณพ่อเป็นนายทหารชั้นร้อยโท และคุณแม่ซึ่งทำงานเล็กๆ ในแวดวงนักแสดง ส่งผลให้รัสเซลล์เป็นคนสมถะ และเป็นคริสเตียนที่เคร่งครัด รวมทั้งเป็นพวกอนุรักษนิยมที่สนับสนุนพรรครีพับลิกันอย่างเหนียวแน่น
รัสเซลล์เริ่มต้นหน้าที่การงานด้วยอาชีพผู้ช่วยหมอรักษาเท้า และรับจ๊อบเป็นนางแบบให้กับสินค้าต่างๆ ในบางโอกาส ก่อนก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงในปี 1940 จากการเข้าร่วมอบรมการละครกับ แมกซ์ เรนฮาร์ด จนได้เป็นลูกศิษย์ของนักแสดงสาวในตำนานอย่าง มาเรีย อูสเปนสกายา
ไม่นานนัก ภาพถ่ายของรัสเซลล์ก็ไปเตะตา โฮวาร์ด ฮิวจ์ มหาเศรษฐีนิสัยประหลาดผู้พิสมัยการขับเครื่องบินเข้า และได้ชักชวนให้รัสเซลล์เข้าร่วมแสดงในภาพยนตร์สไตล์คาวบอยเรื่อง “Billy the Kid” ซึ่งฮิวจ์ขึ้นแท่นเป็นผู้กำกับ
ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวใช้เวลาถ่ายทำและตัดต่อร่วม 9 เดือน และเป็นที่ฮือฮาอย่างมากด้วยภาพโฆษณาที่ฮิวจ์จงใจเน้นให้เนินอกอวบอิ่มของรัสเซลล์เป็นจุดขายดึงดูดสายตาสาธารณชน ส่งผลให้กองเซ็นเซอร์สั่งห้ามเผยแพร่ภาพยนตร์เรื่องนี้ทันทีที่เข้าฉายในปี 1941 ด้วยเหตุผลว่า หน้าอกของรัสเซลล์เป็นอันตรายกับศีลธรรมจรรยาของสังคม แถมหนึ่งในคณะกรรมการกองเซ็นเซอร์ยังตั้งข้อสังเกตว่า ภาพหน้าอกของรัสเซลล์ที่ปรากฏในเรื่องบ่อยครั้งให้ความรู้สึกราวกับผืนดินที่โอบล้อมด้วยสายฟ้าฟาด แต่ท้ายที่สุดภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวได้เข้าฉายในปี 1946
แม้จะไม่ได้ฉายในทันที แต่ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวได้ทำให้ชื่อของ เจน รัสเซลล์ เฉิดฉายขึ้นมาในฐานะเซ็กซี่ตัวแม่แห่งวงการฮอลลีวูด
ในฐานะนักแสดง เจน รัสเซลล์ ได้รับคำปรามาสมากมายจากนักวิจารณ์ว่า มีฝีมือเป็นได้แค่ถุงกระดาษแข็งๆ ก่อนที่รัสเซลล์จะลบคำสบประมาทนั้นด้วยผลงานเรื่อง “The Palace” ที่เล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติในบทบาทตลกสาวปัญญาชน และเข้าขาได้ดีกับ บ๊อบ โฮป นักแสดงนำของเรื่อง ส่งผลให้รัสเซลล์ได้ค้นพบพรสวรรค์ในฐานะนักแสดงตลกน่ารักแต่ไม่ไร้สมอง และมีโอกาสได้ประกบคู่กับ โรเบิร์ต มิตชัม ในเรื่อง “His Kind of Woman” และแฟรงก์ ซินาตรา ในเรื่อง “Double Dynamite” โดยรัสเซลล์ไม่เพียงแต่เป็นเจ้าของรูปร่างที่อวบอัดรัดรึงใจชายเท่านั้น แต่รัสเซลล์ยังเป็นสาวผู้มาพร้อมกับเสียงร้องไพเราะหวานปานระฆังแก้วที่เขย่าหัวใจชายให้ยอมสยบ
อย่างไรก็ตาม ผลงานที่สร้างชื่อให้รัสเซลล์และผลักดันให้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดคือการประกบคู่กับสาวเซ็กซี่มาดมั่นมาแรงเจ้าของเรือนผมบลอนซ์ทรงเสน่ห์อย่าง มาริลีน มอนโร ในภาพยนตร์เรื่อง “Gentlemen Prefer Blondes” โดยรัสเซลล์ได้รับค่าตัวสูงถึง 4 แสนเหรียญสหรัฐ ในขณะที่มอนโรได้เพียง 1.5 หมื่นเหรียญสหรัฐเท่านั้น
สาวงามอาภัพรัก
แม้ว่าหน้าที่การงานของรัสเซลล์ช่างรุ่งโรจน์ แต่ชีวิตรักและครอบครัวกลับไม่ได้สวยหรูราวเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ รัสเซลล์ตั้งครรภ์ครั้งแรกกับ บ๊อบ วอเตอร์ฟิลด์ นักกีฬาอเมริกันฟุตบอลโรงเรียน แม้ว่าภายหลังทั้งคู่จะได้แต่งงานอยู่กินเป็นสามีภรรยากัน แต่ด้วยวัยเพียง 18 ปี และอาชีพในวงการบันเทิงเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ทำให้รัสเซลล์ตัดสินใจเข้าคลินิกเถื่อนเพื่อทำแท้ง และนั่นส่งผลให้รัสเซลล์ไม่สามารถมีลูกได้ตลอดชีวิต
“ฉันเชื่อว่านั่นเป็นทัณฑ์ที่ฉันได้รับจากบาปที่ได้ก่อไว้ ฉันเชื่อว่าการทำแท้งคือบาปมหันต์ไม่ว่าทารกคนนั้นจะมาจากการข่มขืนก็ตาม”
ระหว่าง 25 ปี ที่ครองคู่กับวอเตอร์ฟิลด์รัสเซลล์ได้รับอุปการะเด็ก 3 คน โดยเป็นเด็กหญิง 1 คน ทว่า การแต่งงานครั้งแรกของรัสเซลล์จบลงด้วยการหย่าร้างในปี 1968 หลังจากนั้นไม่นานในปีเดียวกัน รัสเซลล์ได้แต่งงานใหม่กับ โรเจอร์ บาแรตต์ นักแสดงละครเวที ก่อนที่ฝ่ายชายจะด่วนสิ้นใจเพียง 3 เดือน หลังจากงานแต่งงาน
เจน รัสเซลล์ แต่งงานเป็นครั้งที่ 3 กับนายพันอากาศกองทัพสหรัฐ หนนี้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันยาวนานถึง 25 ปี ก่อนที่ฝ่ายชายจะเสียชีวิตลงในปี 1999
จากดาวยั่วเหลวแหลกสู่นักกิจกรรม
การกุศล
ในห้วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ ชีวิตของเจน รัสเซลล์ เปรียบได้ราวกับดาวฤกษ์ที่เปล่งรัศมีสดใส เพราะหญิงสาวได้กลายเป็นที่คลั่งไคล้ใฝ่หาของชายหนุ่มทุกผู้ทุกนาม ทว่า รัสเซลล์เองกลับไม่สามารถใช้สิ่งเหล่านั้นเติมเต็มชีวิตให้มีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น จนต้องหันหน้าพึ่งพาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท จากเทพธิดาดาวโป๊ เลยมีอันต้องกลายเป็นเมรีขี้เมา
เจน รัสเซลล์ มีอาการติดเหล้าอย่างหนัก ท้ายที่สุดในปี 1978 รัสเซลล์ต้องนอนคุกเป็นเวลากว่า 96 ชั่วโมง ในข้อหาเมาแล้วขับ ก่อนได้รับการประกันตัว หลังจากนั้นรัสเซลล์ได้ให้สัตย์สาบานว่าจะเลิกแตะต้องเหล้าชั่วชีวิต และก็ทำได้สำเร็จ
ด้วยปัญหาที่เคยพบเจอมาตอนเป็นวัยรุ่นทำให้รัสเซลล์ใช้ประสบการณ์ที่มีบำเพ็ญประโยชน์ให้กับสังคม สร้างสรรค์ผลงานละครให้กับชุมชน เข้าร่วมกับกลุ่มนักร้องประสานเสียงในโบสถ์ และเป็นตัวตั้งตัวตีในการก่อตั้งกองทุนอุปการะเด็กนานาชาติ ตลอดจนก่อตั้งกลุ่มเรียนศาสนาคริสต์ที่บ้าน
ในช่วงบั้นปลายชีวิต เจน รัสเซลล์ เป็นที่ชื่นชมในฐานะสาวสวยสมวัยที่เผชิญหน้ากับความชราอย่างกล้าหาญ แม้ว่ารัสเซลล์จะต้องเจ็บปวดจากอาการเซลล์ลูกตาเสื่อม และต้องพึ่งพาเครื่องช่วยฟังตลอดเวลา ก่อนจบชีวิตลงอย่างสงบในบ้านพักในเมืองซานตา มาเรีย แคลิฟอร์เนีย บ้านที่รัสเซลล์ย้ายมาอยู่หลังจากที่สามีคนที่สามเสียชีวิต เพื่อใช้เวลาอยู่ร่วมกับลูกชายคนเล็กจวบจนวาระสุดท้าย
แบบฉบับของสาวในฝัน
แม้ว่าผลงานภาพยนตร์ทั้ง 24 เรื่อง จะไม่เป็นที่กล่าวขวัญถึง แต่ชื่อของ เจน รัสเซลล์ กลับเป็นที่จดจำในฐานะหนึ่งในหกดาวยั่วแห่งประวัติศาสตร์ภาพยนตร์เทียบชั้นได้กับ จีนฮาร์โลว์ แม เวสต์ เบตตี แกรเบล ริตา เฮย์เวิร์ต และมาริลีน มอนโร พร้อมทั้งได้รับเลือกให้เป็นเทพีตลอดกาลของวงการภาพยนตร์ที่ผู้คนต้องระลึกถึงอยู่เสมอ


