posttoday

บทเพลงชั่วนิรันดร์

30 มกราคม 2554

ผมคิดว่ายังมีผู้คนอีกมากมายที่จากไปโดยไม่ได้ร่ำลาคนที่รัก ไม่มีบทสดุดี ไม่มีบทเพลงที่เล่นอย่างอ้อยสร้อย ทั้งที่วีรกรรมของพวกเขานั้นใหญ่ยิ่งนัก

ผมคิดว่ายังมีผู้คนอีกมากมายที่จากไปโดยไม่ได้ร่ำลาคนที่รัก ไม่มีบทสดุดี ไม่มีบทเพลงที่เล่นอย่างอ้อยสร้อย ทั้งที่วีรกรรมของพวกเขานั้นใหญ่ยิ่งนัก

โดย...ปราฎา เหมทิวากร

คืนแห่งการรำลึกถึงโอเปราร็อกเกอร์ระดับตำนาน “เฟรดี้ เมอคิวรี” แห่งวงควีน ถูกบันทึกไว้ว่าเป็นมหรสพทางดนตรี คลาสสิกที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์

คอนเสิร์ตที่สนามเวมบลีย์ เมื่อปี 1992 มีผู้ชมจากทุกมุมโลกมาร่วมส่งดวงวิญญาณเฟรดี้ด้วยเสียงเพลงมากกว่า 1 แสนคน

ขณะที่บทเพลงแห่งการร่ำลา เจ้าหญิงไดอานา เมื่อ 14 ปีก่อน ของเปียโนแมน เอลตัน จอห์น ในมหาวิหารเวสมินสตัน

...เสียงอินโทรเศร้าๆ นั้นยังก้องกังวานอยู่ในหัวใจคนทั้งโลก ก่อนที่ท่อนแรกของเพลง Candle In The Wind จะเอื้อนเอ่ยว่า “ลาก่อน กุหลาบแห่งอังกฤษ”

**********************

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมพยายามหาข้อมูลว่า คนแต่ละเชื้อชาติ แต่ละศาสนา หรือวัฒนธรรม เค้ามีวิธีส่งผ่านความรู้สึกโศกเศร้ากันอย่างไร

หรือแม้แต่วิธีการร่ำลาของมนุษย์ปุถุชน ที่ต้องพูด ต้องเห็น ต้องเป็น กันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มันมีความต่าง-แตก ตามแขนงของวิถีชีวิตหรือไม่

 

บทเพลงชั่วนิรันดร์

สรรพสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าเขา-ลำเนาไพร สายน้ำ หรือหมู่นกกา มีพิธีไว้อาลัยให้กับความผูกพันทางจิตวิญญาณบ้างหรือเปล่า

แต่ข้อมูลที่ค้นหาก็ยังคงไม่ปรากฏให้เห็นมากนัก ...

ยังไม่มีนักประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ นักโบราณคดี นักสัตววิทยา กีฏวิทยา หรือแม้แต่นักดูนก มาสนใจเกี่ยวกับวิธีการทอดอาลัยนี้อย่างจริงๆ จังๆ

แม้เราไม่อาจตีราคาว่าการอำลาแบบใดมีความหมายหรือกินใจมากกว่ากัน แต่พิธีกรรมเหล่านี้ก็เพียงเครื่องสะท้อนว่า ยามที่มีลมหายใจ คนคนนั้นมีคุณค่า ความหมายต่อชีวิตของผู้อื่นอย่างไรบ้าง

เฟรดี้ เมอคิวรี ส่งผ่านความหมายของชีวิตในแง่ที่งดงามเอาไว้ในเพลง Love of my life ก่อนที่เขาจะออกตามหาความรักชั่วนิรันดร์

“โอ...ความรักของฉัน ได้โปรดอย่าพรากไป
เธอเข้ามาฉกฉวย, และทิ้งขว้างอย่างไร้ค่า
ความรักแห่งชีวิต...เธอเห็นมันหรือไม่
โปรดกลับคืนมา...นำความรักกลับมา
อย่าให้หนีหายไปจากใจดวงนี้

เพราะเธอไม่รู้หรอกว่า มันมีความหมายกับฉันมากเพียงใด”

ใช่ครับ เราไม่รู้หรอกว่าคนที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับนั้น มีความหมายกับคนที่ยังมีลมหายใจอยู่มาก

**********************

กว่า 20 ปีก่อน นิพพานฯ เขียนลำนำบอกเล่าจิตใต้สำนึกเสรีชนในหนังสือ “หากแม้นจะเอ่ยนามแห่งความรัก”

บทที่กล่าวถึงความงดงามแห่งการใช้ชีวิตอย่างรู้คุณค่า เป็นถ้อยคำระหว่างบรรทัดที่โดนใจ

“ชีวิตเอย---
เฉยเชือนเลื่อนลอยอยู่ไฉน
ครวญคร่ำร่ำหาค่าสิ่งใด
ผิว์ฤทัยมิรู้ซึ้งซึ่งความรัก
มณีนี้มีเพียงดวงเดียว
ถ้าเพียงเสี้ยวหนึ่งไม่รู้จัก
จะซึ้งค่ามหาศาลก็ยากนัก
แม้ถึงกาลหยุดพักชั่วนิรันดร์”

นิพพานฯ ยังได้สร้างแรงบันดาลใจในการมีชีวิตอยู่อย่างมีความหมายในบทที่พูดถึง “ความฝัน”

“...ในวันสายหมอกโบกโบยแห่งฤดูหนาว
ดวงตะวันขยับกายเหนือแนวป่า
โอบแขนครอบคลุมกาลเวลา
สัมผัสแผ่วเปลือกตาของหญิงสาว

‘ตื่นจากหลับฝันเถิดสาวน้อย
อย่าล่องลอยเคลิ้มไปกับความฝัน
ราตรีคล้อยเคลื่อนมาสู่วัน
เทพบุตรจะรอสั่นระฆังทอง’
หญิงสาวบอกเล่าความฝันแก่ดวงตะวัน

‘ข้าฝันว่าได้เป็นนางฟ้า
ห่มคลุมกายาด้วยดอกไม้
โบยบินท่องเที่ยวสู่แดนไกล
โอบอุ้มผู้ยากไร้ให้พ้นทุกข์’”

ในชีวิตจริงแล้วมีบางคนที่สามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายได้ แต่ก็ไม่ ...เพราะคนเหล่านี้ต้องการโอบอุ้มดูแลผู้ห่างไกลให้พ้นทุกข์

**********************

การเสียชีวิตของ ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ ซึ่งถูกคนร้ายบุกโจมตีจนเสียชีวิตที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส สะเทือนใจคนไทยยิ่งนัก

ยิ่งบิดาของ ร.อ.กฤช ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกภูมิใจที่ลูกชายได้ตายอย่างสมเกียรติชายชาติทหาร ยิ่งรู้สึกเศร้าใจและระลึกถึงคนที่จากไปมากขึ้น

อย่างที่บอกว่า พิธีกรรมของการจากลานั้นจะมีความหมายก็ต่อเมื่อผู้คนรู้สึกถึงคุณค่าในยามที่เขามีชีวิตอยู่

มิใช่ความรวย มิใช่ความจน มิใช่ยศฐาบรรดาศักดิ์ แต่เป็นสิ่งที่เขาได้ทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น นั่นคือมอบความรักให้กับผืนแผ่นดิน

ในพิธีส่งศพของ ร.อ.กฤช ทางกองทัพมีการอ่าน “สดุดีวีรกรรม” ของทหารกล้าที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ท่ามกลางญาติพี่น้องและเพื่อนทหาร

บทสดุดีนั้นบอกว่า

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับว่าทุกท่านได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อนทหาร ข้าราชการและประชาชนทุกหมู่เหล่า ขอไว้อาลัยแด่ดวงวิญญาณของผู้กล้าทั้ง 3 นายที่ล่วงลับไปสู่ปรโลก

... โปรดรับรู้ไว้ว่าพวกเราเหล่านักรบไทยในสมรภูมิยังแกล้วกล้าและไม่เคยกลัวต่อความตาย สายเลือดไทยทั้งหลายพร้อมเสมอที่จะสละชีพเป็นชาติพลี เพียงก้าวหนึ่งที่ศัตรูบังอาจย่างเหยียบเข้ามา มิเลือกว่าสถานที่ใด ย่อมร้าวระบมอยู่ทั่วไปแก่ดวงใจของไทยทั้งชาติ”
เราจะลดธงครึ่งเสา หรือจะยืนไว้อาลัยสักกี่นาที ก็ไม่อาจทดแทนความสูญเสียครั้งนี้ได้

ผมคิดว่ายังมีผู้คนอีกมากมายที่จากไปโดยไม่ได้ร่ำลาคนที่รัก ไม่มีบทสดุดี ไม่มีบทเพลงที่เล่นอย่างอ้อยสร้อย

ทั้งที่วีรกรรมของพวกเขานั้นใหญ่ยิ่งนัก

ข่าวล่าสุด

ทองคำพุ่งทำสถิติใหม่ ทะลุ 4,400 ดอลลาร์ครั้งแรก จากคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย