จัดการ ‘เนื้องอกมดลูก’ ไม่ให้กระทบลูกน้อย
ตรวจพบเนื้องอกมดลูกขณะตั้งครรภ์ต้องทำอย่างไรคะ?
เรื่อง พุสดี
ตรวจพบเนื้องอกมดลูกขณะตั้งครรภ์ต้องทำอย่างไรคะ?
ฝากท้องแล้วอัลตราซาวด์พบเนื้องอก จะกระทบต่อการตั้งครรภ์ไหมคะ?
หากผ่าคลอด ให้คุณหมอผ่าเนื้องอกออกพร้อมกันได้หรือเปล่าคะ?
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสารพันความกังวลใจของคุณแม่ หลังตรวจพบปัญหาเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูกขณะตั้งครรภ์ เพราะไม่รู้จะรับมืออย่างไร ปฏิบัติตัวแบบไหน เพื่อให้ลูกน้อยลืมตาดูโลกได้อย่างปลอดภัย ความกังวลใจเหล่านี้จะสลายไปจากคำอธิบายของ พญ.จิตรนพิน ดุลยเกษม สูตินรีแพทย์เวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ โรงพยาบาลเวชธานี
“ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ผู้หญิงเกือบ 50% มีเนื้องอกกล้ามเนื้อ (Leiomyoma หรือ Uterine Fibroid) เพียงแต่อาจจะไม่มีอาการหรือไม่เคยตรวจมาก่อน จึงมักพบเนื้องอกนี้ครั้งแรกเมื่อตรวจอัลตราซาวด์ขณะตั้งครรภ์ ทั้งนี้การอัลตราซาวด์ระหว่างตั้งครรภ์ไตรมาสแรก เป็นช่วงที่สามารถเห็นเนื้องอกในทุกตำแหน่งได้ง่ายที่สุด เนื่องจากมดลูกยังมีขนาดเล็ก เมื่อมดลูกและทารกมีขนาดโตขึ้นตามอายุครรภ์ที่มากขึ้น การอัลตราซาวด์เพื่อตรวจดูก้อนเนื้องอกก็จะค่อนข้างจำกัด”
สำหรับภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น หากมีเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูกขณะตั้งครรภ์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ตำแหน่ง ขนาดของก้อน รวมถึงปัจจัยเสี่ยงเสริมอื่นๆ ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่มีเนื้องอกมดลูกในแต่ละรายจึงมีอาการแสดงและภาวะแทรกซ้อนที่แตกต่างกัน โดยภาวะที่พบได้บ่อย ได้แก่ ก้อนโตเร็วขณะตั้งครรภ์และมีอาการปวด เนื่องจากขณะตั้งครรภ์มีฮอร์โมนสูง ทำให้ก้อนมีขนาดโตขึ้นเร็วและเกิดภาวะเลือดไปเลี้ยงก้อนเนื้องอกไม่เพียงพอ การขาดเลือดทำให้เกิดอาการปวด
ในบางรายก้อนอาจกดเบียดถุงการตั้งครรภ์มักเกิดจากเนื้องอกชนิดที่ยื่นเข้ามาในโพรงมดลูก ซึ่งอาจขัดขวางการฝังตัวของถุงการตั้งครรภ์ในระยะแรก ทำให้แท้งง่าย หรือหากก้อนมีขนาดใหญ่จนโพรงมดลูกบิดเบี้ยวมาก อาจทำให้ทารกในครรภ์มีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหว เกิดภาวะข้อติดหรือผิดรูปตามมา หรืออาจเกิดภาวะทารกโตช้าในครรภ์ มักพบในกรณีที่รกเกาะอยู่ตรงตำแหน่งของเนื้องอก หรือเนื้องอกอยู่ในตำแหน่งที่กดเบียดหลอดเลือดที่มาเลี้ยงมดลูก
นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อภาวะคลอดก่อนกำหนด หากขนาดเนื้องอกมดลูกโตขึ้นมาก อาจทำให้เกิดเจ็บท้องคลอดก่อนกำหนด หรือเกิดภาวะก้อนเนื้องอกขวางทางคลอด ในกรณีที่ก้อนอยู่บริเวณส่วนล่างของมดลูกหรือบริเวณปากมดลูก ทารกไม่สามารถลอดผ่านออกมาได้ จึงทำให้เสียโอกาสคลอดธรรมชาติ เสี่ยงต่อการมีภาวะตกเลือดหลังคลอด เนื่องจากเนื้องอกขัดขวางการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก ทำให้เสียเลือดมากจากภาวะมดลูกไม่หดรัดตัว ต้องตัดมดลูกเพื่อรักษาชีวิตคุณแม่ไว้
สำหรับแนวทางการดูแลตัวเอง หากพบเนื้องอกมดลูกขณะตั้งครรภ์ พญ.จิตรนพิน แนะนำว่า นอกเหนือจากการดูแลครรภ์ตามปกติแล้ว คุณแม่ควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของเนื้องอก หากมีอาการปวดที่ก้อนมากๆ อาจต้องใช้ยาช่วย แต่ไม่ควรซื้อยากินเอง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการจัดยาที่ปลอดภัย หรือหากมีอาการมดลูกหดรัดตัวก่อนกำหนด ต้องรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด โดยอาจต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อยับยั้งการคลอดตามความเหมาะสม นอกจากนี้ คุณแม่ต้องมาฝากครรภ์สม่ำเสมอตามแพทย์นัด เพื่อติดตามสุขภาพของทารก และขนาดของเนื้องอกเป็นระยะ
คุณแม่ที่สงสัยว่ามีเนื้องอกแล้วคลอดเองได้หรือไม่นั้น พญ.จิตรนพิน ตอบชัดว่า หากก้อนเนื้องอกไม่ได้อยู่ในตำแหน่งขวางช่องทางคลอด คุณแม่สามารถคลอดทางช่องคลอดได้เองตามปกติ โดยต้องเฝ้าระวังภาวะตกเลือดหลังคลอด และภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวอย่างใกล้ชิด แต่สำหรับคุณแม่ที่คิดจะผ่าเนื้องอกออกพร้อมกับผ่าคลอด พญ.จิตรนพิน มองว่าขณะตั้งครรภ์มดลูกของคุณแม่จะมีเลือดมาเลี้ยงปริมาณมาก โดยเส้นเลือดที่เคยมีขนาดเล็กจะขยายใหญ่ขึ้น การผ่าตัดจะทำให้เสียเลือดมากซึ่งไม่เป็นผลดี ฉะนั้นแพทย์จึงไม่แนะนำให้ผ่าเนื้องอกออกพร้อมกับผ่าคลอด นอกจากกรณีจำเพาะบางอย่าง เช่น เนื้องอกมดลูกชนิดอยู่ภายนอกที่มีก้านยาว หากทิ้งไว้อาจมีการบิดขั้วภายหลัง เป็นต้น
“ส่วนใหญ่แล้วเนื้องอกมักมีขนาดเล็กลงหลังคลอดแต่ไม่ได้หายไป เพราะไม่มีฮอร์โมนกระตุ้น หากไม่มีอาการของประจำเดือนผิดปกติ และอัลตราซาวด์ติดตามอาการแล้วก้อนไม่โตขึ้น ก็อาจไม่จำเป็นต้องผ่าตัดแต่อย่างใด ทั้งนี้การดูแลตนเองตามที่แพทย์แนะนำ และพบแพทย์เพื่อติดตามสุขภาพของทารกและขนาดของเนื้องอกอย่างสม่ำเสมอตามแพทย์นัด ถือเป็นหัวใจหลักในการรับมือกับภาวะเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูกขณะตั้งครรภ์ได้อย่างมั่นใจ” พญ.จิตรนพิน ทิ้งท้าย


