ซัมบับ อร่อยล้ำคำเดียว
วันนี้เป็นวันดี เราเลยกะจะอาสาพาไปกินอาหารเกาหลีเสียหน่อย
วันนี้เป็นวันดี เราเลยกะจะอาสาพาไปกินอาหารเกาหลีเสียหน่อย
เรื่อง : วุฒิชัย สาสุข / ภาพ : ณัฏฐ์ฐิติ อำไพวรรณ
วันนี้เป็นวันดี เราเลยกะจะอาสาพาไปกินอาหารเกาหลีเสียหน่อย
ไม่ใช่บุงโกกิ (เนื้อย่าง) ไม่ใช่กิมจิจีเก (ซุปกิมจิ) ไม่ใช่บิบิมบับ (ข้าวยำ) “ซัมบับ” รู้จักไหมเอ่ย
หลายคนส่ายหน้า ซัมบับ คืออะไรเหรอ?
อย่าว่าแต่คุณ แรกได้ยินเราเองก็บอดใบ้รับประทานเหมือนกัน เพราะไม่นึกว่าสำรับคนเกาหลีมีเมนูนี้ด้วย
ตามตัวและตรงๆ ความหมายของซัมบับนั้นแปลว่า ข้าวห่อ ซัมคือห่อ ส่วนบับคือข้าว
ซัมบับเป็นอาหารประจำครัวเรือนของคนเกาหลี ทุกบ้านต้องมีไว้เพื่อบ่งบอกถึงรสมือ แต่ไม่มีขายทั่วไป ตามร้านเล็กๆ ที่เห็นในซีรีส์หาซัมบับยากเอาการ ยกเว้นร้านขนาดใหญ่นั่นหาง่าย พลิกเมนูอาจจะอยู่ในลิสต์ หรือบางทีไม่ถูกบรรจุ ก็ถามหาและสั่งได้
หัวใจของซัมบับอยู่ที่ข้าว ขาดข้าวไปไม่สามารถเรียกซัมบับได้เต็มปาก อย่างไรก็ดีถ้าเปลี่ยนจากข้าวเป็นอย่างอื่น ก็จะเรียกชื่อต่างกันไป เช่น ซัมกิมจิ ห่อด้วยกิมจิ ซัมจอนบ๊อก ห่อด้วยหอยเป๋าฮื้อ ซัมมุนโอ ห่อด้วยหมึกพอล (พ่อหมอแห่งเวิลด์คัพ) อูย!!! ไม่ใช่ ห่อด้วยอ๊อกโตปุส หรือหมึกยักษ์
การห่อซัมบับนอกจากข้าวสวย ผักสำหรับใช้ห่อก็สำคัญ “คิมฮันนา” ผู้จัดการห้องอาหารคองจู โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส เล่าว่า ความที่คนเกาหลีชอบกินผัก ผักทุกชนิดจึงสามารถนำมาห่อได้หมด ตามแต่ความชอบ ไม่แบ่งแยก หรือจำเพาะเจาะจงต้องเป็นผักชนิดใดชนิดหนึ่ง
ผักกาดหอม ผักกาดแก้ว ผักกาดขาว กะหล่ำปลี กระทั่งใบฟักทอง ล้วนนำมาซัมได้ทั้งสิ้น แต่ที่ห้องอาหารคองจู ผักกาดหอมกับผักกาดแก้วเป็นที่นิยม บางครั้งก็มีผักตามฤดูกาล เป็นซัมบับที่อินเทรนด์สุดๆ ก้าวเดินไปกับยุคสมัยอย่างสง่างาม
ในหนึ่งคำของซัมบับ อันที่จริงก็ไม่ได้มีแค่ข้าวห่อผักเท่านั้น เนื้อสัตว์กับซอสถือเป็นตัวชูรสที่ทำให้ซัมบับอร่อยยิ่งขึ้น
คิมฮันนา สรุปให้ฟังอย่างรวดเร็ว เนื้อสัตว์ทุกชนิดพร้อมเป็นตัวชูรสทุกเมื่อ จะย่าง ทอด หรือนึ่ง เมื่อโคจรมาเจอกับซอสสีแดงสูตรเฉพาะ “โกชูจัง” รสออกเผ็ดเค็มเปรี้ยว ลงตัวโดยไม่ต้องหาผู้ช่วยเลย
“ไม่มีอะไรตายตัวหรอก ใส่ได้ทุกอย่าง กุ้ง ปลาแซลมอน ปลาชนิดอื่น หมู ไก่ ปลาหมึก เป็ด ทุกอย่างที่คุณชอบ ชอบอะไรก็ใส่ ยิ่งหลายๆ อย่างก็ยิ่งอร่อย”
จะว่าไป ซัมบับของคนเกาหลีก็คล้ายกับเมี่ยงของคนไทย เพียงแต่เครื่องเคราอาจจะผิดแผกแตกต่างกันไป เมี่ยงไทยเครื่องเคียงเยอะกว่า เห็นชัดคือเมี่ยงคำ แค่คำเดียวก็เพียบด้วยเครื่องเคียงนานาสารพัน มะพร้าวคั่ว ถั่วลิสง กุ้งแห้ง มะนาวหั่นทั้งเปลือก ใบชะพลู น้ำอ้อย แต่ซัมบับมีไม่เกิน 34 อย่าง เหยาะซอสก็เป็นอันจบกระบวนความ
ถามถึงรสชาติ ซัมบับอร่อยเพราะความสดของเครื่องเครา ผักต้องสด ล้างสะอาด จะได้ความหวานความกรอบโดยอัตโนมัติ ข้าวสวยหอมๆ เนื้อสัตว์ปรุงอย่างดี บวกกับซอสพิเศษที่มีรสในตัว ความอร่อยจะยิ่งเพิ่มเป็นทวี
ถ้าอยากให้อร่อยสุดๆ ต้องห่อซัมบับเองกับมือ หยิบนั่น ใส่นี่ เหมือนเวลากินเมี่ยงคำไง ห่อเองทั้งสนุกทั้งอร่อย ซัมบับก็คล้ายกัน วางผัก ตักข้าวสวย ท็อปด้วยเนื้อสัตว์ ปิดท้ายที่ซอส คำเดียวอร่อยล้ำ
ที่สำคัญคือ ต้องกินหลายๆ คน จะอร่อยกว่ากินคนเดียว เป็นการสามัคคีชุมนุมความอร่อย ซึ่งภาษาหยาบๆ ก็คือ เยี่ยงกินแบบมีสไตล์ อ่ะไม่งั้นไม่อร่อยจริงๆ ใช่ป่ะ
อ้อ!!! หลังอิ่มจากซัมบับแล้ว แนะนำว่าควรล้างปากด้วย “ซูจองกวา” หรือน้ำอบเชย ที่หอมหวานชื่นใจได้กลิ่นอบเชยอ่อนๆ แซมกลิ่นขิงบางๆ แช่เย็นเจี๊ยบ เสิร์ฟพร้อมเครื่องเครา 3 อย่าง ลูกพลับจีนอบแห้ง พุทราจีนอบแห้ง และเม็ดสน เคี้ยวรวมกัน อร่อยเลิศ
หมายเหตุ
ซัมบับ ที่ห้องอาหารคองจู โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส มีให้กินจนถึงสิ้นเดือน ต.ค.นี้ ส่วนซูจองกวามีเสิร์ฟตลอดทั้งปี


