การศึกษาสงฆ์พม่า เด่นหนึ่งเดียวในโลก
การศึกษาพระปริยัติธรรมของคณะสงฆ์ในสหภาพเมียนมามีความพิเศษเป็นที่ยอมรับว่าไม่มีที่ไหนทำได้
โดย...สมาน สุดโต
การศึกษาพระปริยัติธรรมของคณะสงฆ์ในสหภาพเมียนมามีความพิเศษเป็นที่ยอมรับว่าไม่มีที่ไหนทำได้ กลายเป็นความโดดเด่นซึ่งมีแห่งเดียวในโลก
พระมหาไพโรจน์ ญาณกุสโล ป.ธ. 8 วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กับคณะญาติโยมชาวเมียนมา ได้พาพระภิกษุชาวเมียนมาทั้ง 7 รูป ที่ท่องจำพระไตรปิฎกได้แบบน่าอัศจรรย์มากราบสักการะสมเด็จพระพุทธ
ชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ที่วัดพิชยญาติการาม เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2560 ซึ่งสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ได้ถวายผ้าไตรจีวร และนิมนต์ฉันเพลด้วย
พระมหาไพโรจน์ อยู่เมียนมา 18 ปี เพื่อเรียนพระปริยัติธรรมแบบเมียนมา จึงท่องจำพระวินัยปิฎกได้ ยังขาดพระสุตันตปิฎก และพระอภิธรรรม ได้เป็นล่ามภาษาเมียนมาเล่าถวายสมเด็จพระพุทธชินวงศ์และญาติโยมที่มารักษาศีลที่วัดพิชยญาติการาม ว่า หลักสูตรการท่อง หรือทรงจำพระไตรปิฎกที่เรียนและสอบในเมียนมานั้น เป็นหลักสูตรที่มีแห่งเดียวในโลกเพราะเรียนแบบท่องจำ เมื่อสอบต้องท่องให้กรรมการ 3 ท่านฟัง และสอบข้อเขียนทั้งอรรถกถาและฎีกาอีกต่างหาก
เมื่อสอบผ่านพระสูตร (เฉพาะทีฆนิกาย) พระวินัย และพระอภิธรรม จึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ทรงจำพระไตรปิฎก ปัจจุบันทั่วประเทศเมียนมา มี 14 รูป เพิ่งสอบได้ในปีนี้ 1 รูป ซึ่งรู้ว่าสอบได้เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2560
เมื่อเป็นผู้ทรงจำพระไตรปิฎก จะได้รับการอุปถัมภ์จากรัฐบาลเมียนมาในหลายสถาน เช่น ได้รับนิตยภัต หรือเงินเดือนทุกเดือน เดินทางไปไหนในประเทศเมียนมา ถ้าใช้ยานพาหนะของรัฐบาล ได้รับสิทธิพิเศษไม่ต้องเสียค่าโดยสาร พร้อมทั้งผู้ติดตามอีก 2 คน
ชาวเมียนมานั้นให้เกียรติและยกย่องพระภิกษุผู้ทรงจำพระไตรปิฎกมาก เมื่อพูดเรื่องอะไร ชาวเมียนมาจะยอมรับและเชื่อฟัง เพราะถือว่าเป็นผู้รอบรู้พระพุทธพจน์อย่างดีแล้ว
การมาเมืองไทย ถือว่าเป็นครั้งแรกของพระที่ทรงจำพระไตรปิฎก เมื่อได้ถวายสักการะสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ พระภิกษุสงฆ์ชาวเมียนมาแสดงความพอใจและถือว่าเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ เพราะพระภิกษุสงฆ์ชาวเมียนมาให้ความเคารพและยกย่องสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ประหนึ่งว่าเป็นพระเถระผู้ใหญ่ระดับรองสมเด็จพระสังฆราช
สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ กล่าวต้อนรับด้วยความยินดี และบอกว่า ญาติโยมที่วัดพิชยญาติการาม เมื่อทราบว่าจะได้กราบพระผู้ทรงพระไตรปิฎกพร้อมๆ กัน ทั้ง 7 รูป ก็มีความยินดียิ่งนัก พร้อมทั้งสรรเสริญว่าการได้กราบพระผู้ทรงพระไตรปิฎก ถือว่าเป็นการสักการบูชาผู้ที่ควรบูชา เป็นบุญกุศลที่หาได้ยากอย่างยิ่ง
ข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนการสอนของคณะสงฆ์เมียนมา โดยมีองค์กรที่รับผิดชอบ 2 องค์กร คือ รัฐบาล และสมาคมเอกชน ของรัฐบาลนั้นแบ่งการสอบเป็น 4 ประเภท คือ 1.การสอบส่วนกลาง (ปฐมเปีย) 2.การสอบธรรมจริยะชั้นพิเศษ (มหาธรรมาจริยะ และปาฬิปารคู) 3.การสอบปิฎกธร 4.มหาวิทยาลัย
ส่วนสมาคมเอกชน ซึ่งแบ่งการสอบเป็น 2 ประเภท คือ ก.การสอบของภิกษุเรียกว่า อภิวังสะ และ ข.การสอบของสามเณรเรียกว่า สามเณรจ่อ (สามเณรใจสิงห์)
การสอบของสมาคมเอกชนนั้นจัดในจังหวัดต่างๆ เอกชนที่จัดมีชื่อเสียงนับร้อยปี ได้แก่ เจติยังคณะ และสักยสีหะ ผู้สอบได้จากสมาคมเอกชนจะมีคำลงท้ายว่า อภิวังสะ เหมือนกัน แต่กล่าวกันว่าการสอบภาคเอกชนนี้ยากนัก ปีหนึ่งสอบ 100 รูป จะสอบได้อย่างมาก 5 รูปเท่านั้น
ส่วนการสอบปิฎกธร (ของรัฐบาล) แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
1.ภณนะ คือ ท่องบ่นสาธยายทั้ง 5 นิกาย
2.ลิขนะ คือ ตอบคำถามใน 5 นิกาย ทั้งพระบาลี อรรถกถา ฎีกาและอนุฎีกาได้ทั้งหมด ซึ่งมีคำถาม 12 ข้อ ให้เลือกตอบ 10 ข้อ
ในจำนวนการสอบท่อง 100 รูปนั้น จะมีการสอบได้ตามภาณกะต่างๆ เพียง 20 รูป เป็นอย่างมาก และในจำนวนผู้สอบได้ทั้ง 20 รูปนั้น จะต้องมาสอบข้อเขียนอีก แต่เมื่อเข้ามาสอบข้อเขียนแล้ว จะเหลือที่สอบได้เพียง 2 หรือ 3 รูปเท่านั้น
วิธีสอบ ผู้สอบต้องท่องให้กรรมการ 3 รูป ที่เป็นผู้ชำนาญพระไตรปิฎกฟัง มีบัณฑิตนั่งกางพระไตรปิฎกฉบับบาลีดูขนาบข้างอีก 1 คน พระผู้สอบจะนั่งหันหน้าตรงไปทางพระมหาเถระผู้เป็นประธาน ภายใต้เศวตฉัตรสีขาว 3 ชั้น แล้วก้มศีรษะลงที่หมอนแล้วสวดไปไวๆ แบบสวดปาติโมกข์
เวลาในการสอบท่อง ใช้เวลาเป็นเดือน เพราะมีพระภิกษุสามเณรเข้าสมัครสอบกันมาก บางปีมีจำนวนผู้เข้าสอบถึง 100 รูป ในจำนวนดังกล่าวมีสามเณรเข้าสอบด้วย
ผู้ที่สอบได้ทั้ง 3 ปิฎก เรียกว่า เตปิฎกธระ ธัมมภัณฑาคาริกะ สามารถโดยสารทั้งเรือ รถไฟ รถยนต์ และเครื่องบินชั้น 1 ฟรีทั่วประเทศ พร้อมทั้งศิษย์ผู้ติดตาม 2 คน นอกจากนี้รัฐบาลยังถวายนิตยภัตอีกเดือนละ 1,800 จ๊าด สมัยนั้นเท่ากับเงินไทย 5,400 บาท (จากข้อมูล พ.ศ. 2538)
เป็นข้อมูลเบื้องต้น เพื่อให้ทราบว่าระบการศึกษาของคณะสงฆ์เมียนมาที่เป็นเพื่อนบ้านเขาศึกษากันอย่างไร ทำไมจึงเป็นยูนิค (Unique) หนึ่งเดียวในโลกได้


