posttoday

หัวใจพุทธะ หนังสือดี ที่ชาวพุทธควรอ่าน

08 มกราคม 2560

ในหนึ่งปีผมอ่านหนังสือได้ราวๆ เกือบ 100 เล่ม โดยเฉพาะหนังสือที่เกี่ยวกับปรัชญาและพุทธศาสนา

โดย...ราช รามัญ

ในหนึ่งปีผมอ่านหนังสือได้ราวๆ เกือบ 100 เล่ม โดยเฉพาะหนังสือที่เกี่ยวกับปรัชญาและพุทธศาสนา ทั้งที่คนไทยเขียนและคนต่างประเทศเขียนแล้วได้รับการแปล เพราะคำว่าหนังสือเมื่อเปิดอ่านแล้วในแต่ละเล่มย่อมมีเนื้อหาในบางมุมที่เราอาจจะไม่เคยได้เห็นได้ยินได้ฟังมาก่อนแต่หนังสือที่เป็นทางการ หรือวิชาการในเชิงพุทธศาสนาผมจะไม่อ่าน โดยเฉพาะของคนไทย เพราะเป็นหนังสือที่แคบ มีความคิดความเห็นไม่ก่อให้เกิดมุมมองใหม่และบูรณาการอะไรเลย ไม่ประเทืองสติปัญญาและจิตวิญญาณเลย เนื่องด้วยมีแต่คตินิยมความเชื่อแบบเดิมๆ

แต่หนังสือธรรมะในเชิงประยุกต์ มีหลายเล่มที่ผมอ่านแล้วชื่นชอบ เช่นหนังสือ  “หัวใจพุทธะ” (The Essence of Buddha) เขียนโดยชาวญี่ปุ่นที่มีนามว่า ริวโฮ โอคาวา เป็นนักเขียนระดับเบสต์เซลเลอร์ทางด้านพุทธศาสนาทีเดียว เพราะเขาเขียนหนังสือมามากกว่า 1,800 เล่ม และได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศมากถึง 27 ภาษา เรียกได้ว่าเป็นหนังสือขายดีระดับโลกทีเดียว

แค่คำนำหนังสือหัวใจพุทธะ ที่ประธานมูลนิธิศาสตร์แห่งความสุข บอกว่าแปลจากต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นก็ชวนให้ติดตามเนื้อหาทั้งมวล เมื่อผู้เขียนบอกว่าผมปลื้มปีติอย่างยิ่งที่ได้ตีพิมพ์หัวใจพุทธะ (The Essence of Buddha) บทที่ 1 บอกเล่าพระศากยมุนีละทิ้งชีวิตทางโลกและรู้แจ้งได้อย่างไร

ส่วนในบทต่อๆ มาผมอธิบายถึงแก่นแท้ของกฎต่างๆ ที่พระองค์ท่านสอนในรูปแบบสมัยใหม่ และเป็นระบบ ผมตั้งใจจะนำเสนอประวัติของพระศากยมุนีแบบสมบูรณ์สักครั้งหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันผมได้แสดงให้เห็นภาพรวมของความคิดพระองค์ในหนังสือเล่มนี้

ผมเชื่อมั่นว่าคุณจะเห็นภาพโครงสร้างพื้นฐานความคิดของพระศากยมุนีได้ชัดเจน แนวคิดหลักๆ เช่น มรรค 8 บารมี 6 ความว่าง และหลักแห่งเหตุและผล จะถูกอธิบายในลักษณะที่เข้าใจได้ง่าย แม้แต่สำหรับผู้อ่านที่มีความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเพียงน้อยนิด

ผมหวังว่าหนังสือเล่มนี้ ซึ่งก็เหมือนกฎแห่งสุริยะ (The Law of the Sun) กฎทอง (The Golden Laws) กฎแห่งนิรันดร์ (The Laws of Eternity) ที่เผยถึงโลกแห่งจิตวิญญาณจะหล่อเลี้ยงจิตใจผู้คนทั้งหลาย

เมื่อเข้าถึงเนื้อหา พูดได้เลยว่าหนังสือหัวใจพุทธะมีเนื้อหาที่นำเสนอในเรื่องราวของพุทธศาสนาอีกมุมมองหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนอ่านแล้วก็สามารถหยิบนำเอาไปใช้ได้ อ่านง่าย ไม่มีศัพท์ทางเทคนิค เป็นภาษาที่อธิบายได้อย่างชัดเจน ที่สำคัญเรื่องของพุทธประวัติที่เราท่านต่างคุ้นชินกับรูปแบบเถรวาทไทยๆ ลองอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วจะเกิดมุมมองความคิดในเหลี่ยมมุมใหม่ ที่ทำให้ใจเกิดความรู้สึกที่ปีติและมีพลังอย่างบอกไม่ถูก เพื่อจะน้อมใจไปปฏิบัติธรรม

ความคุ้นชินเราอาจจะศึกษาพุทธประวัติแบบในเชิงวรรณกรรม แบบไทยๆ ที่พระพุทธเจ้าสามารถไปนรกสวรรค์ได้ พระพุทธเจ้ามีอิทธิฤทธิ์มากมายและพระพุทธเจ้าอยู่เหนือสมมติทั้งปวง แต่สำหรับเล่มนี้พระพุทธเจ้าเป็นคนธรรมดา พระพุทธเจ้ามีเนื้อหนังที่เหี่ยวย่น พระพุทธเจ้าเจ็บป่วยมีเวทนาพระพุทธเจ้ายังต้องเข้าพระบังคน (ห้องน้ำ) พูดภาษาง่ายๆ คือ เราจะได้สัมผัสอีกมิติหนึ่งของความเป็นพระพุทธเจ้า ในลักษณะที่เป็นมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งเหมือนกับเราๆ ท่านๆ เพียงแต่มีจิตใจที่ปลอดโปร่งโล่งจากกิเลสทั้งปวง จึงไม่มีความทุกข์ใดๆเลยผมยอมรับเลยว่าเป็นหนังสือที่กระตุกจิตวิญญาณให้ตื่นฟื้นจากเรื่องบางเรื่องได้อย่างนุ่มนวลและชวนติดตามได้อย่างไม่สะดุดใจเลย นอกจากนักเขียนเขียนได้ดีแล้ว ก็ต้องชมคุณจดาภา อนันตนิกร ผู้แปลด้วยว่าเลือกใช้ภาษาไทยได้ดี อ่านแล้วเกิดความรู้สึกประทับใจอย่างมากมายในหลายๆ บทหลายๆ ตอน

หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์โดยมูลนิธิศาสตร์แห่งความสุข (ประเทศไทย) ตั้งอยู่แถวๆ สุขุมวิท และบริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ เป็นผู้รับมาจัดจำหน่าย ราคา 220 บาท อ่านแล้วบอกได้เลยว่าหนังสือเล่มนี้จะทำให้ชีวิตของคุณพบแต่ความสุข จะพบธรรมะในมุมมองใหม่ ที่สามารถนำเอามาใช้ได้จริงกับชีวิต ไม่ต้องปีนบันไดคิด และปีนบันไดฟัง นอกจากพุทธประวัติที่เขียนโดยเน้นในหลักธรรมแล้ว ยังนำเอาธรรมะมรรค 8 มารวบรวมเขียนเอาไว้ด้วย ในรูปแบบที่เรียกได้ว่าสามารถนำเอาไปปฏิบัติได้อย่างที่ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป การศึกษาพุทธศาสนาถ้าเรายึดแต่รูปแบบเดิมๆ กรอบเดิมๆ ในวิธีคิด บอกได้เลยว่าเราย่อมไม่เห็นอะไรเลยในมุมต่างที่น่าสนใจ เพียงเฉพาะพุทธศาสนาในประเทศไทย ที่แหกปากปาวๆ ว่าเป็นดั้งเดิมนั้นก็มีอะไรที่ผิดเพี้ยนจากเพื่อนๆ ทั่วโลกมากพอสมควรแล้ว แต่อาจจะไม่มีใครคิดจะกระตุก อาทิ พระทั่วโลกทั้งนิกายดั้งเดิมแบบเถรวาทและมหายาน แต่ไม่มีพระที่ไหนโกนคิ้วเหมือนพระไทยเลย

พระทั่วโลกฉันอาหารมังสวิรัติ แต่พระไทยฉันมันทุกอย่าง อ้างแต่ว่าแล้วแต่โยมถวาย พระทั่วโลกเขาไม่มีของสะสม ทั้งรถโบราณ ทั้งของโบราณ แต่พระไทยมีหมด ที่สำคัญ พระทั่วโลกเขาอยู่แบบพระ ไม่มีเครื่องใช้อะไรมากเกินความจำเป็น แต่พระไทยทั้งพระป่า พระเมือง พอกัน ตกลงเลยไม่ทราบได้ว่าพระทั่วโลกแปลกแยก หรือพระไทยทำให้แตกต่าง ลองไปสำนึก ตรึกตรองดูเถิด

เมื่ออ่านหนังสือธรรมะจากต่างประเทศ ก็คงไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร มีความรู้ใหม่ เปิดสมอง มองโลกใหม่ เลิกเป็นผีบุญผีบาป เลิกเชื่ออะไรที่ต้องสะเดาะเคราะห์แก้กรรม แบบที่สอนว่ายิ่งจ่ายเงินสร้างวัดมากเท่าไหร่ยิ่งรวยเท่านั้น และทำให้เห็นเหตุและผล เลิกไปเชื่อน้ำมนตร์น้ำหมากของหลวงปู่หลวงตา เลิกเชื่อเรื่องธรรมะแบบแสวงหาอามิสบูชาได้แล้ว โดยหลงว่าจิตวิญญาณจะสูงขึ้นและสูงขึ้น เคยพูดดูถูกนิกายอื่น แล้วยกตัวว่านิกายดั้งเดิมดีแบบนั้นแบบนี้ แต่ทุกวันนี้กระเดียดไปทางมหายานแบบทิเบตหรือเป็นฮินดูเข้าทุกที มีทั้งสวด ทั้งบูชา มีทั้งอ้อนวอน บนขอ บางวัดพิฆเนศใหญ่กว่าพระพุทธรูป พระผู้ปกครองก็ชอบ สมนาคุณเจ้าอาวาสให้เป็นเจ้าคุณไปเลย ตกลงเราเป็นพุทธแบบไหนกันแน่

ถ้าไม่ปฏิรูป ปฏิสังขรณ์ ทั้งภาคปฏิบัติและปริยัติ จะฉิบหายทั้งวงการสงฆ์

ดังนั้น อุบาสก อุบาสิกา ต้องหันมาช่วยเหลือตัวเองด้วยการหาธรรมะแบบใหม่ เพื่อทำให้ใจสงบ โดยศึกษาหาวิธีพัฒนาจิตวิญญาณด้วยตัวเองต่อไป อย่าไปสนใจอะไรกับบรรดาผ้าเหลืองห่มตอไม้ จะปวดหัวใจเปล่าๆ ครับ...

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เบรนท์ฟอร์ด พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68