posttoday

ตามรอยเสด็จฯ ในเมืองเล็ก ‘แม่กำปอง’

05 พฤศจิกายน 2559

กาลครั้งหนึ่งในปี 2524 ชาวแม่กำปองต่างเฝ้ารอพ่อของแผ่นดิน

โดย...กาญจน์ อายุ

กาลครั้งหนึ่งในปี 2524 ชาวแม่กำปองต่างเฝ้ารอพ่อของแผ่นดิน

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2524 หมู่บ้านเล็กๆ ที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีถนนตัดผ่าน ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีประปา ถึงขั้นทุรกันดารและยากที่จะเข้าถึง วันนั้นชาวบ้านได้ยินข่าวจากศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตกที่อยู่ด้านล่างว่า ในหลวงและพระราชินี เสด็จฯ มา และจะเสด็จฯ มายังหมู่บ้านแม่กำปอง

“ท่านมาแจกถุงยังชีพ” นิคม ไชยพล ชาวแม่กำปองกล่าวถึงเหตุการณ์เมื่อ 35 ปีก่อน “ตอนแรกเราคิดว่าเป็นข่าวลือ เพราะที่นี่ไม่มีถนน ไม่มีความสะดวกสบายอะไร กว่าจะถึงหมู่บ้านได้ต้องเดินเท้าจากตีนตกมาอีก 4 กิโลฯ แต่ข่าวลือกลับเป็นจริง ทั้งสองพระองค์เสด็จฯ มาจริงๆ พวกเราดีใจและตื่นเต้นกันมาก เพราะตอนนั้นยังไม่มีไฟฟ้า ไม่มีทีวี พวกเราไม่เคยเห็นพระองค์เลยสักครั้ง”

ตามรอยเสด็จฯ ในเมืองเล็ก ‘แม่กำปอง’ ครั้งหนึ่งในหลวง รัชกาลที่ 9 เคยเสด็จฯ มายังหมู่บ้านแม่กำปอง

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ มาพระราชทานถุงยังชีพที่ วัดคันธาพฤกษา (แม่กำปอง) ชาวแม่กำปองทุกคนในหมู่บ้านต่างนั่งรอที่ศาลา และรับพระราชทานถุงยังชีพอย่างใกล้ชิด ส่วนนิคมในวัยเพียง 12 ปี ได้แต่นั่งมองทั้งสองพระองค์ด้วยความไร้เดียงสา ทราบแต่เพียงว่าพระองค์คือ ในหลวงและพระราชินี

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานแนวพระราชดำริให้จัดทำโรงไฟฟ้าพลังน้ำ เพื่อสร้างแสงสว่างให้แก่ชาวบ้าน เพราะหมู่บ้านแม่กำปองเป็นต้นน้ำ มีน้ำตก มีลำธาร มีน้ำไหลผ่านตลอดปี และพระองค์ยังสอนเรื่องเกษตรพอเพียงให้ทางศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตกเข้ามาแจกต้นกล้ากาแฟ สอนการปลูกกาแฟ เพื่อสร้างรายได้ให้ชาวบ้าน และแก้ปัญหาชาวเขาปลูกฝิ่นบนภูเขาสูง

“เมื่อก่อนพวกเราด้อยมาก เหมือนเป็นคนป่า ทั้งที่เราเป็นคนเมืองเป็นคนเชียงใหม่ ไม่ใช่ชาวเขา” นิคมเล่าต่อ “ในหลวงสอนให้เราปลูกกาแฟ ปลูกใต้ต้นเมี่ยง ไม่ให้ล้มป่า ทำให้เรามีรายได้ ทำให้ป่าสมบูรณ์ เป็นบุญของพวกเรามากที่พระองค์ให้แสงสว่าง ทำให้หมู่บ้านของพวกเรามีน้ำไหลไฟสว่างตลอดปี”

ตามรอยเสด็จฯ ในเมืองเล็ก ‘แม่กำปอง’ ครั้งหนึ่งในหลวง รัชกาลที่ 9 เคยเสด็จฯ มายังหมู่บ้านแม่กำปอง

 

พระบรมฉายาลักษณ์ของทั้งสองพระองค์ยังเด่นชัดอยู่ที่ศาลาวัดหลังเดิม เป็นหลักฐานเพียง 2 ใบ ที่เป็นอนุสรณ์ของพระมหากรุณาธิคุณและความปลื้มปีติของชาวแม่กำปอง แต่ทว่าเมื่อไม่นานมานี้ พ่อหลวง
พรมมินทร์ พวงมาลา อดีตผู้ใหญ่บ้าน เพิ่งรู้จักกับลูกบ้านคนใหม่ และเหมือนโชคชะตานำพาไปลูกบ้านคนนั้นเป็นข้าราชการชลประทานครั้งที่ตามเสด็จฯในหลวง รัชกาลที่ 9 มายังแม่กำปอง

เขาเป็นชายในวัยเกษียณที่ยินดีเล่าเรื่องราวการตามเสด็จฯโดยมีเงื่อนไขว่าจะไม่เปิดเผยชื่อและภาพ เขาเล่าว่า ได้ตามเสด็จฯในหลวง รัชกาลที่ 9 กว่า 40 ปี ได้เดินทางไปทุกที่โดยเฉพาะในถิ่นทุรกันดาร เพื่อแก้ปัญหาเรื่องน้ำ ป่า ดิน และสร้างอาชีพให้ชาวบ้าน

“แผนที่ของพระองค์ พระองค์เสด็จฯ ไปทุกที่แล้ว อย่างแม่กำปอง พระองค์เสด็จฯ มาที่นี่ตั้งแต่ยังไม่มีอะไรเลย พระองค์ทรงเห็นทุกอย่าง ทุกปัญหา ทุกคน พระองค์เห็นทั้งหมดและมีพระราชดำริให้ทั้งกรมชลประทาน กรมป่าไม้ ทุกกรมเข้ามาแก้ปัญหา พระองค์ทรงเป็นห่วงเป็นใยประชาชนของพระองค์มาก

ตามรอยเสด็จฯ ในเมืองเล็ก ‘แม่กำปอง’ พระบรมฉายาลักษณ์ ในหลวง รัชกาลที่ 9 บนเพดานร้านอาหาร

 

ทุกครั้งเวลาเสด็จฯ ไปที่ไหน จะทรงถามว่า แสงแดดส่องมาทางไหน อย่าให้ชาวบ้านนั่งตากแดด อย่าให้พวกเขาลำบาก คนแก่และเด็กก็หาร่มกางให้เขา รายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้พระองค์ทรงเป็นห่วง”

พระองค์แย้มพระสรวลยากไหม เขาโต้ทันควัน “ไม่ ไม่เลยสักนิด พระองค์แย้มพระสรวลตลอดเวลาที่อยู่กับชาวบ้าน พระองค์ใกล้ชิด ไม่ถือพระองค์ พระองค์เป็นพ่อของชาวไทยทุกคนจริงๆ”

หมู่บ้านแม่กำปองเวลานี้อบอวลไปด้วยกลิ่นป่า เสียงน้ำในลำธารดังระงม ความระทมของชาวบ้านอันตรธานหายไป ชาวบ้านมีรายได้จากการเก็บเมี่ยง ขายกาแฟ และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2543 หลังมีเสาไฟฟ้าต้นแรกเข้ามายังหมู่บ้าน

ตามรอยเสด็จฯ ในเมืองเล็ก ‘แม่กำปอง’ พระอุโบสถกลางน้ำ วัดคันธาพฤกษา

 

เรื่องการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ต้องให้เครดิตแก่ พ่อหลวงพรมมินทร์ พวงมาลา ที่เป็นคนส่งเสริมและผลักดันจนแม่กำปองเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว ปัจจุบันมีชาวบ้านเข้าร่วมเปิดโฮมสเตย์จำนวน 27 หลัง รับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 200 คน โดยทุกครั้งที่นักท่องเที่ยวเข้ามาจะต้องผ่านพ่อหลวงเพื่อจัดสรรบ้านตามคิว

นักท่องเที่ยวมักเห็นแม่กำปองเป็นฮิปสเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟดริป ร้านกาแฟลุงปุ๊ดป้าเป็งที่ต้องไปเช็กอิน ร้านกาแฟชมนกชมไม้ที่คนมักไปถ่ายรูปมากกว่าดื่มด่ำบรรยากาศ แต่การมาถึงแม่กำปองไม่ใช่ไปถ่ายรูปคู่ร้านกาแฟแล้วกลับ มันคือการอยู่และใช้ชีวิตแบบชาวบ้าน พ่อหลวงได้เขียนกิจกรรมท่องเที่ยวโดยชุมชนไว้ว่า มีการเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ชมสวนเมี่ยง สวนกาแฟ สวนสมุนไพร เล่นน้ำตก ศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน เช่น การแปรรูปเมี่ยง การทำกาแฟ และการทำหมอนใบชา เรียนรู้การทำอาหารท้องถิ่น และศึกษาขั้นตอนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังน้ำ

การผลิตกาแฟเป็นอาชีพเสริมของชาวบ้านรองจากการเก็บเมี่ยง โดยสายพันธุ์กาแฟที่ศูนย์พัฒนาฯ ตีนตกให้ไว้เป็นพันธุ์อราบิกาที่ใช้เวลาปลูกเพียง 2 ปี ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ส่วนการเก็บเมี่ยงนั้นเป็นอาชีพที่ทำมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า เพราะในป่ามีต้นเมี่ยงตามธรรมชาติอยู่แล้ว

ตามรอยเสด็จฯ ในเมืองเล็ก ‘แม่กำปอง’ พี่สมศักดิ์และภรรยา เจ้าของสวนกล้วยไม้รองเท้านารี

 

ด้านสหกรณ์ไฟฟ้าโครงการหลวงแม่กำปอง มีเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำจำนวน 3 เครื่อง รวมแล้วมีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าขนาด 80 กิโลวัตต์ โดยสหกรณ์เป็นผู้จัดการเก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้าเพื่อนำไปบำรุง ซ่อมแซม และใช้ในการดูแลต้นน้ำ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานในการผลิตกระแสไฟฟ้า

เสน่ห์ของหมู่บ้านแม่กำปอง คือ ลำธาร และ อากาศ บ้านเกือบทุกหลังจะมีลำธารไหลผ่าน และไม่มีความจำเป็นต้องใช้พัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ เพราะอากาศเย็นสบายตลอดปี

นอกจากนี้ เมื่อกล่าวถึงแม่กำปองต้องกล่าวถึง ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก ซึ่งในปี 2524 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 3 แสนบาท เพื่อใช้เป็นทุนทรัพย์ในการก่อตั้งศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก โดยมีเป้าหมายให้เป็นศูนย์สาธิต และส่งเสริมการเพาะเห็ด กาแฟพันธุ์อราบิกา ให้แก่ชาวบ้านนอกเหนือจากการปลูกเมี่ยง

ตามรอยเสด็จฯ ในเมืองเล็ก ‘แม่กำปอง’ สวนกล้วยไม้มือรางวัลที่หมู่บ้านแม่กำปอง

 

ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก มีพื้นที่รับผิดชอบครอบคุลมพื้นที่ 4 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านป๊อก แม่ลาย บ้านแม่กำปอง และบ้านธารทอง ประชากรเป็นคนเมืองทั้งสิ้น โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าดิบเขาและป่าเบญจพรรณ มีที่ราบเชิงเขาบางส่วน สภาพป่าอุดมสมบูรณ์ สูงจากระดับน้ำทะเล 700-1,200 เมตร อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุด 15 องศาเซลเซียส และสูงสุด 35 องศาเซลเซียส มีบ้านพักรับรองภายในศูนย์ 3 หลัง และห้องพักอีก 14 ห้อง รองรับได้ 35 คน และร้านอาหารที่เน้นอาหารจากผลผลิตโครงการหลวงและผลผลิตในพื้นถิ่น เช่น ยำใบเมี่ยง ผัดผักกูด ปลาเทราต์ทอดกระเทียม ต้มจืดมะระหวาน รวมถึงกาแฟจากโครงการหลวง

หมู่บ้านแม่กำปองเป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขามีอายุประมาณ 100 ปี ภายในหมู่บ้านมีดอกไม้สีเหลืองแดงขึ้นบริเวณริมลำห้วยจำนวนมาก ชาวบ้านเรียกดอกไม้นี้ว่า ดอกกำปอง ประกอบกับมีแม่น้ำไหลผ่านหมู่บ้าน จึงเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้านว่า แม่ (แม่น้ำ) กำปอง (ดอกไม้)

ถอดข้อความมาจากแผ่นพับของหมู่บ้านที่เขียนไว้ว่า ธรรมชาติมากล้น ผู้คนน้ำใจดี มากมีดอกเอื้องดิน สู่ถิ่นเมี่ยง ชา กาแฟ มียาแท้สมุนไพร ชื่นฉ่ำใจน้ำตกเย็น เห็นวิวทิวเขาสวย ร่มรื่นด้วยสวนสนบนม่อนล้าน และปิดท้ายด้วย ท่องเที่ยวอย่างมีคุณค่า เดินทางอย่างมีความหมาย เป็นใจความที่สรุปทุกอย่างได้ครบถ้วนกระบวนความ โดยเฉพาะความหมายของการเดินทาง แม่กำปองไม่เพียงทำให้การเดินทางมีความหมาย แต่ยังมีคุณค่าต่อจิตใจ “ดีต่อใจ” ดีต่อจิตวิญญาณของคนไทยบนแผ่นดิน รัชกาลที่ 9

ตามรอยเสด็จฯ ในเมืองเล็ก ‘แม่กำปอง’ เด็กๆ เล่นสนุกตามภาษาเด็ก

 

ตามรอยเสด็จฯ ในเมืองเล็ก ‘แม่กำปอง’ จิบกาแฟริมลำธาร

 

ตามรอยเสด็จฯ ในเมืองเล็ก ‘แม่กำปอง’ จากร้านชมนกชมไม้จะมองเห็นหมู่บ้านทั้งหมด

 

ตามรอยเสด็จฯ ในเมืองเล็ก ‘แม่กำปอง’ เค้กและกาแฟเข้มๆ ที่เฮือนกาแฟ

 

ตามรอยเสด็จฯ ในเมืองเล็ก ‘แม่กำปอง’ วาฟเฟิลโฮมเมดที่ร้านกาแฟลุงปุ๊ดป้าเป็ง

 

ตามรอยเสด็จฯ ในเมืองเล็ก ‘แม่กำปอง’ ข้าวซอยเข้มข้นที่ร้านแม่กำปองริมธาร

 

ตามรอยเสด็จฯ ในเมืองเล็ก ‘แม่กำปอง’ ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาที่ร้านก๋วยเตี๋ยวนายเอ

 

ตามรอยเสด็จฯ ในเมืองเล็ก ‘แม่กำปอง’ บ้านเกือบทุกหลังมีลำธารไหลผ่านและจะไหลตลอดปี

 

ตามรอยเสด็จฯ ในเมืองเล็ก ‘แม่กำปอง’ เกสต์เฮาส์อย่างดีต้อนรับนักท่องเที่ยว

 

ตามรอยเสด็จฯ ในเมืองเล็ก ‘แม่กำปอง’ บรรยากาศในหมู่บ้านและเฮือนกาแฟ

 

ข่าวล่าสุด

'นิวยอร์ก' คุมโซเชียล บังคับขึ้นคำเตือนอันตรายต่อสุขภาพจิตเยาวชน