posttoday

ต้นไม้ทรงปลูก ตลอด 70 ปีครองราชย์

26 ตุลาคม 2559

ตลอด 70 ปี ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติ

โดย...วรธาร ภาพ (สักทรงปลูกและจันทรงปลูก) กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร ภาพ (จามจุรีทรงปลูก) วิศิษฐ์ แถมเงิน 

ตลอด 70 ปี ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติ ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการโดยมิทรงรู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อยเพื่อประโยชน์สุขของ
พสกนิกรชาวไทย หนึ่งในนั้นคือทรงปลูกต้นไม้ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทรงงาน หรือทรงเยี่ยมราษฎรในที่ต่างๆ รวมถึงในพื้นที่ส่วนพระองค์ไว้เป็นที่ระลึกและให้แบบอย่างในการอนุรักษ์ป่าไม้ไว้เสมอ ด้วยทรงเห็นความสำคัญของปัญหาป่าเสื่อมโทรม ซึ่งส่งผลกระทบต่อปัญหาด้านอื่นๆ ไม่เฉพาะเรื่องดินและน้ำ หากแต่โยงถึงปัญหาสังคม เศรษฐกิจ การเมือง คุณธรรม และระบบนิเวศบางอย่างด้วย

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ของชาวไทยทรงปลูกต้นไม้อะไรบ้าง ทรงปลูกที่ไหน เพื่ออะไร และในโอกาสอะไร โพสต์ทูเดย์จึงขอนำเสนอต้นไม้ทรงปลูกที่น่าสนใจ เพื่อให้ประชาชนคนไทยได้น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ และได้เจริญรอยตามที่ทรงทำให้เห็น ซึ่งบัดนี้ต้นไม้ทรงปลูกได้เจริญเติบโตลดหลั่นกันตามกาลเวลาที่ทรงปลูก

ต้นไม้ทรงปลูก ตลอด 70 ปีครองราชย์

 

สำหรับต้นไม้ทรงปลูกนั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โปรดทรงปลูกต้นไม้ยืนต้นเป็นส่วนใหญ่ อาทิ ต้นสัก รัง ประดู่ พิกุล พะยอม สนฉัตร โพธิ์ จัน ยางนา เป็นต้น และในการทรงปลูกต้นอะไรนั้นจะทรงพิจารณาความเหมาะสมกับสถานที่ปลูกด้วย ดังที่ได้มีพระราชกระแสเมื่อคราวเสด็จฯ ไปทรงปลูกต้นนนทรี ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อปี 2506 ว่า

“ขอพูดอะไรสักหน่อย วันนี้ได้รับเชิญมาปลูกต้นไม้ ก็ทำให้คิดว่าการปลูกต้นไม้ก็จำเป็นจะต้องเลือกว่าต้นอะไรจึงจะดี เหมาะสำหรับมหาวิทยาลัย ต้นไม้อะไรๆ ก็สีเขียว ต้นนนทรีที่เลือกเป็นต้นไม้ของเกษตร ก็เหมาะสมที่มีสีเขียวด้วย เหมาะมากและน่ายินดีมาก ที่ต้นนนทรีนั้นปลูกได้ทั้งทุกแห่งของไทย เพราะทนแล้ง ทนแดดได้ นี่เป็นความหมายที่ดี เพราะคนไทยถ้าปลูกในแผ่นดินไทยก็เติบโตดีและเจริญดี ต้นไม้ต้องมีดิน จึงจะเจริญได้ดี ถ้าเอาไปไว้ในกระถาง หรือเอาไปปลูกในน้ำหรือปลูกในน้ำยาคุณภาพดีๆ จากต่างประเทศก็จะหงอย อยู่ไม่ได้ เขาต้องการดิน ขอฝากต้นไม้นี้ให้มหาวิทยาลัยและนิสิตช่วยกันรักษาให้ดี อย่าให้หงอย ขอฝากนิสิตทั้งหลาย ขอให้ช่วยกันรักษาตัวเองให้ดี และอย่าลืมว่าตัวเองนั้นจะอยู่กันได้ก็ด้วยแผ่นดินไทย ขอให้ช่วยรักษาแผ่นดินไทยไว้ด้วย คนไทยถ้าไร้แผ่นดินก็จะหงอยกันหมด อยู่กันไม่ได้ และเราก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น”

ต้นไม้ทรงปลูก ตลอด 70 ปีครองราชย์

ต้นไม้ทรงปลูกในมหาวิทยาลัย

ถ้าพูดถึงลูกนนทรีทุกคนจะรู้จักดีว่าหมายถึงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ซึ่งชื่อเรียกนี้ก็มีที่มาจากต้นนนทรีที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงปลูกนั่นเอง เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้ข้อมูลว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได้มีพระมหากรุณาธิคุณต่อมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ยิ่งยวด โดยได้เสด็จฯ ไปมหาวิทยาลัยถึง 9 ครั้ง และทรงปลูกต้นนนทรีเป็นที่ระลึกถึง 9 ต้น

รักษาการแทนอธิการบดี มก. กล่าวต่อว่า วันศุกร์ที่ 29 พ.ย. 2506 เวลา 15.30 น. เป็นวันที่พระองค์เสด็จฯ ไปมหาวิทยาลัยครั้งแรก พร้อมสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงปลูกต้นนนทรีจำนวน 9 ต้น ณ บริเวณด้านหน้าอาคารหอประชุมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พร้อมพระราชทานต้นนนทรีเป็นต้นไม้สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในคราวครั้งนั้น หลังทรงปลูกต้นนนทรีเรียบร้อยแล้วได้ทรงดนตรีร่วมกับวง อ.ส.วันศุกร์ และมีวง KU Band ของมหาวิทยาลัยเข้าร่วมบางส่วน ณ หอประชุมมหาวิทยาลัย

ต้นไม้ทรงปลูก ตลอด 70 ปีครองราชย์

 

“จึงนับเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเดียวกัน กล่าวคือ ทรงปลูกต้นนนทรีและทรงดนตรี ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นการส่วนพระองค์ครั้งแรก และนำมาสู่การเสด็จฯ เยี่ยมต้นนนทรีทรงปลูกและทรงดนตรี สืบเนื่องมาจนถึงปี 2515 รวม 9 ครั้ง ด้วยเหตุนี้มหาวิทยาลัยจึงได้จัดงาน “ต้นไม้ทรงปลูก ดนตรีทรงโปรด” ในวันที่ 29 พ.ย.ของทุกปี เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งในปีนี้จะจัดน้อมอาลัยอย่างยิ่งใหญ่ โดยกิจกรรมหลักนอกจากการแสดงดนตรีของวง KU Band ที่อัญเชิญเพลงพระราชนิพนธ์มาเล่นแล้วจะมีการรายงานข้อมูลสุขภาพของต้นนนทรีทั้ง 9 ต้นให้ทุกคนทราบด้วย”

นอกจากต้นนนทรีทรงปลูกแล้ว ได้ทรงปลูกต้นไม้เป็นที่ระลึกที่มหาวิทยาลัยอีก 2 แห่ง คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เสด็จฯ ไปทรงปลูกต้นจามจุรี จำนวน 5 ต้น ในวันที่ 15 ม.ค. 2505 ณ บริเวณด้านหน้าหอประชุมจุฬาฯ ฝั่งสนามฟุตบอลทางด้านขวา จำนวน 3 ต้น และด้านซ้ายอีก 2 ต้น ซึ่งต้นจามจุรีเหล่านี้ทรงนำมาจากวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในการนี้ได้พระราชทานพระราชดำรัสถึงความผูกพันระหว่างชาวจุฬาฯ กับจามจุรีว่ามีมานานตั้งแต่สร้างมหาวิทยาลัย ดอกสีชมพูเป็นสัญลักษณ์สูงสุดของจุฬาฯ และหนึ่งพระราชดำรัสตอนหนึ่งที่สร้างความประทับใจที่ชาวจามจุรีน้อมใส่เกล้า คือ “จามจุรีที่นำมานั้นโตขึ้นสมควรที่จะเข้ามหาวิทยาลัยเสียที และสถานที่นี้เหมาะสมที่สุด จึงขอฝากต้นไม้ไว้ 5 ต้นให้เป็นเครื่องเตือนใจตลอดกาล”

ต้นไม้ทรงปลูก ตลอด 70 ปีครองราชย์

ขณะที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ได้เสด็จฯ ไปทรงปลูกต้นหางนกยูงฝรั่งจำนวน 5 ต้น ณ ด้านหน้าหอประชุมใหญ่ มธ. เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2506 เวลา 14.30 น. พร้อมพระราชทานให้เป็นต้นไม้สัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะหางนกยูงฝรั่งนั้นออกดอกสีเหลืองและแดงในช่วงหน้าร้อน มีสีสอดคล้องกับสีประจำมหาวิทยาลัยคือ สีเหลือง-แดง นอกจากนี้ ได้ทรงปลูกต้นกัลปพฤกษ์ที่คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในคราวเสด็จฯ ไปทรงเปิดมหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2510 ต่อมาในปี 2517 ทรงปลูกต้นประดู่แดง ที่คณะศึกษาศาสตร์

ต้นไม้ทรงปลูกในวัด

วัดถือเป็นสถานที่หนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงปลูกต้นไม้เป็นอนุสรณ์ ซึ่งพระองค์ได้ทรงปลูกไว้หลายวัด โดยที่ทรงพระผนวช (22 ต.ค.-5 พ.ย. 2499) และประทับที่วัดบวรนิเวศวิหารเป็นเวลา 15 วัน ในคราวเสด็จลาผนวชได้ทรงปลูกต้นสักและต้นสนฉัตรไว้เป็นพระราชานุสรณ์ในวัดบวรนิเวศวิหารด้วย

ต้นไม้ทรงปลูก ตลอด 70 ปีครองราชย์

สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร กล่าวว่า ในวันที่ 5 พ.ย. 2499 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงลาผนวช ณ บริเวณด้านหน้าของพระตำหนักใหญ่ วัดบวรฯ จากนั้นได้เสด็จฯ ไปทรงปลูกต้นสัก 1 ต้น ที่บริเวณข้างพระตำหนักปั้นหย่า และทรงปลูกต้นสนฉัตร 2 ต้น ที่บริเวณด้านหน้าพระตำหนักทรงพรตหอสหจร เวลา 10.15 น. เสด็จออก ณ พระตำหนักปั้นหย่าในการพระราชพิธีทรงลาผนวช ทรงประกาศลาสิกขา ปัจจุบันทั้งต้นสักและสนฉัตรทรงปลูกได้งอกงามและเติบใหญ่มั่นคง

นอกจากวัดบวรฯ ยังมีหลายวัดที่ทรงปลูกต้นไม้แตกต่างกันไป อาทิ วัดเบญจมบพิตร กรุงเทพฯ ทรงปลูกต้นสาละ บริเวณหน้าศาลาร้อยปีปิยมหาราชอนุสรณ์ ในวันที่ 22 ต.ค. 2516 วัดเทวสังฆารามพระอารามหลวง (วัดเหนือ) ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ทรงปลูกต้นโพธิ์ไว้ที่บริเวณหน้าพระอุโบสถ วัดเทวสังฆาราม ในคราวเสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐินเมื่อปี 2506 ปัจจุบันต้นโพธิ์นี้ใหญ่โตให้ร่มเงาและเป็นสัญลักษณ์ประจักษ์ถึงความห่วงใยของพระองค์ที่มีต่อพสกนิกรชาวกาญจนบุรีถึงวันนี้ นอกจากนี้ ยังทรงปลูกต้นโพธิ์ที่วัดญาณสังวราราม บางละมุง จ.ชลบุรี อีกด้วย

ต้นไม้ทรงปลูก ตลอด 70 ปีครองราชย์

 

ที่วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ ทรงปลูกต้นจันในบริเวณด้านหน้าตำหนักจันทน์ หรือหอพระไตรปิฎก เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2514 ซึ่งหอพระไตรปิฎกนี้ได้รับการซ่อมแซมครั้งใหญ่เมื่อคราวฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี และได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่นประจำปี 2530 จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ต้นพิกุล ทรงปลูกที่วัดศรีสวรรค์สังฆาราม จ.นครสวรรค์

ขณะที่ภาคเหนือทรงปลูกต้นจำปา ที่วัดศรีดอนมูล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เป็นอนุสรณ์ ในคราวเสด็จฯ ไปทรงยกช่อฟ้าวิหาร เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2524 พระครูสิริศีลสังวร หรือครูบาน้อยเตชปัญโญ เจ้าอาวาสวัดศรีดอนมูล กล่าวว่า ต้นจำปาทรงปลูกนี้ทางวัดได้ดูแลรักษาอย่างดี ปัจจุบันยืนตระหง่านให้ความร่มเย็นอยู่ข้างวิหารภายในวัด ให้ร่มเย็นสำหรับผู้ที่มายืนพักหรือหลบร้อนได้อย่างดี ประชาชนที่เดินผ่านต้นจำปาต้นนี้หรือมายืนหลบร้อนแล้วก็จะยกมือไหว้เสมอ

ต้นไม้ทรงปลูก ตลอด 70 ปีครองราชย์

“บางคนเมื่อรู้ว่าเป็นต้นไม้ทรงปลูกถึงกับน้ำตาร่วง เพราะความคิดถึงพระองค์ท่าน พร้อมทั้งยกมือท่วมศีรษะ ปัจจุบันจำปาทรงปลูกนี้มีความสูงประมาณ 20 เมตร มีอายุ 35 ปี ทางวัดจะดูแลรักษาอย่างดีเพื่อให้ประชาชนที่มาเห็นและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน”

ต้นไม้ทรงปลูกในที่ส่วนพระองค์

ในบริเวณพระตำหนักสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต กรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงปลูกต้นยางนา พร้อมด้วยข้าราชบริพาร เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2504 จำนวน 1,096 ต้น ซึ่งเป็นวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ปัจจุบันต้นยางนาเหล่านั้นเจริญงอกงามแข็งแรง

ต้นไม้ทรงปลูก ตลอด 70 ปีครองราชย์

 

 

ทว่าสิ่งที่ประชาชนคนไทยควรจะรู้ไว้ก็คือว่า ต้นยางนาเหล่านี้มีที่มาที่ทำให้คนไทยตระหนักในพระราชอุตสาหะของพระองค์ก็คือ คราวหนึ่งพระองค์เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ วังไกลกังวล ในปี 2503 เมื่อเสด็จฯ ผ่าน อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ทอดพระเนตรสองข้างทางเห็นต้นยางขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก จึงมีพระราชดำริที่จะสงวนป่ายางนี้ไว้ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากมีราษฎรเข้าไปทำไร่สวนในบริเวณดังกล่าวมาก จะต้องจ่ายเงินทดแทนในการจัดหาที่ใหม่

เมื่อไม่สามารถดำเนินการได้ตามพระราชประสงค์ จึงทรงทดลอง “ปลูกต้นยาง” เอง ได้ทรงเพาะเมล็ดยางที่เก็บจากต้นยางนาในเขต อ.ท่ายาง ในกระถางบนพระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล และทรงปลูกต้นยางนาเหล่านั้นในแปลงทดลองป่าสาธิตใกล้พระตำหนักเรือนต้น ฉะนั้นจะเห็นว่าต้นยางทรงปลูกนั้นทรงได้มาจากการเพาะเมล็ดโดยพระองค์เอง และเชื่อไหมว่าต้นยางที่ท่ายางทุกวันนี้ลดลงเกือบสูญพันธุ์ แต่พันธุกรรมของยางนาเหล่านั้นยังได้รับการอนุรักษ์ไว้ได้ที่สวนจิตรลดา

ต้นไม้ทรงปลูก ตลอด 70 ปีครองราชย์

ต้นศรีตรังทรงปลูกล่าสุด

อาจเรียกว่าเป็นต้นไม้ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงปลูกล่าสุด โดยขณะที่ประทับเพื่อรักษาพระองค์จากพระอาการประชวร บนชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ 6 ส.ค. 2554 เวลา 18.05 น. ได้เสด็จลงจากชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปยังสนามหญ้าด้านซ้ายและด้านขวาของลานพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงปลูกต้นศรีตรังพร้อมพรวนดินรดน้ำให้เป็นสิริมงคลแก่โรงพยาบาลศิริราชจำนวน 2 ต้น ท่ามกลางประชาชนที่เฝ้าฯ รับเสด็จด้วยความปลาบปลื้ม

สำหรับลักษณะทั่วไปของต้นศรีตรังเป็นไม้ต้นขนาดเล็กสูงประมาณ 4-10 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดโปร่ง เปลือกสีน้ำตาลอมขาว แตกล่อนเป็นแผ่นบางตามยาวคล้ายกระดาษ มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกาใต้ จะออกดอกสีม่วงอ่อนประมาณเดือน ม.ค.-มี.ค. เป็นผลประมาณเดือน เม.ย.-พ.ค. พระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ สมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ตนำเข้ามาปลูกที่ จ.ตรัง เป็นที่แรกเมื่อประมาณ 100 ปีก่อน จึงได้ชื่อว่า “ต้นศรีตรัง” เคยเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยมหิดล และมีปลูกที่โรงพยาบาลศิริราชก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นต้นกันภัยในปัจจุบัน

ยังมีต้นไม้ทรงปลูกอีกมากมายในที่ต่างๆ แต่คงไม่สามารถนำเสนอได้หมดทุกที่ แต่สิ่งสำคัญที่อยากบอกประชาชนคนไทยทุกคนว่า ต้นไม้ทรงปลูกเหล่านี้ไม่ว่าจะทรงปลูกไว้ที่ไหนก็ขอให้ช่วยกันดูแลรักษาให้ดี โดยเฉพาะเจ้าของสถานที่อย่าได้ละเลยเป็นอันขาด เพราะนี่คือต้นไม้ของพ่อที่ทรงปลูกไว้เป็นอนุสรณ์และเป็นแบบอย่างให้ทุกคนได้เจริญรอยตาม

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท