posttoday

หนังสือที่ชื่นชอบ สุวิมล สุริยบรรเจิด

24 มีนาคม 2559

อาชีพโค้ช ถือเป็นหนึ่งในอาชีพที่ช่วยเหลือคนให้ประสบความสำเร็จในแนวทางที่ต้องการได้

โดย...วรธาร ภาพ...ประกฤษณ์ จันทะวงษ์

อาชีพโค้ช ถือเป็นหนึ่งในอาชีพที่ช่วยเหลือคนให้ประสบความสำเร็จในแนวทางที่ต้องการได้ ส่วนตัวเพิ่งประจักษ์ว่าการให้คำแนะนำและปรึกษาจากโค้ชนั้น ช่วยเปลี่ยนแปลงตัวเองในแนวทางที่เราอยากให้เป็นจริง ก็ตอนที่มีโอกาสได้คุยกับ “โค้ชเอ๋” สุวิมล สุริยบรรเจิด ไลฟ์โค้ชหญิงคนนี้ ที่ทั้งเก่ง ทั้งสวย และบุคลิกดี จากจิมมี่ เดอะ โค้ช และไทยแลนด์ โค้ชชิ่ง อคาเดมี (TCA) เมื่อขอให้เธอช่วยโค้ชเรื่องหนึ่ง (ขอไม่ระบุ) แล้วรู้สึกว่าสิ่งที่โค้ชนั้นใช่เลย พอได้ทำตามก็รู้ว่าตัวเองเปลี่ยนไปในแนวทางที่อยากเป็นจริง แม้คนข้างกายก็ว่าอย่างนั้น

ส่วนตัวจึงไม่แปลกใจในฝีมือการให้คำแนะนำและปรึกษาของเธอ เพราะโค้ชเอ๋ใช้ชีวิตกับการทำงานด้านบริหารและพัฒนาบุคลากรมาโดยตลอดเป็นเวลากว่า 18 ปี ทั้งจากการสั่งสมประสบการณ์การเป็นที่ปรึกษา (Consultant) ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาองค์กรและทรัพยากรบุคคล เช่น การออกแบบระบบพัฒนาสมรรถนะของบุคลากร ระบบบริหารค่าตอบแทน ระบบบริหารผลงาน และโครงสร้างองค์กร ฯลฯ ให้แก่องค์กรภาครัฐและภาคเอกชนในหลากหลายธุรกิจ เคยมีประสบการณ์เป็นผู้บริหารระดับสูง โดยนั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาทรัพยากรบุคคลและธุรกิจการจัดฝึกอบรม รวมทั้งเคยมีประสบการณ์ในงานบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลในองค์กรเอกชนชื่อดังมาก่อน

“โค้ชเชื่อมั่นว่าการจะสร้างความเติบโตให้องค์กรและบุคลากรได้อย่างยั่งยืนควรให้ความสำคัญทั้งส่วนที่เป็น Hard side และ Soft side อย่างเชื่อมโยงกัน ซึ่งหมายถึงการที่องค์กรสร้างระบบและเครื่องมือในการบริหารทรัพยากรบุคคลที่มีประสิทธิภาพ ประกอบกับการให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร ทั้งในส่วนของความรู้ความสามารถ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งทัศนคติ ความเชื่อ ค่านิยม แรงจูงใจ และมุมมองต่อสิ่งต่างๆ ของบุคคล ซึ่งสะท้อนผ่านพฤติกรรมของบุคคลอันก่อให้เกิดผลงานของบุคคลและองค์กรนั่นเอง”

จากความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องมือพัฒนาบุคลากร ทั้งในฐานะที่ปรึกษาผู้ออกแบบเครื่องมือและในฐานะผู้บริหาร ผสมผสานกับความเข้าใจในศาสตร์ Life Coaching และ Neuro-Linguistic Programming (NLP) ซึ่งเกี่ยวกับพฤติกรรมและแรงขับเคลื่อนภายในของคน ตลอดจนความเชื่อในศักยภาพการเรียนรู้และเติบโตของทุกคนทำให้เธอมีแรงบันดาลใจในการพัฒนาบุคลากรผ่านความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการสร้าง Mindset ในการทำงานและการใช้ชีวิตอย่างแข็งแรง การค้นหาศักยภาพภายใน การพัฒนาผู้นำ การสร้างความสัมพันธ์และการสื่อสารในระดับลึก การทำงานเป็นทีม และพัฒนาทักษะการให้คำแนะนำและปรึกษาเพื่อให้คนเกิดกระบวนการเรียนรู้ เปลี่ยนแปลง และเติบโต ไปสู่เป้าหมายชีวิตอย่างสอดคล้องกับการเติบโตขององค์กร

 แล้วการผันตัวจากการทำงานเอชอาร์มาสู่การเป็นที่ปรึกษาและการเป็นโค้ชในปัจจุบันนั้น หนังสือถือเป็นหนึ่งเครื่องมือที่สำคัญมาก เธออ่านหนังสือเยอะความรู้จึงอัดแน่นพร้อมที่จะถ่ายทอดให้ทุกคน และนี่คือหนังสือ 7 เล่มที่เธอชื่นชอบและมักนำมาใช้ในการเป็นโค้ช โดยเธอบอกว่าหนังสือเป็นเหมือนกระจกที่ช่วยสะท้อนความคิด ความรู้สึก ที่แตกต่างหลากหลายมุมมอง และช่วยให้สามารถเข้าถึงโลกภายในตัวเราเอง ส่วนตัวรู้สึกเหมือนหนังสือเป็นเครื่องมือ Self-coaching ที่เป็นประโยชน์มากในการสร้างความตระหนักรู้ ขยายมุมมองและเป็นเพื่อนช่วยเตือนสติในการดำเนินชีวิต

1.เสียงเพรียกแห่งชีวิต (Let Your Life Speak)

อ่านแล้วเหมือนได้เปิดประตูเข้าไปในโลกภายในของตัวเอง เข้าไปรู้จักตัวเองและเรียนรู้ด้านในเพิ่มขึ้น ทีละนิดๆ ผ่านการถ่ายทอดประสบการณ์ของผู้เขียนที่เคยมุ่งใช้ความคิดและสมองเป็นหลักในการดำเนินชีวิต เคยทำตัวตามที่คิดว่าควรจะเป็นหรือคนอื่นบอก ทำให้ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง จนในที่สุดผู้เขียนได้เริ่มรับรู้และรู้จักตัวตนที่จริงแท้ นำไปสู่การเติบโตอย่างงดงามในช่วงชีวิตที่อยู่กับอาการซึมเศร้า แต่เป็นช่วงชีวิตที่เกิดเข้าใจตัวเองอย่างละเอียดอ่อนผ่านธรรมชาติของฤดูกาลและธรรมชาติของชีวิต

2.ความลับ 5 ข้อ ที่คุณต้องค้นให้พบก่อนตาย (The Five Secrets You Must Discover Before You Die)

การยอมเสี่ยงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ชีวิตเติมเต็มและใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย มันเป็นการขยายพื้นที่ของชีวิตให้กว้างออกไปสัมผัสความสุข ความสำเร็จ มิตรภาพ ช่วยให้เรากลับมาศรัทธาในตัวเอง เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิตจากการที่ตัดสินใจเสี่ยงเราก็สามารถรับมือได้ และจะผ่านไปได้ด้วยดี ทำให้ตระหนักได้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรให้ไม่ต้องมานั่งเสียใจกับสิ่งที่ไม่ได้ทำ ข้อคิดสำคัญจากเล่มนี้คือให้เลิกตัดสินชีวิตที่ผ่านมาและจงหันมาใส่ใจกับชีวิตที่เหลืออยู่ แล้วจะมองเห็นคุณค่าความงดงามในแง่มุมต่างๆ ของชีวิตที่อาจเผลอละเลยไป

3. Mindset : The New Psychology of Success

เล่มนี้ช่วยฉายภาพให้เห็นถึงคนที่มีกรอบความคิดแบบจำกัด (Fixed Mindset) และกรอบความคิดแบบเติบโต (Growth Mindset) อ่านแล้วเหมือนได้แว่นตาวิเศษในการมองปัญหาและอุปสรรคในชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิม ทำให้เข้าใจถึงคนที่ประสบความสำเร็จและมีความอิ่มเอมในหัวใจว่า เกิดจากการที่มีกรอบความคิดแบบเติบโตที่ช่วยปลดปล่อยให้เราได้ออกจากความกลัวผิดพลาด กลัวล้มเหลว และสนุกกับการเรียนรู้จากความผิดพลาด ช่วยให้เข้าถึงศักยภาพภายในและนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างใกล้ตัว

4.The Enneagram in Love & Work

อ่านเล่มนี้แล้วเหมือนได้แผนที่ในการกลับเข้าไปสำรวจและทำความรู้จักตนเอง ผ่านการสังเกตทำความเข้าใจโลกภายใน ทั้งในชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวอย่างเป็นระบบ น่ามหัศจรรย์ว่าจะมีศาสตร์ที่รู้จักตัวเรา ลึกกว่าที่เราเคยรู้จักตัวเองมาก่อน เป็นหนังสือที่อ่านแล้วต้องกลับมาอ่านอีก เพราะทุกครั้งที่อ่านเหมือนได้กุญแจไขประตูเข้าไปยังห้องต่างๆ ใน ตัวเอง ยิ่งได้รู้จักตัวเองเพิ่มมากขึ้นก็ยิ่งทำให้สามารถมีทางเลือกในชีวิตได้มากขึ้น ผ่านพฤติกรรมที่รู้ตัวและเข้าใจถึงที่มาของพฤติกรรมว่าถูกขับเคลื่อนด้วยอะไรภายใน สร้างความตระหนักรู้ให้เกิดขึ้น และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในชีวิต

5.The Success Principles : How to Get from Where You Are to Where You Want to Be

ประทับใจในความเรียบง่ายแต่ทรงพลังของสมการแห่งความสำเร็จ คือ E+R=O หรือ Event (เหตุการณ์)+Response (การตอบสนอง)=Outcome (ผลลัพธ์ที่ต้องการ) เป็นสมการเรียกสติได้ดี ทีเดียว เคยเผลอใช้ชีวิตบนความคาดหวังที่จะเปลี่ยน Event ให้เป็นอย่างที่เราต้องการ ซึ่งอาจทำให้เราเสียทั้งพลังงานและเวลาโดยที่ไม่รู้ว่าจะได้ผลลัพธ์อย่างที่เราต้องการหรือเปล่า แต่สมการนี้ช่วยให้เกิดความตระหนักรู้ รับผิดชอบต่อผลลัพธ์ในชีวิตเราเอง ไม่มัวแต่พร่ำบ่น ต่อว่า หรือกล่าวโทษสถานการณ์ต่างๆ แต่กลับมาถามตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่เราต้องการอย่างแท้จริง และเราจะใส่ใจต่อการปรับเปลี่ยนมุมมอง กรอบความคิดพฤติกรรมและวิธีการต่างๆ ของเราเองได้อย่างไร รับรู้ถึงชีวิตที่เราเลือกได้เอง ขึ้นกับการตอบสนองของเรา

6.The Power of NOW : A Guide to Spiritual Enlightenment

เป็นหนังสือที่เรียนรู้ผ่านการเปิดประตูสู่โลกอีกใบ นั่นคือการเรียนรู้และสัมผัสจากประสบการณ์ภายในของตัวเราเอง อ่านโดยวางสมองและความคิดลง อาจเป็นเรื่องแปลกเพราะเราส่วนมากผ่านการศึกษาและเรียนรู้ผ่านฐานคิดและใช้สมองเป็นหลัก แต่ในความเป็นจริงยังมีปัญญาจากฐานร่างกายและจิตใจที่เป็นศักยภาพของมนุษย์ที่อยู่กับเรามาโดยตลอด ชอบที่หนังสือช่วยทำให้เข้าใจถึงการผสานปัญญาทั้งสามฐานคือ ความคิด ร่างกาย และจิตใจเข้าด้วยการผ่านการมีสติอยู่กับปัจจุบันขณะรู้สึกสงบนิ่งภายใน ทำให้ได้อยู่กับปัจจุบันอย่างแท้จริง ซึ่งการอยู่กับปัจจุบันนั้นเป็นประตูแห่งอิสรภาพจากความคิด อารมณ์ความรู้สึกนั่นเอง

7. มนุษย์ ความหมาย และค่ายกักกัน (Man's search for meaning)

ผู้เขียนเคยเป็นเชลยสงครามในค่ายกักกันอันโหดร้ายอย่างยาวนาน ทั้ง พ่อ แม่ น้องชายและภรรยา ต่างเสียชีวิตในค่ายกักกัน หนังสือเล่มนี้สะท้อนถึงการใช้ชีวิตด้วยความหวัง พลังแห่งความรัก ความศรัทธา เพราะเบื้องหลังพลังใจข้างต้นนั้น คือการรู้ซึ้งถึงจุดมุ่งหมายในชีวิต หรือความหมายของการมีชีวิตอยู่ ทำให้อ่านแล้วเกิดแรงบันดาลใจ มีพลังในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า และมีความหมายต่อตัวเองและผู้อื่น

ข่าวล่าสุด

กนง. เปิดเกมผ่อนคลายเต็มรูปแบบ ดอกเบี้ยขาลงรับเศรษฐกิจแผ่ว จับตาลดอีกเหลือ 1.0% ต้นปี 2569