ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน
พอเข้าช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี เป็นประจำทุกปีที่อดใจหายไม่ได้ว่า เวลาเลื่อนเคลื่อนไปข้างหน้าอีกหนึ่งกะพริบตาจักรวาลแล้ว
โดย...พรเทพ เฮง
พอเข้าช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี เป็นประจำทุกปีที่อดใจหายไม่ได้ว่า เวลาเลื่อนเคลื่อนไปข้างหน้าอีกหนึ่งกะพริบตาจักรวาลแล้ว แม้ว่าทุกอย่างจะเป็นสิ่งสมมติ แต่มันก็สามารถวัดและตรวจสอบอารมณ์ความรู้สึกภายในของตัวเองได้เป็นอย่างดี เพราะถือเป็นหมุดหมายให้กระตุ้นกลับสู่การทบทวนตัวเอง
ประหลาดอยู่เหมือนกันที่ทุกสิ้นปีมักจะชอบคิดเรื่องความหลังความฝัน ในที่นี้หมายถึงความฝันที่ไม่ใช่มาจากการนอนหลับ แต่เป็นความฝันในแง่พร่ำเพ้อในสิ่งที่อยากจะเป็นหรือไปถึง เมื่อมันยังไม่เป็นจริง มันก็เป็นได้แค่ความฝัน
ฝันอยากทำโน่นทำนี่ ฝันอยากไปถึงจุดนั้นจุดนี่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง
เท่าที่สังเกตตัวเอง ยิ่งนานวันความฝันก็ยิ่งลดลง หม่นหมองและหดหู่อยู่ในโลกของความเป็นจริงมากขึ้น ในทางกลับกัน จากความทะยานอยากที่หดตัวลง กลับดูเหมือนมีความสุขอยู่ข้างในลึกๆ ซึ่งบอกไม่ถูกว่าเป็นอย่างไร อธิบายให้คนอื่นหรือใครๆ ฟังไม่ได้ ถึงพยายามจะอธิบายก็คงไม่มีใครเข้าใจหรือลึกซึ้งได้เท่า
เช่นกัน พอนึกถึงความฝันที่จะก้าวไปให้ทันหรือบรรลุถึง ก็อดนึกถึงหนังสือเล่มนี้ทุกปี ตั้งแต่ได้อ่านมาก็ประมาณ 15-16 ปีเข้าไปแล้ว นวนิยายขนาดสั้นที่มีต้นฉบับเป็นภาษาโปรตุกีส “O Alquimista” หรือ “ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน” (The Alchemist) ของ เปาโล คูเอลญู (Paulo Coelho) นักเขียนชาวบราซิเลียน ได้ทำให้รู้สึกตัวเวลาฟุ้งซ่านพล่านบรรเจิดตะกายตะเกียกเรียกร้องตัวเองให้เร่งรุดรีบร้อนไปสู่ความฝันที่ลอยอยู่ห่างไกล...จนยากที่จะเป็นจริงได้
หนังสือเล่มนี้มีสำนวนแปลเป็นภาษาไทยอยู่ 2 สำนวน สำนวนแรกชื่อเล่มว่า “ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน” แปลโดย ศ.ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ และสำนวนที่ 2 มีชื่อเล่มว่า “ขุมทรัพย์สุดปลายฝัน” แปลโดย กอบชลี และกันเกรา
ปัจจุบันหนังสือเล่มนี้ขายได้มากกว่า 65 ล้านเล่ม และติดอยู่ในอันดับหนังสือขายดีของเดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ มากกว่า 315 สัปดาห์ และมีการแปลไปมากกว่า 80 ภาษาทั่วโลกได้รับการบันทึกในเดอะ กินเนส เวิลด์เรกคอร์ดว่า เป็นหนังสือที่ผู้ประพันธ์ยังมีชีวิตอยู่ที่มีการแปลไปหลากหลายภาษามากที่สุดในโลก
การมองเห็นด้านในและความงดงามของชีวิต ความฝันความปรารถนาของมนุษย์เพื่อที่จะบรรลุไปสู่จุดที่ต้องการไปถึง ขุมทรัพย์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ทุกคนก็พยายามที่จะเดินทางตามหา ฝ่าฟันทุ่มเททั้งชีวิต ยอมเสียสละทุกอย่างที่มีค่า ทั้งทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่ สิ่งของที่รัก พ่อแม่ญาติพี่น้องเพื่อนฝูง คนรัก พร้อมกับวันเวลาที่สูญหายไปอย่างเปล่าดาย
ขุมทรัพย์ที่ตามหาคือ เป้าหมายสูงสุดของชีวิต เป็นความสุขที่ใฝ่หา แล้วระหว่างทางที่ผ่านไปในเส้นทางที่เดินทางไปเพื่อตามหาขุมทรัพย์ หลายคนเลือกที่จะทิ้งไว้ข้างหลังทั้งที่มันกำลังไปได้ดีและสวยงาม แต่มันไม่ใช่ความฝันที่ตั้งไว้
ซานติเอโก เด็กหนุ่มผู้เลี้ยงแกะผู้เดินทางตามฝันจากท้องทุ่งแห่งอันดาลูเซีย สเปน สู่ทะเลทรายอียิปต์ เพื่อเสาะหาขุมทรัพย์ที่ถูกฝังไว้ใต้พีระมิด การเดินทางของเขาทำให้ผู้อ่านได้ครุ่นคิดและตีความตามประสบการณ์และภูมิหลังของแต่ละคน ต่อยอดทางความคิดและเปิดกว้างอย่างไม่มีจุดจบ เป็นการสันดาปทางความคิดที่เกิดขึ้นจากด้านในให้ตระหนักรู้
มนุษย์ทุกคนล้วนมีชะตากรรมที่ต้องบรรลุ การความมุ่งมั่นที่จะทำตามความฝัน มุ่งสู่ขุมทรัพย์ที่ใฝ่ฝัน บางช่วงบางตอนในนวนิยายที่กระชับรวบรัดเล่มนี้ได้บอกอย่างแจ่มแจ้งถึงสัจธรรมของชีวิต
“ณ บางจังหวะของชีวิต เราจะไม่สามารถจัดการสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเราได้ และชีวิตก็จะถูกบงการโดยโชคชะตา นี่คือคำโป้ปดคำใหญ่ที่สุดในโลก”
ชีวิตคนเราสามารถลิขิตเองได้จริงหรือ นี่คือคำถามต่อมา อย่างคำของภูมิปัญญาจีนที่บอกว่า 70 มนุษย์ทำ 30 ฟ้าลิขิต เพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ยอมแพ้ชะตากรรม ดึงดันดื้อด้านเป็นที่สุด และว่าไปแล้วนี่คือสิ่งที่งดงามของมนุษย์
นวนิยายเรื่องนี้แปลตรงๆ ตามรูปศัพท์ชื่อเรื่องก็คือ “นักเล่นแร่แปรธาตุ” คนเหล่านี้มีชื่อเสียงมากในยุคกลางที่วิทยาศาสตร์และการรู้แจ้งแบบตะวันตกยังไม่เข้ามา แต่ปัจจุบันคนก็ยังเชื่อในการทำสิ่งหนึ่งที่มีค่าระดับหนึ่งให้เปลี่ยนไปสู่สิ่งมีค่าสูงสุดที่มนุษย์ต้องการ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่า ยากที่จะเกิดขึ้น
“นี่คือเหตุผลที่การเล่นแร่แปรธาตุดำรงอยู่...เพื่อทุกคนจะมุ่งแสวงหาขุมทรัพย์ของตน พบขุมทรัพย์ของตน และอยากจะเป็นในสิ่งที่ดีกว่าที่เขาเคยเป็นแต่ปางก่อน...นั่นคือสิ่งที่นักแปรธาตุทำ พวกเขาชี้ให้เห็นว่าเมื่อเราปรารถนาจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าที่เราเป็นอยู่ สรรพสิ่งรอบตัวเราก็จะดีขึ้นด้วย”
เพราะมนุษย์ไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ มีความฝันและค้นหาอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด ตรงไหนล่ะคือ สุดปลายฝัน นักเล่นแร่แปรธาตุจึงอยู่ได้และจำแลงตัวในรูปรอยต่างๆ เพื่อที่จะทำให้มนุษย์มีความหวังว่า ฝันอยู่ไม่ไกลและจับต้องได้ จงเดินหรือพยายามต่อไป
มีสักกี่คนที่จะหยุดและบอกว่า พอแล้วฝันอยู่ที่นี่เอง อยู่ในตัวเอง และไม่ต้องขวนขวายทะยานอยาก พอใจในสิ่งตัวเองมีอยู่และอยู่กับมันอย่างมีความสุขตามอัตภาพ คล้ายเป็นสัจธรรมที่แสนจะเรียบง่ายและทรงพลังแต่เป็นสิ่งที่ทำได้ยากเย็นอย่างที่สุด


