posttoday

เป็นหนัง ธรรมดา มันง่ายไป...!!!

17 ตุลาคม 2558

หลังจากชมภาพยนตร์เรื่อง “เดอะดาวน์ เป็นคนธรรมดามันง่ายไป” รอบพิเศษก่อนเข้าฉายในโรงภาพยนตร์จบลง

โดย...พงศ์ พริบไหว ภาพ... เดอะ ดาวน์

หลังจากชมภาพยนตร์เรื่อง “เดอะดาวน์ เป็นคนธรรมดามันง่ายไป” รอบพิเศษก่อนเข้าฉายในโรงภาพยนตร์จบลง ความรู้สึกที่ได้รับจากหนังสารคดีเรื่องนี้ คือความอบอุ่นในอารมณ์ที่อวลไปด้วยพลังแห่งความรักความไร้เดียงสาซึ่งยอมรับเลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างไปจากที่คิด เพราะแทนที่หนังจะเศร้าและขยี้ดราม่าแต่ เดอะ ดาวน์ กลับมิได้เล่าถึงความรันทดของชีวิตคล้ายหนังสารคดีชีวิตที่เคยมีควรจะเป็น แต่กลับเล่าถึงมุมมองที่น่ารักๆ ซึ่งทำให้เห็นและเข้าใจผู้ที่ป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรมแบบที่เราเองไม่ทันได้ตั้งตัวก็รู้สึกรักเด็กๆ ดาวน์ซินโดรมในเรื่อง

อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือความกล้าหาญของทีมงาน เดอะดาวน์ ที่ตั้งใจนำเสนอหนังสารคดีรูปแบบใหม่ให้กับคนทั้งประเทศได้ชมผ่านโรงภาพยนตร์ปกติ

ย้อนกลับไป 10 กว่าปีที่แล้ว “เสือร้องไห้” ภาพยนตร์สารคดีของสหมงคลฟิล์มฯ กำกับโดย สันติ แต้พานิช เป็นเรื่องราวของการตามถ่ายทำชีวิตความเป็นอยู่ของคนอีสานที่น่าสนใจ และมีความหลากหลายในสังคมเป็นเวลา 1 ปี โดยเรื่องนี้ถือเป็นหนังสารคดีเรื่องแรกฝีมือคนไทย ที่มีโอกาสเข้าฉายในโรงหนังชั้นนำ ถือเป็นภาพยนตร์สารคดีที่ฉายภาพเรื่องราวชีวิตในชนบทอีสานได้อย่างลงตัว โดยครั้งนั้นสันติได้พูดถึงภาพยนตร์ของเขาไว้ว่า

เป็นหนัง ธรรมดา มันง่ายไป...!!!

 

“มีหลายคนแปลกใจเมื่อรู้ว่าผมได้ทุนมาทำ เพราะว่าหนังไม่มีบท ไม่รู้ว่าหนังจะเริ่มต้นยังไงและจบลงยังไง จะถ่ายเสร็จเมื่อไร ฉากต่อไปจะเป็นยังไง ภาพต่อไปจะเป็นยังไง ไม่มีใครรู้ แม้แต่ตัวผมเองก็ไม่รู้ แต่พอเสนอไปแล้ว ผ่านก็ถือว่านายทุนเล็งเห็นว่ามันคงมีอะไรดีอยู่บ้าง เขาเลยให้ความไว้วางใจผม ให้ผมทำโปรเจกต์นี้ออกมา บอกเล่าความมหัศจรรย์ในชีวิตคนอีสานที่รอนแรมเดินทางเข้ามาล่าฝันในเมืองใหญ่อันเต็มไปด้วยการแข่งขัน”

แม้หนังจะมุ่งสะท้อนความเป็นอีสานอย่างชัดเจน แต่ด้วยความใหม่ของภาพยนตร์ประเภทนี้ทำให้เสือร้องไห้มีรายได้สวนทางกับคำชม ไม่ต่างกันกับหนังสารคดีของค่ายจีทีเอชเรื่อง “Final Score 365 วัน ตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์” ที่เข้าฉายในปีถัดมา ภาพยนตร์สุดอึดที่ทุ่มเวลาเฝ้าติดตามชีวิตนักเรียน ม.6 กลุ่มหนึ่ง แบบไม่มีบทไม่มีสคริปต์ โดยตามกลุ่มนักเรียนซึ่งกำลังก้าวเข้าสู่สนามการแข่งขันอันดุเดือดที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต อย่างการสอบเอนทรานซ์ โดยงานนี้ได้หญิงเก่งอย่าง แอน-โสรยา นาคะสุวรรณ มาเป็นผู้กำกับ ซึ่งเธอเล่าถึงภาพยนตร์ของเธอให้ฟังว่า

“มีเด็กหลายคนที่น่าสนใจ เราคัดจนเหลือ 6-7 คน แต่จะรู้ได้ไงว่าเขาน่าสนใจจริงๆ ก็ต้องเข้าไปอยู่กับเขาคนละ 1 วันถ่ายภาพไว้และตัดต่อเหลือคนละ 5 นาที แล้วมาดูผ่านกล้องว่าใครน่าสนใจที่สุด จากนั้นก็เฝ้าดูการดำเนินชีวิตของเขา ถึงขั้นที่ต้องตื่นก่อนนอนทีหลังเพื่อไม่ให้พลาดเรื่องราวที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวตลอดระยะเวลา 1 ปี คือเรื่องนี้ยากกว่าการกำกับหนังอีก เพราะหนังเราสามารถบอกได้ว่าให้นักแสดงทำอะไร แต่การกำกับในเรื่องนี้ไม่ใช่แค่กำกับการแสดงต้องควบคุมทิศทางของเรื่องซึ่งไม่ใช่คอนโทรลทั้งหมด มันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าไปถึงตัวเด็ก เราต้องใช้ความอดทนพอสมควร”

เป็นหนัง ธรรมดา มันง่ายไป...!!!

 

ถึงแม้จะพยายามทำงานอย่างหนักและเรื่องราวก็ดูทันสมัยใกล้ตัว แต่ก็ทำได้เพียงรับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ในส่วนรายได้หนังสารคดีเรื่องนี้ ก็ยังไม่ได้ปังอย่างชัดเจน นั่นยิ่งเป็นเครื่องวัดความท้าทายของหนัง “เดอะดาวน์”

ทว่า เมื่อเดินทางมาถึงในยุคปัจจุบัน หนังสารคดีเรื่องนี้กลับให้ความสนใจเอาใจใส่รายละเอียดบางสิ่ง โดยค่ายหนังน้องใหม่อย่าง “a day” ได้ปรับตัวและเรียนรู้ที่จะสร้างความแตกต่างเพื่อตามหาความสำเร็จ ด้วยการมีคนเดินเรื่องในหนังสารคดีขวัญใจเด็กแนวที่ชื่อ โหน่ง-วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ และนักร้องสุดแนวอย่าง เล็ก-อภิชัย ตระกูลเผด็จไกร มาร้องเพลงประกอบ ซึ่งก็เรียงเสียงฮือฮาจากคอหนังได้ไม่น้อย

โหน่งเองยังเป็นคนริเริ่มโปรเจกต์เดอะดาวน์ ก่อนจะสานงานต่อให้ เป้ง-ทรงพล จั่นลา, อีฟ-จริยา มุ่งวัฒนา และโอ๋-พิสุทธิ์ มหพันธ์ รวมกันสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งนอกจากสารคดีเรื่องนี้จะมีคนดังมาอยู่ในสารคดีในฐานะคนเชื่อมเรื่องแล้ว อีกแง่งามที่ทำให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจไม่น้อยไปกว่ากันคือเนื้อหาที่ชวนติดตาม บอกเล่าความหลากหลายของคนที่เป็นดาวน์ซินโดรม โดย อีฟ จริยา โปรดิวเซอร์สาวคนสวย เล่าให้ฟังถึงความน่าสนใจในภาพยนตร์เรื่องเดอะดาวน์ให้ฟังว่า

เป็นหนัง ธรรมดา มันง่ายไป...!!!

 

“คือเราอยากจะถ่ายทอดเรื่องราวของคนเหล่านี้ให้ความรู้แก่สังคม และที่สำคัญคือเราอยากจะทำเพื่อสร้างความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันของคนที่แตกต่าง ซึ่งเป็นความต่างที่จริงๆ แล้วสามารถอยู่ด้วยกันได้ ทำให้พวกเราเองต้องละเอียดในการเลือกตัวละครในเรื่อง ซึ่งความยากอย่างหนึ่งมันอยู่ที่การทำให้แต่ละครอบครัวเปิดใจและยินดีให้ทีมงานของเราเข้าไปถ่ายทำเรื่องราวชีวิตของพวกเขา ซึ่งกินเวลานานหลายเดือน จนในที่สุดเราก็ได้มาทั้งหมด 4 ครอบครัว”

ทีมเดอะดาวน์ถือเป็นกองทำหนังที่เรียกว่าเล็กเอามากๆ เขาต้องเคลื่อนที่เร็วและทำงานกันตลอดเวลา เพราะต้องใช้เวลาถ่ายทำหนังแบบคลุกวงในกับกลุ่มผู้ป่วยดาวน์ซินโดรมถึง1 ปีเต็ม เพื่อบอกเล่าความพิเศษหลากหลายแง่มุม ให้คนดูได้เห็นและเข้าใจสิ่งเดียวกับที่ทีมงานเห็น ทำให้เกิดสิ่งที่ท้าทายขึ้นมาหลายอย่าง และด้วยความพยายามทีมงานขนาดเล็กได้สร้างหนังขนาดความยาว 90 นาที เรื่องนี้ให้มีชีวิตและเติบโตในแบบที่อยากให้เป็น

ในฐานะผู้กำกับโอ๋ พิสุทธิ์ ได้เล่าเสริมถึงหนังสารคดีเรื่องนี้ว่า หากเป็นการถ่ายทำภาพยนตร์ปกติทั่วไป เขาในฐานะผู้กำกับสามารถวางแผนได้ว่าฉากแบบไหนต้องถ่ายทำอย่างไร สามารถกำหนดอารมณ์ของหนังได้เอง รวมไปถึงตระเตรียมเรื่องของเวลาและสถานที่ได้ แต่งานนี้กลับตรงข้ามทุกสิ่งอย่าง เพราะการทำงานเช่นนี้การเฝ้ามองเท่านั้นคือสิ่งที่จะทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมางดงามสมบูรณ์ที่สุดเช่นที่ผู้กำกับเดอะดาวน์กล่าว

“ด้วยความที่เป็นหนังสารคดีแน่นอนว่าเราแทบไม่ได้กำกับตัวแสดงเลย มีกระตุ้นบ้างแต่ก็อยู่ในขอบเขตที่เป็นตัวเขา เราเป็นเหมือนผู้สังเกตการณ์ปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นเอง มันยากนะแต่เราอยากให้คนดูได้ดูหนังชีวิตเด็กดาวน์ซินโดรม 5 คน ที่ไม่ใช่เห็นแค่เปลือกห่อหุ้มตัวเขา เราเลยใช้วิธีการถ่ายไปเรื่อยๆ แล้วมาดูกันว่าเราได้อะไรมาบ้าง แล้วเราจะเลือกขั้วตรงข้ามในมุมที่คนไม่เคยรู้มานำเสนอ มุมที่สดใส น่ารักของพวกเด็กๆ”

เป็นหนัง ธรรมดา มันง่ายไป...!!!

 

ดูเหมือนว่าทีมเดอะดาวน์จะพบเจอประสบการณ์สนุกๆ มามากมาย ซึ่งแม้ทีมงานจะวางบทไว้แบบหลวมๆ แต่ก็ใช่ว่าจะง่ายดาย เพราะทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นต่อหน้ากล้องไม่มีสิ่งใดจะสามารถควบคุมได้ ซึ่งหากมองตามเนื้องานนี้คือหลักการของการทำสารคดีก็จริงอยู่ แต่เป็นการทำงานสารคดีที่มีเส้นเรื่องอยู่บนพื้นฐานในเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก และยังมีคนเดินเรื่องของส่งต่อจังหวะของหนัง

ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นหนังที่ไม่ธรรมดา และดูเหมือนว่าพลังของหนังสารคดีกำลังสร้างสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้นในวงการภาพยนตร์ไทย

เดอะดาวน์ เป็นเรื่องราวของเด็กดาวน์ซินโดรม 5 ชีวิต ได้แก่ แพน-กมลพร วชิรมนสาวอารมณ์ดีแห่ง AIS ผู้รักการกินเป็นลมหายใจ และรักการเรียนรู้เป็นชีวิตจิตใจ ทั้งยังเป็นสาวดาวน์ซินโดรมคนแรกที่สามารถคว้าปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพได้ แบงค์-สุทธิพศ กนกนาค หนุ่มห้างแห่งร้านเสื้อ Uniqlo เด็กดาวน์ซินโดรมที่มีความฝันสูงสุดคือการเก็บเงินไว้ทำบ้านใหม่ให้พ่อแม่ เบียร์-ศิรินลักษณ์ฉลาด สาวหวานอัธยาศัยดีผู้เป็นที่รักของทุกคน เพราะเธอเป็นคนที่สามารถเติมเต็มความสุขให้ทุกคนในที่ทำงานและรวมถึงทุกคนในบ้าน และสุดท้าย ออม-อรนิภา และ อัน-อติญา กาญจนศิริ แฝดสาวดาวน์ซินโดรม นักกีฬาบอชชี่เหรียญทอง สเปเชียล โอลิมปิก

ทั้งนี้ เดอะดาวน์ จะเล่าเรื่องคล้ายเป็นหนังสือแบ่งบทและตอนไว้อย่างชัดเจน งานนี้ถ้าใครอยากรู้ว่าบางสิ่งที่จะเข้าไปแตะหัวใจของคนดูคือะไรก็ลองเปิดโอกาสให้ภาพยนตร์สารคดี เดอะดาวน์ และก้าวไปรับรู้เรื่องราวของเด็กดาวน์ซินโดรมทั้ง 5 ชีวิต พร้อมๆกันได้แล้ววันนี้

ข่าวล่าสุด

ป.ป.ส. ผนึก DEA สหรัฐฯ เตรียมจัดประชุม Regional IDEC 2026 ที่เชียงราย